สกู๊ปพิเศษ
โดย…ยอดเยาวพา
ไม่ได้อวย “การบินไทย” เป็นตัวเลือกแรกประทับใจหลาย ๆ บริการ
ผ่านโควิดมาด้วยกันกับทุกวงการจนได้ออกไปเที่ยวโดยเลือกการบินไทย เมื่อปีที่แล้วไปเกาหลีกับครอบครัวเดินทางโดยการบินไทยหลานสาวกับคุณแม่ที่เพิ่งไปต่างประเทศครั้งแรกบอกชอบ ซึ่งหนนี้ไปกับคุณสามีก็เลือกการบินไทยอีก ราคารับได้ อีกทั้งชอบรอยยิ้มและการบริการอย่างใส่ใจไม่ว่าคุณจะเป็นผู้โดยสารชาติไหน แอร์โฮสเตสบริการผู้โดยสารพร้อมรอยยิ้มเสมอ โดยเมื่อวันที่ 21 กุมภาพันธ์เราไปโอซาก้าด้วยการบินไทย แต่ก่อนเดินทางห้าวันดันไปเตะขาโต๊ะเป็นเหตุให้นิ้วก้อยเท้าขวาเกือบร้าว! เกือบต้องล่มทริป 13 วันที่วางแพลนกับคุณสามีมาเป็นเดือน โดยเริ่มโอซาก้าไปโซลแล้วนั่ง KTX ไปปูซานแล้วนั่งกลับมาโซล แต่เมื่อเกิดเหตุก็คิดจะยกเลิกทริปแต่เปลี่ยนใจไปเที่ยวเพราะได้รับคำยืนยันและกำลังใจจากคุณหมอประจำบ้านท่านเห็นผลเอกซเรย์นิ้วเท้าก็ให้คำแนะนำเราว่า ถ้าเดินแล้วเจ็บให้พัก หรือเดินแล้วบวมให้ใช้เจลเย็นประคบโดยจะมียาให้ทาน หลังคุณสาฟังคุณหมอก็ตัดสินซื้อวีลแชร์ทันที แต่ก่อนซื้อได้โทร.ไปสอบถามเจ้าหน้าที่ของการการบินไทยในการนำวีลแชร์ไป ครั้นได้รับคำแนะนำจากเจ้าหน้าที่รับสาย 24 ชม.ของการบินไทย ขอชมเลยไม่ใช่ครั้งนี้ครั้งแรกที่โทร.ไปปีที่แล้วเราไปกับครอบครัวก็โทร.บุ๊กที่นั่งง่าย รับสายไวไม่ต้องรอนาน ขอยกนิ้วให้การบริการนี้เลย มาที่เรื่องวีลแชร์พอแจ้งเจ้าหน้าที่การบินไทยเรื่องนำวีลแชร์ไปเรียบร้อยคลายกังวลไป แต่เรามีกังวลต่อเพราะต้องแจ้งเรื่องนำวีลแชร์ไปกับ ASIANA AIRLINE ด้วย ซึ่งเจ้าหน้าที่รับสาย วันจันทร์-วันศุกร์ แต่ก็ไม่ยากเมื่อแจ้งเจ้าหน้าที่ ASIANA AIRLINE เรียบร้อยก็คลายกังวลเรื่องวีลแชร์ เพราะเป็นการเดินทางครั้งแรกของเราที่ต้องนั่งวีลแชร์ตลอดทริป
อย่างที่บอกเพิ่งเดินทางด้วยวีลแชร์เป็นครั้งแรกก็ประทับใจเจ้าหน้าที่การบินไทยเคาน์เตอร์เช็กอินแล้ว เพราะพอเห็นเรานั่งรถเข็นก็รีบพาไปเช็กอินช่องพิเศษสำหรับผู้พิการ ก็ประทับใจแรกแล้วกับการเช็กอิน แต่ที่น่าตกใจ! โอ้มายก๊อตเมื่อขึ้นเครื่องเราก็เดินกะเผลกไปนั่งโซนที่บุ๊กที่นั่งไว้แต่ไม่ได้นั่งคู่คุณสามีเพราะซื้อตั๋วการบินไทยผ่านเว็บ พอโทร.บุ๊กที่นั่งเจ้าหน้าที่บอกคนไทยไปญี่ปุ่นกันเยอะที่เต็มเร็ว เราได้ขึ้นเครื่องคนแรกเพราะเป็นผู้โดยสารประเภทพิการแล้วได้รับรอยยิ้มจากแอร์โอสตั้งแต่ก้าวขึ้นเครื่อง และได้เจอแอร์น้องหนู ที่ประจำโซนที่เรานั่ง พอเห็นเราเดินกะเผลก มิหนำซ้ำไม่ได้นั่งคู่กับคุณสาเพราะตอนจองตั๋วผ่านเว็บอย่างที่เล่า แต่เที่ยวกลับจากโซลเราเลือกซื้อตั๋วผ่านเว็บการบินไทยโดยตรงทำให้ได้นั่งคู่คุณสา แต่เจ้าหน้าที่ที่เคาน์เตอร์อินชอนเห็นสภาพเรานั่งรถเข็นก็เปลี่ยนที่นั่งให้นั่งไม่ห่างจากประตูทางเข้า ซึ่งเป็นระเบียบสำหรับผู้โดยสารพิการนั่นแหละ ที่บอกว่าตกใจเพราะแอร์น้องหนูบอกเราว่า…หลังเครื่องขึ้นแล้วจะเปลี่ยนที่นั่งให้ไปนั่งด้านหน้าคู่กับคุณสามี เรางงปนดีใจ เพราะไม่เคยเดินทางด้วยวีลแชร์ แต่ไม่ใช่เจ้าหน้าที่เลือกบริการเฉพาะคนนั่งวีลแชร์นะ จากที่ใช้บริการการบินไทยมาหลายหนแอร์บริการสำหรับเราเราว่าดีแอร์ชายและหญิงพยายามทำงานของตนอย่างเต็มความสามารถด้วยรอยยิ้ม แต่ครั้งนี้เราดันต้องนั่งวีลแชร์เลยได้รับการดูแลแบบแทบจะอุ้มขึ้นเครื่อง
หลังจากเครื่องขึ้นแล้วแอร์น้องหนูก็ประคองเราพาไปนั่งที่นั่งที่เตรียมไว้คู่กับคุณสามีอย่างที่บอก เมื่อเรานั่งเรียบร้อยก็เลยเผยอาชีพ พร้อมขอสัมภาษณ์แอร์โฮสเตส “น้องหนู – สุนทรี มีอุดม zone superv” ถึงการทำงานในอาชีพนี้ พร้อมผลกระทบจากโควิดระบาดว่า
“น้องหนูทำงานการบินไทยเป็นแอร์โฮสเตสมายี่สิบห้าปีค่ะ รักในอาชีพแอร์ฯ ที่สุด(เน้นเสียงพร้อมรอยยิ้ม) จากที่การบินไทยโดยผลกระทบถามว่าท้อมั้ยก็ท้ออยู่แล้วค่ะ เหมือนกับว่ารายได้เราก็หายไปด้วยนะคะ แล้วเราก็กลัวบริษัทจะอยู่ไม่ได้ เราเคยเห็นการบินไทยมาตลอดตลอดยี่สิบห้าปีน่ะ แต่อยู่ดี ๆ เราไม่มีบินเลย เดือนหนึ่งบินครั้งเดียวตอนช่วงสามปีที่มีโควิดระบาดน่ะค่ะ แต่เราก็เป็นกำลังใจกันตลอด ในใจเราฝันว่าเราอยากทำอาชีพนี้มาตลอดค่ะ
ก็ถ้าเราไม่ได้ทำงานนี้แล้วอยากให้การบินไทยอยู่ตลอดไป อย่างเวลาเราเห็นเครื่องอยู่บนฟ้าเรามีความสุข แต่วันไหนเครื่องนี้ต้องกราวน์ดแล้วต้องอะไรแล้วก็เศร้าค่ะ เราอยากให้อยู่ตลอดไปหกสิบปีค่ะ”
อย่างที่บอกไปโอซาก้าเราเลือกการบินไทย ส่วนจากโอซาก้าไปโซลใช้บริการ ASIANA AIRLINE ก็บริการดีเช่นกันพร้อมเปลี่ยนที่นั่งให้นั่งไม่ห่างประตู ซึ่งเป็นระเบียบสำหรับผู้พิการที่จะได้รับการดูแลพิเศษหน่อย แต่ขากลับจากโซลเราเลือกการบินไทยอีก ซึ่งระหว่างอยู่บนเครื่องทั้งขาไปโอซาก้าและขากลับจากโซลบรรดาแอร์โฮสเตสในชุดไทยก็บริการอย่างใส่ใจผู้โดยสารทุกคน ด้วยรอยยิ้ม ครั้นเครื่องบินแตะรันเวย์สุวรรณภูมิก็มีพนักงานเข็นรถผู้ป่วย Staff Wheelchair ของการบินไทยมารับหน้าประตู ทว่าขากลับเครื่องจอดคนละอาคารทำให้ต้องนั่งบัสเข้าสนามบิน ก็ทุลักทุเลเพราะต้องค่อย ๆ เดินเตาะแตะลงบันไดไปขึ้นรถบัสโดยมีพนักงานเข็นรถผู้ป่วยช่วยคุณสามีถือกระเป๋าแล้วให้คุณสามีประคองเราเอง ซึ่งพนักงานเข็นรถผู้ป่วย Staff Wheelchair ของการบินไทยก็อยู่ช่วยดูแล ช่วยยกกระเป๋าที่มาจากสายพาน ไปรับรถเข็นของเรามาส่งให้ และเข็นเราไปส่งชั้นหนึ่งเพราะเราบอกจะไปทานอาหารก่อนขึ้นแท็กซี่กลับบ้านน้องเขาไม่อยากปล่อยเราให้ไปกันสองคน น้องเขาดูจากคุณสามีไม่น่าจะเข็นวีลแชร์ที่เรานั่งถนัดเพราะต้องเข็นรถที่วางกระเป๋าเดินทางด้วยไง ช่วงเวลาที่มีแอร์โฮสเตสของการบินไทยดูแลก็ว่าประทับใจแล้ว มาเจอพนักงานเข็นรถผู้ป่วย Staff Wheelchair ของการบินไทยก็ประทับใจไม่ต่างกัน ทำให้ทริปนี้พกรอยยิ้มกลับบ้าน นี่ไม่ได้อวยนะ ถ้าไปเที่ยวก็ขอเลือกการบินไทย ราคารับได้ และชอบรอยยิ้ม ชอบการบริการสุดประทับใจ…