เปิดเส้นทางใหม่สืบสานตำนานพระนางจามเทวี ชมความอลังการความงามแบบล้านนา ณ วัดพระนางจามเทวี
จังหวัดลพบุรี ที่คนรุ่นหลังมักจะเรียกว่า “เมืองลิง” แต่เมื่อสมัยนมนานกาเลเขาเรียกกันว่า “เมืองละโว้” เป็นอีกหนึ่งจังหวัดที่น่า “ใส่ใจ” เพราะเมืองนี้อุดมไปด้วยเรื่องเล่าเรื่องราวประวัติศาสตร์ งดงามด้วยธรรมชาติประเพณีและวิถีชุมชน ครั้งนี้จะพาไปเที่ยวแบบอิ่มใจอิ่มบุญใน 2 เส้นทางนั่นก็คือ ร่วมงานบุญบวชสร้างสุขปี 5 ณ วัดญาณเสน

เมื่อวันอาทิตย์ที่ 30 มีนาคม 2568 วัดญาณเสน ต.โก่งธนู อ.เมืองลพบุรี จ.ลพบุรี ได้จัดศาสนกิจ งานบวชสร้างสุขปีที่ 5 ในปีนี้มีผู้ศรัทธา เลื่อมใส เข้าร่วมพิธีบวชด้วยกัน 11 นาค โดยได้รับความเมตตาจากท่านพระครูสันติญาณประยุต เจ้าคณะโก่งธนู เจ้าอาวาสวัดญาณเสนเป็นประธานฝ่ายสงฆ์ โดยมี พล.อ.อ.ม.ร.ว.ศิริพงษ์ คุณหญิงจิตตระการ ทองใหญ่, ม.ล.สวรรณศิริ ทองใหญ่, น.อ.หญิง ธีระภา จารุนิธิ, พล.อ.ท.หญิง จารุวรรณ บุญเลิศ และนายบรรหาญ เนาวรัตน์ นายกองค์การบริหารส่วนตำบลโก่งธนู ผู้มีจิตศรัทธา และจิตอาสามาตั้งโรงทานจำนวนมาก




วัดญาณเสนได้จัดงานบวชสร้างสุขมาเป็นเวลา 5 ปีแล้ว ซึ่งได้รับการสนับสนุนจาก สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.)เพื่อเป็นการถวายแด่สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี เนื่องในโอกาสวันคล้ายวันพระราชสมภพ ซึ่งวัดญาณเสนจะจัดขึ้นในวันที่ 2 เมษายน ของทุกปี แต่ถ้าปีไหนวันที่ 2 เมษายนไม่ตรงกับวันหยุด เสาร์-อาทิตย์ก็จะเลื่อนมาจัดในวันอาทิตย์ก่อนวันที่ 2 ซึ่งปีนี้ได้จัดขึ้นในวันที่ 30 มีนาคม
พระครูสันติญาณประยุต เจ้าคณะโก่งธนู เจ้าอาวาสวัดญาณเสน กล่าวว่างานบวชสร้างสุข เป็นการบวชหมู่โดยไม่เสียใช้จ่าย ปีนี้จัดมาเป็นปีที่ 5 แล้วซึ่งยังได้รับการสนับสนุนจาก สสส.และอบต.โกงธนู ผู้มีจิตศรัทธา และคนชุมชนโก่งธนู
“นอกจากจะได้รับการสนับสนุนจาก สสส. อบต.โก่งธนูที่ได้ให้การอุปถัมภ์มาทุกปี และได้สาธารณสุขเข้ามาดูแล เพราะทางวัดได้เปิดโอกาสให้คนที่ติดยาเสพติด ต้องการมาบวชเพื่อหวังจะเลิก ถ้าตั้งใจจริงก็ให้โอกาส อันดับแรกก็ให้เขามาตั้งสัจจะวาจากับหลวงพ่อว่าตั้งใจจริง อยากเลิกเพื่อจะเริ่มต้นชีวิตใหม่ หลวงพ่อก็จะให้โอกาส เพราะคนที่ติดยาเสพติดสังคมยอมรับยาก แต่หลวงพ่อยอมเสี่ยง ลองให้โอกาสเขาดู โดยมีสาธารณะสุขเข้ามาดูแล และมีเจ้าหน้าที่เข้ามาควบคุม”พระครูสันติญาณประยุต เล่าถึงจุดประสงค์ที่เปิดโอกาสให้คนที่คิดผิดได้มีโอกาสเริ่มต้นที่ชีวิตใหม่ที่สดใสกับงานบวชสร้างสุขในครั้งนี้

พระครูสันติญาณประยุตบอกว่างานบวชสร้างสุข 4 ปี ที่ผ่านมานั้นประสบความสำเร็จราว 70-80% มีพระที่บวชรุ่นแรกยังไม่สึกตอนนี้บางรูปก็ได้เป็นผู้ช่วยเจ้าอาวาส ส่วนใครที่ผิดสัจจะหลวงพ่อก็ให้ลาสิขา ส่วนใครอยู่ได้หลวงก็จะส่งเสริมให้มีอาชีพด้วยการพาไปเรียนที่สารพัดในช่วงเย็นหลังการเสร็จภารกิจของสงฆ์ เพื่อจะให้มีอาชีพติดตัวเมื่อยามลาสิขาออกไป
นายบรรหาญ เนาวรัตน์ นายกองค์การบริหารส่วนตำบลโก่งธนู หรือนายกแดง กล่าวว่างานบวชสร้างสุขถือว่าเป็นงานบุญของคนชุมชนโก่งธนูทุกคน
“ในส่วนของผมในนามท้องถิ่นก็ช่วยดูแลเชื่อมโยงให้ต่อเนื่อง การช่วยเหลือในลักษณะส่วนตัวก็จะช่วยเป็นเงินส่วนตัวบ้าง งานบวชสร้างสุขนี่คือหนึ่งโมเดลของชุมชนโก่งธนู ที่ประสบความสำเร็จก็เพราะคนในชุมชนเรามีความรักความสามัคคี จึงกลายเป็นชุมชนที่เข้มแข็งไม่จำเป็นต้องใช้เงินรัฐบาล เราจะใช้ความสามัคคีร่วมมือกัน ถ้าคนเข้าวัดได้ความสามัคคีก็จะเกิด” นายกแดงบอกต่อว่าชุมชนโก่งธนู มีจุดเด่นในเรื่องความสามัคคี และความเข้มแข็ง เป็นตำบลที่คนมาศึกษาดูงานเกื่อบทุกวัน มาดูการบริหารสิ่งแวดล้อมหรือขยะ เรามีโครงการต่าง ๆ มากมาย ไม่ว่าจะเป็นธนาคารน้ำใต้ดิน เรามีแปลงผักพระราชทานของสมเด็จพระเทพฯ

ตื่นตาตื่นใจกับต้นยางนากว่าพันต้น ณ วัดญาณเสน
ที่วัดอื่นอาจจะให้ความสำคัญกับสิ่งปลูกสร้างใหญ่โตมโหฬาร แต่ที่วัดญาณเสนแห่งนี้กับให้ความสำคัญกับต้นยางนา ว่ากันว่าเป็นวัดที่มีต้นยางนามากที่สุดของเมืองลิง
พระครูสันติญาณประยุตบอกว่าก่อนที่มาบวชก็ไม่เข้าใจว่าทำไมวัดเหมือนเป็นป่าดงดิบ แต่พอได้มาบวช ได้เห็นเจ้าอาวาสองค์ก่อนใครจะตัดไม้อะไรนิดหน่อยก็ไม่ได้เลยเราก็ไม่เข้าใจ แต่พอมาเป็นสมภารแล้วถึงเข้าใจ เราก็รักษาเอาไว้ตั้งแต่ปี 2529 ก็ดูแลมาตลอด

“จำนวนเท่าไหร่ไม่ได้นับ แต่ที่ปลูกใหม่ก็ 600 ต้น ส่วนต้นเก่าอายุเป็นร้อย ๆ ปีนะ ทุกวันนี้คนบวชพระน้อยลง ไม่รู้จะสร้างอะไรเยอะแยะ สร้างไว้ก็ไม่มีคนอยู่ปล่อยให้เก่าโทรม มาปลูกต้นไม้ดีกว่า เพราะต้นไม้ยังมีประโยชน์” พระครูสันติญาณประยุตเล่าเหตุผลของการปลูกและรักษาต้นยางนาไว้ในวัด นอกจากนี้หลวงพ่อเจ้าอาวาสบอกว่าจะเขียนนโยบายไว้ว่าเจ้าอาวาสองค์ต่อไปต้องดูแลรักษาต้นยางนาไว้ให้เหมือนเดิม
ในส่วนนายกแดงได้กล่าวเสริมในเรื่องนี้ว่า “เราได้มานับแล้วตอนนี้มีต้นยางนาอยู่ 999 ต้น น่าจะเป็นวัดที่มีต้นยางนามากที่สุดในจังหวัดลพบุรี”




ชมความอลังการความงามแบบล้านนา ณ วัดพระนางจามเทวี
วัดพระนางจามเทวี ต.บางขันหมาก อ.เมือง จ.ลพบุรี เป็นวัดที่สร้างขึ้นมาได้ 5 ปี สิ่งปลูกสร้างยังไม่เสร็จสมบูรณ์แต่สามารถสัมผัสได้ถึงความอลังการในความงามแบบล้านนา เป็นวัดที่สืบสานตำนานพระนางจามเทวีพระธิดากษัตริย์กรุงละโว้ที่ไปสร้างความเจริญให้กับหัวเมืองฝ่ายเหนือได้ย้อนมาเตือนความจดจำของชาวเมืองลพบุรีในปัจจุบัน ได้ดำเนินการก่อสร้างโดยการบริจาคที่ดิน และดำริ ของพระราชสารสุธี (อาชว์ อาชชวปเสฏโฐ) เจ้าอาวาสวัดตรีทศเทพวรวิหาร กรุงเทพฯ เจ้าคณะภาค 14-15 (ธรรมยุต) เพื่อสร้างวัดเป็นอนุสรณ์ น้อมรำลึกถึงพระคุณของพระนางจามเทวีที่ปกครองแผ่นดิน ด้วยทศพิศราชธรรม ทรงทำนุบำรุงสืบทอดพระพุทธศาสนาจนเจริญรุ่งเรืองตราบปัจจุบัน จึงขอถวายนามวัดเป็นอนุสรณ์ แห่งการเชิดชูพระคุณว่า “วัดพระนางจามเทวี” และได้ดำเนินการก่อสร้างอุโบสถ อาคาร และสิ่งปลูกสร้าง และศาสนสถานให้เป็นวัดอย่างสมบูรณ์แบบซึ่งประกอบด้วย
1. อุโบสถ ประดิษฐสถานหลวงพ่อเพชร (จำลอง) 2. พระธาตุเจดีย์ศรีลวปุรี 3. ราชานุสาวรีย์พระนางจามเทวี 4. หอบูรพาจารย์-สมภารกุฎี-จามเทวีนฤมิต






