โครงการพระธรรมจาริก วัดสุทธิวราราม และบัณฑิตวิทยาลัย มจร. ช่วยเหลือน้ำท่วมบ้านห้วยหินลาดใน อำเภอเวียงป่าเป้า จ.เชียงราย

              วันที่ 25 กันยายน 2567 พระสุธีรัตนบัณฑิต รองประธานคณะพระธรรมจาริก กรรมการโครงการหมู่บ้านรักษาศีล 5 และเจ้าวาสวัดสุทธิวราราม กรุงเทพมหานคร ได้รับมอบหมายจากเจ้าประคุณสมเด็จพระมหาธีราจารย์ เจ้าคณะใหญ่หนเหนือ และพระมหาเถระที่เกี่ยวข้อง ให้ลงพื้นที่หมู่บ้านห้วยหินลาดใน ตำบลบ้านโป่ง อำเภอเวียงป่าเป้า จังหวัดเชียงราย ซึ่งประสบกับอุทกภัยน้ำหลากดินถล่มเมื่อวันที่ 23 กันยายนที่ผ่านมา ซึ่งหมู่บ้านได้รับผลกระทบอย่างหนัก มีบ้านเรือน โรงเรียนพัง เสียหาย รถทุกประเภทไม่สามารถเข้าถึงหมู่บ้านได้ เนื่องจากมีดินสไลด์ทางเข้าหมู่บ้าน

               หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น นายอำเภอเวียงป่าเป้า กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ในพื้นที่ มูลนิธิบ้านนกขมิ้น สำนักอนุรักษ์ป่าไม้ พิษณุโลก กรมอุทยานแห่งชาติฯ ได้เดินเท้าเข้าไปยังพื้นที่เพื่อช่วยเหลือประชาชนซึ่งปัจจุบันระบบสาธารณูปโภค ไฟฟ้า ประปา ไม่สามารถใช้งานได้  ซึ่งทางหมู่บ้านได้เริ่มตั้งกองอำนวยการช่วยเหลือในวันนี้

               ในการนี้ วัดสุทธิวรารามและสาธุชนในกรุงเทพมหานคร ได้ร่วมกันจัดสิ่งของเครื่องอุปโภค เสื้อผ้า อาหารและยารักษาโรคเข้าไปยังพื้นที่ โดยการขนสิ่งของดังกล่าวจำเป็นต้องให้ผู้นำชุมชน ชาวบ้าน และหน่วยงานต่างๆ รวมทั้งเครือข่ายจิตอาสา เอาใส่ตะกร้าเข้าไปในหมู่บ้านโดยมีระยะทาง 2 กิโลเมตร ต้องเดินข้ามผ่านดินสไลด์และโคนโดยใช้เวลาเดินเท้าไปกลับ 1 ชั่วโมงครึ่ง ถึง 2 ชั่วโมง เบื้องต้นได้มอบสิ่งของให้กับผู้นำชุมชนและเงินเงินบำรุงขวัญครอบครัวละ 1000 บาท สำหรับบ้านที่พังเสียหายให้เพิ่มครอบครัวละ 2000 บาทมอบให้กับอาศรมเครือข่ายพระธรรมจาริก และโรงเรียนอีกจำนวนหนึ่ง

               สำหรับบ้านห้วยหินลาดใน เป็นชุมชมปกาเกอะญอ หรือกระเหรี่ยง เป็นชุมชนที่มีการรักษาป่าไม้และต้นน้ำไว้อย่างดีได้รางวัลลูกโลกสีเขียวอาชีพส่วนใหญ่ของคนที่นี่คือการปลูกชา กาแฟ และพืชไร่อื่นๆ มีความอุดมสมบูรณ์ในระดับที่ดีแต่เนื่องจากปีนี้ฝนตกเยอะมาก ทำให้ดินอุ้มน้ำไว้ไม่ไหว จึงเกิดการพังทลายและน้ำป่าไหลหลากเข้าสู่หมู่บ้านตามภาพข่าวที่ปรากฏ

               ผู้คนในชุมชนอัธยาศัยไมตรีที่ดี เป็นมิตรช่วยเหลือกันขนเครื่องอุปโภคบริโภค เข้าสู่ในหมู่บ้าน ถึงแม้ว่าจะเดินเท้าไปกลับในช่วงนี้ แต่ทุกคนมุ่งมั่นมีความตั้งใจที่จะดูแลชุมชนของตนเอง

               ขออนุญาตนำข้อความที่ท่าน Sutep Thanikkul เขียนไว้ว่า

“ห้วยหินลาดใน : ปกาเกอะญอ”

               กระแสน้ำป่าพาพัดรถคัดใหญ่กับทั้งท่อนไม้ให้ไหลไปตามเส้นทางสัญจรเหมือนดั่งตักน้ำเทไปบนพื้นและพาพัดสิ่งต่างๆไปตามแรง ณ อาคารที่เคยนั่งพั  กช่วงมาปฏิบัตินิเวศภาวนาที่บ้านห้วยหินลาดใน อำเภอเวียงป่าเป้า จังหวัดเชียงราย 

               กระแสน้ำเชี่ยวกรากไหลเป็นทางไม่มีที่ท่าว่าจะหยุดง่ายๆ ผู้อยู่บนที่สูงปลอดภัย ผู้อยู่ที่ต่ำได้รับภัยจากกระแสน้ำและแรงกระแทก ฟังข่าวการเสียหายทั้งชีวิตและทรัพย์สิน รู้สึกสะเทือนใจและเห็นใจผู้ได้รับผลกระทบจากภัยธรรมชาติ

               หมู่บ้านเล็กบนภูเขาสูง เป็นที่อยู่ของชาวเขาเผ่าปกาเกอะญอ บ้านห้วยหินลาดใน ผู้รักผืนป่าดั่งบ้านและชีวิตของตนเองบนพื้นที่หลายพันไร่ที่ชาวเขาเผ่าชาวปกาเกอะญอ ร่วมกันดูแลต้นไม้ ผืนป่า ลำธาร ทำมาหากินโดยอาศัยผืนป่าหาน้ำผึ้งธรรมชาติจากกล่องที่สร้างมาไว้ให้ผึ้งมาอาศัย เก็บน้ำผึ้งตามฤดูกาล น้ำผึ้งจากเกษรดอกไม้นานาพรรณจากป่าคุณภาพดีเยี่ยม ชาวบ้านช่วยกันสร้างแนวกันไฟและจัดเวรยามดูแลไฟป่า เมื่อไม่มีไฟ น้ำผึ้งก็สมบูรณ์ วงจรการดูแลไฟป่าและเก็บเกี่ยวน้ำผึ้งจึงเป็นวิถีอนุรักษ์ป่าและทำมากิน

               การทำพืชไร่หมุนเวียนอย่างเป็นระบบที่อนุรักษ์ป่า ให้ผลผลิตเลี้ยงชีวิตมนุษย์ ปลูกพืชหนึ่งปี และให้ป่าฟื้นฟูสามถึงห้าปีหมุนเวียนไปจึงไม่มีภูเขาหัวโล้น คนให้คุณค่าป่า ป่ารักษาคนรวมเป็นหนึ่งเดียวกัน

               ต้นไม้ที่มีอายุมากแล้วจะต้องตายแน่นอน ตัดต้นไม้นั้นมาใช้งาน จะได้ไม้ที่แข็งและมีคุณภาพ สำหรับต้นไม้ยังหนุ่มอยู่ปล่อยให้เติบโตเพื่อให้คุณค่าแก่ป่าและสัตว์น้อยใหญ่และมวลมนุษยชาติต่อไป ดังนั้นการจะหาต้นไม้มาทำบ้านสักต้นจึงต้องเดินทางเข้าป่าลึกเพื่อหาต้นไม้ต้นนั้น แนวคิดการอนุรักษ์ป่าของชาวห้วยหินลาดในฟังแล้วน่าชื่นชมอย่างยิ่ง

               กองทุนละลายทรัพย์ เป็นกองทุนที่ชาวหมู่บ้านห้วยหินลาดในตั้งขึ้นเพื่อแบ่งเงินส่วนหนึ่งจากเงินเดือนของผู้ประสงค์ดูแลป่าร่วมกันหรือแบ่งเงินจากรายได้บางอย่างมารวมกันเพื่อจัดสรรดูแลคนรักษาผืนป่าและอุปกรณ์ดูป่าร่วมกัน โดยใช้แนวคิดที่ว่า ละลายทรัพย์เพื่อรักษาป่าของเรา

               อยู่ป่า รักษาป่า รักษาชีวิตโดยใช้ผืนป่าเป็นแหล่งทำมาหากิน รายได้ต่อปีไม่มากนักแต่มีเงินเหลือเลี้ยงชีพและพอมีให้หยิบยืมกันในยามจำเป็น รุ่มรวยความสุข รุ่มรวยน้ำใจ รุ่มรวยศีลธรรม ใครมาเยือนจะชุ่มชื่นหัวใจยามได้สนทนา

               ชนกลุ่มเล็กๆ เป็นตัวอย่างของการอนุรักษ์ผืนป่าและเลี้ยงชีวิตเพราะเห็นคุณค่าของผืนป่าที่ให้ประโยชน์แก่มวลมนุษยชาติมากว่าเพียงตัดไม้ขายและได้เงินร่ำรวยโดยไม่ทำสิ่งใดทนแทนส่วนที่หายไป 

               เมื่อบุคคลส่วนใหญ่ตัดไม้ถางป่าโดยไม่มีการปลูกทนแทน พื้นที่ป่าจึงน้อยลง ภูเขาหัวโล้นมากขึ้น ดินไม่มีรากไม้คอยอุ้มน้ำ ไม่มีต้นไม้คลุมดิน ระบบนิเวศแปรปรวน เมื่อฝนตกติดต่อกันนานๆ ดินอุ้มน้ำไม่ทันก็ไหลบ่าเป็นกระแสเชี่ยวกรากพาพัดสิ่งกีดขวางไปตามกระแสน้ำ ได้รับความเสียหายทั้งชีวิตและทรัพย์สิน

               ยามน้ำพัดพาไป น้ำใจจากคนไทยก็หลั่งไหลช่วยกันดูแล ทั้งหน่วยงานภาครัฐ เอกชน พร้อมด้วยคณะสงฆ์ช่วยดูแลกันน่าชื่นใจ เห็นน้ำใจคนไทยที่ดูแลคนไทยด้วยกันก็ชื่นใจไม่น้อย

               จะดีไม่น้อยเลย  หลังคลื่นน้ำผ่านพ้นไปแล้ว  พลังคนไทยกลับมาช่วยกันอนุรักษ์ป่าที่เหลืออยู่  ปลูกต้นไม้หรือผืนป่าใหม่ให้มากขึ้น  สร้างระบบนิเวศให้คน สัตว์ ป่า น้ำ อาชีพ  ให้เป็นวิถีชีวิตที่เกื้อกูลกันและนำประโยชน์สุขมาสู่คนทั้งประเทศและทั้งโลกได้ร่มเย็นด้วยผืนป่าเดียวกัน  ดังชาวปกาเกอะญอ รักษาผื่นป่าให้เราชาวเมืองได้ดื่มน้ำผึ้งที่มีคุณภาพดีเยี่ยมจากธรรมชาติแท้ๆ

               วันนี้ชาวปกาเกอะญอ บ้านห้วยหินลาดใน ได้ประสบภัยจากน้ำฝนที่ตกมากจนน้ำป่าไหลบ่าได้รับความเดือดร้อน ชวนกันส่งกำลังใจ สิ่งของ หรือทรัพย์ไปช่วยกันตามสมควร

หลังจากนี้ เราทุกคนคงช่วยกันฟื้นฟู ชุมชนแห่งนี้อีกครั้ง

Related posts