กุมารแพทย์ย้ำความสำคัญเด็กช่วง Golden Period แนะเสริมภูมิคุ้มกันเพิ่มพลังสมองพร้อมสู่โลกกว้าง

               การสร้างภูมิคุ้มกันควบคู่กับการบำรุงสมองในช่วงเวลาทอง หรือ Golden Period ของเด็กวัย 2-6 ปี ถือเป็นสิ่งสำคัญเป็นอย่างมาก กุมารแพทย์แนะนำคุณพ่อ-คุณแม่ ดูแลลูกน้อยให้มีสุขภาพแข็งแรง พร้อมเลือกสารอาหารที่จำเป็นและมีประโยชน์ อาทิผลไม้ตระกูลเบอร์รี่ เช่น เอลเดอร์เบอร์รี่ ที่ช่วยเสริมภูมิคุ้มกัน โคลีน สารอาหารที่ช่วยในการพัฒนาสมอง และซิงค์ช่วยในการเจริญเติบโต เพื่อเสริมสร้างพัฒนาการการเรียนรู้ของลูกอย่างเต็มศักยภาพ สามารถพัฒนาทักษะเพื่อการใช้ชีวิตต่อไปในอนาคตได้อย่างมีประสิทธิภาพ

               บริษัท ไบเออร์ไทย จำกัด โดยแผนกคอนซูเมอร์เฮลธ์ ผู้จัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ภายใต้แบรนด์ “บีรอคคา” (Berocca) แบรนด์ชั้นนำจากประเทศเยอรมนี ร่วมกับ เพจ theAsianparent Thailand จัดกิจกรรมให้ความรู้ในหัวข้อ เตรียมพร้อมไม่พลาดลูกวัย Golden Period ต้องเสริมภูมิคุ้มกัน เสริมสมอง เพื่อปลดล็อกศักยภาพ โดยได้รับเกียรติจาก พญ.ลลิต ลีลาทิพย์กุล กุมารแพทย์ เวชศาสตร์วัยรุ่น โรงพยาบาลธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติ และคุณนุ่น-ณัชชานันท์ เลียงอรุณวงศ์ เจ้าของเพจ English AfterNoonz เป็นวิทยากรให้ความรู้ พร้อมแนะนำ “บีรอคคา เอลเดอร์เบอร์รี่ พลัส โคลีน แอนด์ ซิงค์” ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารสูตรน้ำ ที่เปิดตัวครั้งแรกที่ประเทศไทยที่แรกในภูมิภาคเอเชีย

               พญ.ลลิต ลีลาทิพย์กุล กุมารแพทย์ เวชศาสตร์วัยรุ่น โรงพยาบาลธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติเปิดเผยว่า ภูมิคุ้มกันหรือระบบภูมิคุ้มกัน (Immunity) ถือว่ามีความสำคัญมากต่อพัฒนาการของเด็กเล็ก ทั้งทางด้านร่างกายและสติปัญญา โดยเฉพาะเด็กในช่วง Golden Period หรืออายุ 2-6 ปี เป็นช่วงวัยที่คุณพ่อและคุณแม่ต้องใส่ใจเสริมภูมิคุ้มกันและบำรุงสมองอย่างเหมาะสม เพื่อพัฒนาการของลูกน้อยในระยะยาว

               ระบบภูมิคุ้มกันที่แข็งแรงจะปกป้องเด็กจากเชื้อโรค ตรวจจับ ค้นหา และกำจัดสิ่งแปลกปลอมที่เป็นอันตราย ป้องกันไม่ให้ป่วยเป็นโรคต่างๆ เช่น โรคหวัด โรคไข้หวัดใหญ่ โรคอีสุกอีใส เป็นต้น ส่งผลต่อพัฒนาการทางร่างกาย อารมณ์ สังคม และสติปัญญา ส่งเสริมสร้างการทำงานของสมอง ได้แก่ 1. ลดการอักเสบในสมอง ควบคุม ปกป้องสมองจากความเสียหาย 2. ส่งเสริมการเจริญเติบโตของเซลล์สมอง สร้างเซลล์ใหม่เกิดขึ้นมากกว่า และมีการเชื่อมต่อระหว่างเซลล์สมองที่ดีกว่า 3. ปรับปรุงการเรียนรู้และความจำ ซึ่งมีงานวิจัยพบว่าเด็กที่มีระบบภูมิคุ้มกันแข็งแรงจะมีผลการเรียนที่ดีกว่า

               สำหรับการเสริมภูมิคุ้มกันให้เด็กๆ พญ.ลลิต แนะนำเรื่องการดูแลแบบองค์รวม ทั้งโภชนาการ โดยรับประทานอาหารครบ 5 หมู่ การนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ 8-10 ชั่วโมงต่อวัน ออกกำลังกายสม่ำเสมอ อย่างน้อย 30 นาทีต่อวัน ดื่มน้ำสะอาดให้เพียงพอและเสริมด้วยวิตามินและแร่ธาตุ ซึ่งคุณพ่อ-คุณแม่ ควรปรึกษาให้แพทย์พิจารณาเพิ่มตามความเหมาะสม

               การเลือกสารอาหารที่ช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันและบำรุงสมอง แนะนำผลไม้ตระกูลเบอรี่โดยเฉพาะ เอลเดอร์เบอร์รี่ (Elderberry) ที่มีสารต้านอนุมูลอิสระสูง ช่วยต้านการอักเสบ ยับยั้งสารก่อภูมิแพ้ และบรรเทาอาการจากไข้หวัด โคลีน (Choline) เป็นสารอาหารสำคัญช่วยพัฒนาสมอง เสริมความจำ ให้มีสมาธิและการจดจ่อ เสริมประสิทธิภาพการเรียนรู้ พัฒนาการทำงานสมองได้ดีมากขึ้น และสังกะสี (Zinc) ซึ่งเป็นแร่ธาตุที่จำเป็น มีส่วนช่วยในการทำหน้าที่ตามปกติของระบบภูมิคุ้มกัน และช่วยในการเจริญเติบโตของร่างกาย

               ด้าน คุณนุ่น-ณัชชานันท์ เลียงอรุณวงศ์ คุณแม่ลูก 2 และ เจ้าของเพจ Facebook/Twitter สอนภาษาอังกฤษ English AfterNoonz ร่วมแลกเปลี่ยนประสบการณ์การเลี้ยงลูกว่า มุ่งเน้นให้ลูกทำกิจกรรมเสริมทักษะต่างๆ ที่เหมาะสมกับวัย และดูแลเรื่องโภชนาการไปพร้อมๆ กัน เพราะลูกอยู่ในวัยเรียน ต้องเลือกสิ่งดีที่สุดเพื่อเสริมสร้างภูมิคุ้มกันและบำรุงสมองให้แข็งแรง ถ้าร่างกายดี พัฒนาการต่างๆ ทั้งการเล่น การเรียนรู้ สติปัญญาก็จะเติบโตดีตามไปด้วย

               คุณนุ่น-ณัชชานันท์ กล่าวเสริมอีกว่า “ด้วยสภาพแวดล้อม และวิถีชีวิตในปัจจุบันทำให้ลูกเสี่ยงต่อการเจ็บไข้ได้ป่วยง่ายมากขึ้น ทั้งการได้รับสารอาหารไม่ครบ หรือการรับเชื้อโรคเข้าสู่ร่างกาย ซึ่งส่งผลอย่างมากต่อพัฒนาการและการเจริญเติบโต ปัจจัยเหล่านี้จึงเป็นจุดเริ่มต้นมองหาผลิตภัณฑ์อาหารเสริม ที่ช่วยสร้างภูมิคุ้มกัน พัฒนาสมอง และช่วยในการเจริญเติบโตได้อย่างสมวัย แต่สิ่งหนึ่งที่สำคัญมากๆ ก็คือต้องเป็นสารสกัดจากธรรมชาติผ่านกรรมวิธีปลูกแบบออร์แกนิค ไม่ใส่สีสังเคราะห์ ไม่ใส่น้ำตาล ไม่ใส่สารกันเสีย และเป็นแบรนด์ที่น่าเชื่อถือ เพราะจะได้มั่นใจว่าเลือกสิ่งที่ดีที่สุดให้กับลูกจริงๆ ค่ะ”

               คุณไท เปง มัค ผู้จัดการทั่วไป กลุ่มธุรกิจคอนซูเมอร์เฮลธ์ บริษัท ไบเออร์ไทย จำกัด กล่าวว่า ไบเออร์ ในฐานะที่เชี่ยวชาญและได้รับความไว้วางใจจากผู้บริโภคในผลิตภัณฑ์ภายใต้แบรนด์บีรอคคา เดินหน้าขยายฐานธุรกิจเปิดตัวผลิตภัณฑ์เสริมอาหารสูตรน้ำ “บีรอคคา เอลเดอร์เบอร์รี่ พลัส โคลีน แอนด์ ซิงค์” ครั้งแรกในประเทศไทยนับเป็นประเทศแรกในภูมิภาคเอเชีย สอดคล้องกับจุดประสงค์ของเราที่สนับสนุนให้ผู้บริโภคสามารถดูแลสุขภาพตัวเองให้ดียิ่งขึ้นในทุกๆ วัน

               คุณพรพล พงศ์ปริตร ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด กลุ่มธุรกิจคอนซูเมอร์เฮลธ์ บริษัท ไบเออร์ไทย จำกัด กล่าวว่า “สำหรับไบเออร์ เราได้เล็งเห็นถึงศักยภาพการเติบโตของตลาดวิตามินและผลิตภัณฑ์อาหารเสริมที่มีมูลค่าประมาณ 12,000 ล้านบาท ในปี 2566 เพราะผู้บริโภคยังคงมองหาผลิตภัณฑ์จะสามารถช่วยเสริมภูมิคุ้มกันและช่วยในการเจริญเติบโตของสมาชิกในครอบครัว ทำให้เราเชื่อมั่นว่า ผลิตภัณฑ์ บีรอคคา  เอลเดอร์เบอร์รี่ พลัส โคลีน แอนด์ ซิงค์ รวมถึงกิจกรรมการตลาดต่างๆ ทั้งออนไลน์และออฟไลน์ตลอดครึ่งปีหลัง 2567 นี้ จะช่วยผลักดันให้ผลิตภัณฑ์ใหม่ของเราเป็นอีกหนึ่งผลิตภัณฑ์ในใจของผู้บริโภค เช่นเดียวกับวิตามินเม็ดฟู่สำหรับผู้ใหญ่ของเราที่ครองใจผู้บริโภคไทยมาโดยตลอด”

               “บีรอคคา เอลเดอร์เบอร์รี่ พลัส โคลีน แอนด์ ซิงค์” มีส่วนประกอบที่มีประโยชน์ 3 ชนิด ได้แก่ สารสกัดจากแบล็คเอลเดอร์เบอร์รี่ โคลีน และสังกะสี ที่มีส่วนช่วยในการทำหน้าที่ตามปกติของระบบภูมิคุ้มกันและช่วยในการเจริญเติบโตของร่างกาย ไม่ใส่น้ำตาลทราย ไม่ใส่สีสังเคราะห์ และไม่ใส่สารกันเสีย

               สำหรับผู้ที่สนใจข้อมูลเพิ่มเติม สามารถอ่านรายละเอียดเกี่ยวกับการเสริมภูมิคุ้มกันและบำรุงสมองให้กับลูกน้อย ได้ที่ www.berocca.co.th และสามารถซื้อผลิตภัณฑ์ “บีรอคคา เอลเดอร์เบอร์รี่ พลัส โคลีน แอนด์ ซิงค์” ได้ที่ https://bit.ly/3ybLsYk

เกี่ยวกับไบเออร์

               ไบเออร์เป็นบริษัทระดับโลกที่มีความเชี่ยวชาญหลักในด้านไลฟ์ซายน์เกี่ยวกับการดูแลสุขภาพและโภชนาการ ด้วยพันธกิจ ทุกคนมีสุขภาพดี ไม่ขาดแคลนอาหาร (Health for all, Hunger for none) ผลิตภัณฑ์และบริการของไบเออร์ได้รับการออกแบบมาเพื่อช่วยผู้คนและโลกของเราโดยการสนับสนุนความพยายามในการก้าวข้ามอุปสรรคที่ยิ่งใหญ่ที่เกิดขึ้นกับประชากรโลกที่กำลังเพิ่มจำนวนขึ้นและมีประชากรสูงอายุมากขึ้น ไบเออร์มุ่งมั่นที่จะผลักดันการพัฒนาอย่างยั่งยืนและสร้างความเปลี่ยนแปลงให้เกิดขึ้นในเชิงบวกด้วยธุรกิจของบริษัท พร้อมกันนี้ บริษัทยังได้มุ่งเป้าในการเพิ่มรายได้และสร้างคุณค่าจากนวัตกรรมใหม่ๆ และการเติบโต โดยภายใต้เครื่องหมายการค้าไบเออร์ บริษัทได้รับความไว้วางใจ ความน่าเชื่อถือ และผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพในระดับโลก ในปีงบประมาณ 2566 กลุ่มบริษัทมีพนักงานราว 100,000 คน และมียอดขาย 47.6 พันล้านยูโร ค่าใช้จ่ายด้านการวิจัยและพัฒนาก่อนรายการพิเศษรวมเป็น 5.8 พันล้านยูโร สามารถดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.bayer.com

Related posts