“ถิ่นวัฒนธรรมทั่วไทยไปกับพี่หนุ่ม’ สุทน พาท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม ที่วัดโบสถ์เมืองปทุมธานี
ขอเริ่มต้นที่ประวัติความเป็นมาของ “วัดโบสถ์” สร้างขึ้นในปี พ.ศ. 2164 สมัยแผ่นดินขุนหลวงทรงธรรมหรือสมเด็จพระเจ้าทรงธรรมอาณาจักรแผ่นดินกรุงศรีอยุธยาครั้งนี้ไม่ปรากฏว่าใครเป็นผู้สร้างวัดนี้มีเพียงข้อสันนิษฐานเท่านั้นว่าน่าจะเป็นชาวมอญหรือชาวรามัญที่อพยพมาจากเมืองหงสาวดีเพื่อตั้งบ้านเรือนแล้วคงช่วยกันจัดสร้างวัดขึ้นมาเพื่อใช้ประกอบกิจกรรมทางพระพุทธศาสนาแล้วให้ชื่อว่า “วัดสร้อยนางหงษ์” ซึ่งก็ดูตามหลักฐานที่พบเจอคือเสาหงษ์ และโบสถ์เป็นศิลปะแบบมอญ แล้วต่อมาก็มีองค์พระพุทธรูปทรงเครื่องแบบกษัตริย์พุทธลักษณะงดงามมาก ๆ เรียกว่า “พระพุทธมหาจักรพรรคิ” แต่ชาวบ้านเรียก “หลวงพ่อรามัญ” ครั้งนี้สันนิษฐานว่าสมเด็จพระเจ้าปราสาททองโปรดฯให้สร้างเมื่อปี พ.ศ. 2173 ส่วนพระพักต์องค์พระมหาจักรพรรคิดูยิ้มเพราะเมื่อครั้งแผ่นดินสมเด็จพระเจ้าปราสาททองแห่งกรุงศรีอยุธยามีความสงบสุขร่มเย็น!!!อันนี้เป็นเพียงข้อสันนิษฐานเท่านั้นครับ
สำหรับ “วัดสร้อยนางหงษ์” ต่อมาก็เปลี่ยนมาชื่อ “วัดโบสถ์” นั้นตามบันทึกของวัดโบสถ์กล่าวว่าเมื่อหลวงปู่เทียมหรือท่านพระครูบวรธรรมกิจ ปุปผธัมโม เป็นเจ้าอาวาสในปี พ.ศ. 2445 ซึ่งตรงกับสมัยแผ่นดินพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ครั้งกระนั้น “หลวงปู่เทียม” ท่านได้ยุบวัดไกรนาและวัดกลางนาให้รวมเป็นวัดเดียวกันจึงได้ชื่อว่า “วัดโบสถ์” และวัดโบสถ์แห่งนี้เริ่มเจริญรุ่งเรืองขึ้นเพราะว่าหลวงปู่เทียมท่านเป็นพระวิปัสสนากรรมฐานและเรียนตำราอักขระขอม ภาษาบาลีและตำราของชาวมอญมาตั้งแต่เยาว์วัยเพราะท่านมีเชื้อสายชาวมอญเมื่อครั้งอยู่บ้านปากคลองตำบลกระแซงมอญของเมืองสามโคกหรือเมืองปทุมธานีครั้งกระนั้นพอท่านอุปสมบทในปี พ.ศ. 2419 แล้วถือปฏิบัติธรรมในวิชากรรมฐานมาตลอด เมื่อได้เป็นเจ้าอาวาสวัดโบสถ์ก็สร้างเครื่องรางของขลังเพื่อให้ญาติโยมทั้งหลายนำไปบูชา เช่น เสื้อผ้ายันต์ ผ้าประเจียด ตะกรุดและพระสมเด็จ พระปิดตา เป็นต้น จนกระทั่งมาในวันที่ 18 กรกฎาคม 2509 หลวงปู่เทียม ท่านมรณภาพตอนอายุ 89 ปี อุปสมบทมา 70 พรรษา นี่คือส่วนย่อ ๆ สำหรับเรื่องราวของ “หลวงปู่เทียม” ครับ
ดังนั้นสายมูทั้งหลายอ่านแล้วไม่ควรพลาดโอกาสต้องไป “วัดโบสถ์” ตำบลบ้านกลาง อำเภออเมือง จังหวัดปทุมธานี เมื่อเข้ามาภายในวัดขอแนะนำให้แวะ
จุดที่ 1 จุดธูปเทียนแล้วตั้งใจอธิฐานหน้า “องค์พระพุทธมหาจักรพรรคิหรือหลวงพ่อสมปรารถนา” เสร็จแล้วให้เดินไปด้านหลังองค์หลวงพ่อสมปรารถนาเอาหน้าผากตัวเองแนบหลังองค์หลวงพ่อฯแล้วตั้งใจให้แน่วแน่ขอพรเพียง 1 อย่างเท่านั้น ขอย้ำครับเพียง 1 อย่างเท่านั้นแล้วก็อธิฐานขอครับจะได้ประสบผลสําเร็จ ส่วนเรื่องเอาหน้าผากแนบหลังองค์หลวงพ่อสมปรารถนาก็มีเรื่องราวเล่าขานกันเองว่าขอย้อนหลังไปประมาณ 4-5 ปีที่ผ่านมามีพระภิกษุรูปหนึ่งท่านมาที่วัดโบสถ์แล้วก็ขึ้นบนวิหารรามัญแล้วมององค์พระพุทธมหาจักรพรรคิมีพุทธลักษณะงดงามแท้จริงแล้วท่านเดินไปด้านหลังใช้หน้าผากแนบแล้วตั้งใจขอพรให้ได้เลื่อนขั้นหรือได้รับตำแหน่งตามหลักธรรมของพระภิกษุสงฆ์ปรากฏว่ากลับไปวัดได้รับตำแหน่งขึ้นตามที่ขอพรจริง ๆ นี่แหละจึงได้เรียก “หลวงพ่อสมปรารถนา” แล้วอีกหนึ่งเรื่องที่เล่าขานกันว่ามีสตรีท่านเป็นหนี้สินไม่มีเงินใช้หนี้ก็มาขอพรเพื่อให้หลวงพ่อสมปรารถนาเปิดทางการเงินให้เพื่อมาใช้หนี้สินก็ประสบผลสําเร็จเช่นกัน แต่อย่างไรก็ตามอันนี้คือความเชื่อของแต่ละคนนะครับ
ไปกันต่อจุดที่ 2 ลอดใต้วิหารรามัญเพื่อเป็นศิริมงคลของตนเอง
ส่วนจุดที่ 3 มาบริเวณ “ศาลสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช” ขอพรสักการะเพื่อเป็นสิริมงคล
จุดที่ 4 ท้าวเวสสุวรรณและรูปหล่อหลวงปู่เทียม อดีตเจ้าอาวาสวัดโบสถ์แล้วเข้าโบสถ์กราบองค์พระประธานในโบสถ์ก็ได้เช่นกันครับ
น่าสนใจมาท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมพร้อมกราบขอพรสิ่งศักดิ์สิทธิ์ภายในวัดโบสถ์ครับ เป็นวัดเงียบสงบโบราณเก่าแก่อายุน่าจะเกิน 400 ปี เพราะมีมาตั้งแต่ครั้งอาณาจักรแผ่นดินกรุงศรีอยุธยาเป็นราชธานี “กินเที่ยวทั่วไทย เที่ยวเมืองไทยไม่ไปไม่รู้ ถ้าอยากรู้ต้องออกเดินทางไป…กับ…ผมหนุ่ม-สุทน” แล้วฝากติดตามฟังรายการ “กินเที่ยวทั่วไทยไปกับพี่หนุ่ม-สุทน รุ่งธัญรัตน์” ทางคลื่นข่าว fm 100.5 mhz ฟังเรื่องเล่าประวัติศาสตร์ วิถีชุมชน วัฒนธรรมและอาหารถิ่นของชุมชนได้ทุกวันอาทิตย์เวลา 10.10-11.00 น. ขอบคุณและสวัสดีครับ
พิกัด “วัดโบสถ์”
เรื่องและภาพโดย : หนุ่ม-สุทน รุ่งธัญรัตน์
แฟนเพจเฟซบุ๊ค : https://www.facebook.com/sutonfm100.5/
#ติดตามฟังเรื่องราวการเดินทางเที่ยวทั่วไทยทางคลื่นข่าว100.5fm ทุกวันอาทิตย์เวลา 10.10-11.00 น.
#ติดต่อวิทยากรด้านการท่องเที่ยวได้ที่ได้ที่แฟนเพจเฟซบุ๊ค #เที่ยวเพลิน #เก็บเรื่องมาเล่าโดยหนุ่มสุทน #bigmaptravel