วันที่ 11 มี.ค.68 เวลา 11.30 น. ตำรวจภูธรภาค 1 โดย พล.ต.ท.สุรพล เปรมบุตร ผบช.ภ.1, พล.ต.ต.โชคชัย งามวงศ์ รอง ผบช.ภ.1 ตั้งแต่วันที่ 26 ก.พ.68 ถึง 9 มี.ค.68 (12 วัน) จับกุมคดีเกี่ยวกับบุหรี่ไฟฟ้า รวม 145 คดี ดังนี้
1.จับกุมรายใหญ่และรายสำคัญ (มูลค่าของกลาง 500,000 บาทขึ้นไป หรือเป็นการกระทำในรูปแบบออนไลน์ หรือกระทำเป็นเครือข่าย) จำนวน 11 คดี ผู้ต้องหา 20 คน ของกลาง (บุหรี่ไฟฟ้าชนิดต่างๆ และอุปกรณ์) รวม 69,066 ชิ้น มูลค่า 11,612,650 บาท
2.จับกุมรายย่อย 134 คดี ผู้ต้องหา 137 คน ของกลาง 8,487 ชิ้น มูลค่า 3,035,350 บาท
ผลการจับกุมยาเสพติด และคดีเกี่ยวกับทรัพย์ที่สร้างความเดือนร้อนให้กับประชาชน 5 คดี ในห้วงวันที่ 7–9 มี.ค.68
คดีที่ 1 ตรวจยึดยาไอซ์ 520 กิโลกรัม มูลค่ากว่า 300 ล้านบาท สืบเนื่องจาก เมื่อวันที่ 9 มี.ค.68 เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ลำลูกกา จว.ปทุมธานี ได้รับแจ้งเบาะแสว่า ภายในโกดังไม่มีเลขที่ ต.บึงคำพร้อย อ.ลำลูกกา จว.ปทุมธานี น่าสงสัยว่าจะมียาเสพติดซุกซ่อนอยู่เป็นจำนวนมาก
ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ท.สุรพล เปรมบุตร ผบช.ภ.1 พล.ต.ต.โชคชัย งามวงศ์ รอง ผบช.ภ.1 พล.ต.ต.นราเดช ทิพย์รักษ์ รอง ผบช.ภ.1 พล.ต.ต.ชยานนท์ มีสติ รอง ผบช.ภ.1 พล.ต.ต.วรชาติ แสนคำ ผบก.สส.ภ.1 พล.ต.ต.ยุทธนา จอนขุน ผบก.ภ.จว.ปทุมธานี สั่งการให้ พ.ต.อ.ถิรเดช จันทร์ลาด ผกก.สภ.ลำลูกกา จัดกำลังของ สภ.ลำลูกกา, กก.สส.ภ.จว.ปทุมธานี, บก.สส.ภ.1 และ พฐ.จว.ปทุมธานี เข้าตรวจสอบและตรวจค้นโกดังดังกล่าว
ผลการตรวจค้น พบยาเสพติดให้โทษ (ยาไอซ์) พร้อมด้วยของกลาง อทิ ยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาไอซ์) น้ำหนักประมาณ 520 กิโลกรัม, ตู้แช่เย็น ยี่ห้อ THE FrezzeR ขนาด 154 กก. จำนวน 2 ตู้, ตู้แช่เย็น ยี่ห้อ SANDEN ขนาด 135 กก. จำนวน 2 ตู้, กล่อง GPS สีดำ พร้อมซิมการ์ดโทรศัพท์ จำนวน 2 ชุด ขณะนี้อยู่ระหว่างการสืบสวนสอบสวนขยายผลหาตัวผู้กระทำผิดมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
คดีที่ 2 จับกุมผู้ต้องหาลักทรัพย์คอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊กในร้านกาแฟ สืบเนื่องจาก เมื่อวันที่ 3 มี.ค.68 เวลาประมาณ 11.00 น. ได้มีผู้เสียหายมาแจ้งความที่ สภ.เมืองนนทบุรี ว่าถูกคนร้ายไม่ทราบว่าเป็นผู้ใด ลักทรัพย์เอาคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊ก ขณะวางไว้บนโต๊ะภายในร้านกาแฟสตาร์บัค ห้างเดอะมอลล์งามวงศ์วาน แล้วลุกเดินไปสั่งกาแฟที่เคาน์เตอร์ภายในร้าน โดยในคอมพิวเตอร์มีข้อมูลที่สำคัญอยู่เป็นจำนวนมาก
เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.สส.1 บก.สส.ภ.1, กก.สส.ภ.จว.นนทบุรี และ สภ.เมืองนนทบุรี จึงได้ร่วมกันสืบสวนติดตามหาคนร้ายและตรวจสอบจากกล้องวงจรปิด ต่อมาในวันที่ 8 มี.ค.68 สามารถติดตามจับกุมผู้ต้องหาชื่อนายขรรค์ชัย (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 59 ปี ภูมิลำเนาอยู่ที่ จว.ประจวบคีรีขันธ์ โดยจับกุมได้ที่บริเวณร้านเกมส์ เขตมีนบุรี กทม. และสามารถติดตามคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊ก (ของกลาง) คืนได้ที่ร้านค้าภายในตลาดนัดจตุจักร 2 เขตมีนบุรี กทม. ซึ่งผู้ต้องหานำมาขายไว้ในราคา 5,000 บาท
คดีที่ 3 จับกุมผู้ต้องหาเป็นชาวต่างชาติ ทุบกระจกรถยนต์ลักเงินสด 1.5 ล้านบาท สืบเนื่องจาก เมื่อวันที่ 3 มี.ค.68 เวลาประมาณ 12.30 น. ได้มีผู้เสียหายมาแจ้งความที่ สภ.เมืองนนทบุรี ว่าขณะจอดรถยนต์เก๋งยี่ห้อโตโยต้า ไว้ที่บริเวณลานจอดรถของห้างเดอะมอลล์งามวงศ์วาน โดยในรถมีเงินสด 1,500,000 บาท และได้ถูกคนร้ายไม่ทราบว่าเป็นผู้ใด ทุบกระจกรถยนต์แล้วลักเงินสดดังกล่าวไป
เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.สส.1 บก.สส.ภ.1, กก.สส.ภ.จว.นนทบุรี และ สภ.เมืองนนทบุรี จึงได้ร่วมกันสืบสวนติดตามหาคนร้ายและตรวจสอบจากกล้องวงจรปิด ต่อมาในวันที่ 8 มี.ค.68 สามารถติดตามจับกุมผู้ต้องหาเป็นชายชาวต่างชาติ (สัญชาติฮังการี) จับกุมได้ที่ ต.หนองปรือ อ.บางละมุง จว.ชลบุรี พร้อมด้วยของกลาง ดังนี้ รถจักรยานยนต์ Honda Wave 125i สีขาว 1 คัน, เงินสด 187,850 บาท, โทรศัพท์ ยี่ห้อ ไอโฟน 7 และเครื่องตัดสัญญาณกันขโมย flipper zero ตรวจประวัติการเดินทางของผู้ต้องหา พบว่าเข้ามาในราชอาณาจักรไทยเมื่อวันที่ 3 ก.ย.62 ทางท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ และออกจากประเทศไทยวันที่ 1 ธ.ค.62 ทาง จว.มุกดาหาร หลังจากนั้นไม่พบประวัติการเดินทางเข้าประเทศไทย และจากการตรวจสอบหมายแดงจากอินเตอร์โพลไม่พบว่ามีหมายจับอื่น
คดีที่ 4 จับกุมผู้ต้องหาชิงทรัพย์โทรศัพท์มือถือ สืบเนื่องจาก เมื่อวันที่ 6 มี.ค.68 เวลาประมาณ 12.30 น. ได้มีผู้เสียหายมาแจ้งความที่ สภ.คลองหลวง จว.ปทุมธานี ว่า ขณะเดินอยู่บริเวณหน้าร้านสะดวกซื้อ 7-11 ใกล้กับคอนโดพลัมอไลฟ์ ต.คลองหนึ่ง อ.คลองหลวง จว.ปทุมธานี มีคนร้ายขับขี่รถจักรยานยนต์สีขาว จำหมายเลขทะเบียนไม่ได้ จอดรถ เดินเข้ามาบีบคอ ทำร้ายผู้เสียหาย โดยมีมีดยาวประมาณ 1 ช่วงแขนเป็นอาวุธ จากนั้นคนร้ายได้กระชากโทรศัพท์มือถือ ยี่ห้อซัมซุง รุ่น เอ 25 จำนวน 1 เครื่อง (ราคาประมาณ 13,000 บาท) ที่ผู้เสียหายถืออยู่ แล้วคนร้ายขับขี่รถจักรยานยนต์หลบหนีไป
เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.คลองหลวง จว.ปทุมธานี ได้ออกสืบสวนติดตามหาคนร้าย และสามารถจับกุมผู้ต้องหาได้ภายในวันเดียวกัน (6 มี.ค.68) ชื่อนายคาเน (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 25 ปี ภูมิลำเนาอยู่ที่ จว.นนทบุรี จับกุมได้ที่ริมถนนเลียบคลองหนึ่ง ต.คลองหนึ่ง อ.คลองหลวง จว.ปทุมธานี พร้อมด้วยของกลาง ดังนี้ โทรศัพท์มือถือ ยี่ห้อ ซัมซุง รุ่น เอ 25 จำนวน 1 เครื่อง (ของผู้เสียหาย), รถจักรยานยนต์ ยี่ห้อฮอนด้า 1 คัน, สิ่งเทียมอาวุธปืน 1 กระบอก และแม็กกาซีนสิ่งเทียมอาวุธปืน 1 อัน
คดีที่ 5 จับกุมผู้ต้องหาชิงทรัพย์รถจักรยานยนต์ แล้วขับขี่ไปทำร้ายผู้อื่นด้วยอาวุธมีดบาดเจ็บสาหัส สืบเนื่องจาก เมื่อวันที่ 7 มี.ค.68 เวลาประมาณ 18.30 น. สภ.คลองหลวง จว.ปทุมธานี ได้รับแจ้งเหตุจากผู้เสียหายเหตุที่ 1 ว่า ขณะจอดรถจักรยานยนต์ ยี่ห้อยามาฮ่า รุ่น Nmax สีเทา ไว้ที่บริเวณถนนเลียบคลองสอง ปากซอยบงกช 16 หมู่ 4 ต.คลองสอง อ.คลองหลวง จว.ปทุมธานี และยืนรอเพื่อนอยู่ ได้มีคนร้ายเป็นชายเดินเข้ามาหาและได้ใช้อาวุธมีดพยายามจะทำร้าย ผู้เสียหายจึงได้วิ่งหลบหนี แล้วคนร้ายได้ชิงทรัพย์ เอารถจักรยานยนต์ของผู้เสียหายขับขี่หลบหนีไป
ต่อมาในวันเดียวกัน (7 มี.ค.68) เวลาประมาณ 19.30 น. สภ.คลองหลวง จว.ปทุมธานี ได้รับแจ้งอีก 1 เหตุ เป็นเหตุคนร้ายใช้อาวุธมีดแทงผู้อื่นได้รับบาดเจ็บสาหัส เหตุเกิดที่บริเวณริมถนนพหลโยธิน ฝั่งขาเข้า หน้าหมู่บ้านเกศรี 5 หมู่ 2 ต.คลองหนึ่ง อ.คลองหลวง จว.ปทุมธานี
เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.คลองหลวง จว.ปทุมธานี จึงได้ร่วมกันทำการสืบสวนหาข่าว และได้หลักฐานสำคัญจากกล้องวงจรปิดที่ติดอยู่ในรถยนต์ของพลเมืองดี ทำให้ทราบว่า คนร้ายที่ใช้อาวุธมีดแทงผู้เสียหายเหตุที่ 2 บาดเจ็บสาหัส เป็นคนเดียวกันกับคนร้ายที่ก่อเหตุชิงทรัพย์รถจักรยานยนต์ของผู้เสียหายเหตุที่ 1
เนื่องจากคนร้ายขับขี่รถจักรยานยนต์ของผู้เสียหายเหตุที่ 1 ไปก่อเหตุแทงผู้เสียหายเหตุที่ 2 และจากการสืบสวนทำให้ทราบว่า ผู้ต้องหาที่ก่อเหตุทั้ง 2 เหตุนี้ คือ นายอิทธิพร (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 32 ปี ภูมิลำเนาอยู่ที่ จว.ปทุมธานี และในคืนวันเดียวกัน สามารถจับกุมนายอิทธิพร ได้ที่บริเวณหมู่ 4 ต.คลองสอง อ.คลองหลวง จว.ปทุมธานี พร้อมด้วยของกลาง ดังนี้ รถจักรยานยนต์ ยี่ห้อ ยามาฮ่า รุ่น Nmax สีเทา จำนวน 1 คัน (มีคราบเลือดติดอยู่), เสื้อเชิ้ต กางเกงขาสั้น รองเท้าแตะ (มีคราบเลือดติดอยู่) และอาวุธมีดสั้นปลายแหลม 1 เล่ม (มีคราบเลือดติดอยู่)
ตำรวจภูธรภาค 1 ใคร่ขอประชาสัมพันธ์ขอความร่วมมือในเรื่องที่สำคัญ ดังนี้
1. ช่วยกันสร้างภูมิคุ้มกันป้องกันการสูบบุหรี่และบุหรี่ไฟฟ้าในเด็กและเยาวชน และหากพบเห็นการขายบุหรี่ไฟฟ้าให้แก่เด็กและเยาวชน ขอให้แจ้งสายด่วน 191
2. ช่วยสอดส่องบริเวณรอบที่พักอาศัย ไม่ให้ใช้เป็นสถานที่พักคอยยาเสพติด เพื่อรอส่งต่อไปยังผู้ค้ารายอื่นๆ หากมีข้อมูลเบาะแส ขอให้แจ้งสายด่วน 191
3. ไม่ควรเก็บทรัพย์สินที่มีค่าไว้ภายในรถยนต์ที่จอดในสถานที่สาธารณะ ไม่ควรวางทรัพย์สินไว้ในที่สาธารณะโดยที่ไม่มีคนดูแลตลอดเวลา
ทีมข่าวอาชญากรรม…รายงาน