การต่อสู้ครั้งใหญ่ยังคงเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง! ผลงานภาพยนตร์มอนสเตอร์เวิร์สจาก Legendary Pictures สู่การเผชิญหน้าครั้งใหญ่ของ ‘Godzilla vs. Kong’ ที่มาพร้อมการผจญภัยครั้งใหม่ ที่จะพาคองผู้ยิ่งใหญ่และก็อตซิลล่าผู้น่าเกรงขามไปพบกับมหันตภัยร้ายที่ซ่อนอยู่ในโลกของเรา ท้าทายการมีตัวตนอยู่ของพวกเขาและพวกเราเอง ในเรื่อง “Godzilla x Kong: The New Empire” จะเข้าไปสำรวจเรื่องราวในอดีตแบบเจาะลึกเกี่ยวกับต้นกำเนิดของเหล่ายักษ์ใหญ่ ความลึกลับของ Skull Island และอีกมากมาย รวมถึงการต่อสู้ตามตำนานที่ช่วยหลอมรวมเหล่ายักษ์ใหญ่กับมวลมนุษย์ไว้ตลอดกาล
ในครั้งนี้ยังคงกำกับฯ โดย “อดัม วินการ์ด” นักแสดงนำในเรื่อง ได้แก่ รีเบคก้า ฮอลล์ (“Godzilla vs. Kong,” The Night House”), ไบรอัน ไทรี เฮนรี่ (“Godzilla vs. Kong,” “Bullet Train”), แดน สตีเวนส์ (“Gaslit,” “Legion,” “Beauty and the Beast”), เคย์ลี ฮอทเทล (“Godzilla vs. Kong”), อเล็กซ์ เฟิร์นส (“The Batman,” “Wrath of Man,” “Chernobyl”) และฟาลา เฉิน (“Irma Vep,” “Shang Chi and the Legend of the Ten Rings”) บทภาพยนตร์โดย เทอร์รี่ รอสซิโอ (“Godzilla vs. Kong” ซีรีส์ “Pirates of the Caribbean”) และไซมอน บาร์เร็ตต์ (“You’re Next”) และเจเรมี่ สเลเตอร์ (“Moon Knight”) จากเนื้อเรื่องของรอสซิโอ แอนด์ วินการ์ด แอนด์ บาร์เร็ตต์ สร้างอิงจากตัวละครของ “Godzilla” ถือกรรมสิทธิ์และผลิตขึ้นโดย TOHO Co., Ltd. ภาพยนตร์ผลิตโดยแมรี่ พาเรนท์, อเล็กซ์ การ์เซีย, เอริค แมคเลีด, โธมัส ทัล และ ไบรอัน โรเจอร์ส อำนวยการสร้างบริหารฯ โดยวินการ์ด, เจน คอนรอย, เจย์ แอสเฮนเฟลเตอร์, โยชิมิตสุ บันโนะ, เคนจ โอคูฮิระ
วินการ์ดกลับมาร่วมงานกับผู้กำกับภาพฯ เบ็น เซเรซิน (“Godzilla vs. Kong,” “World War Z”) ผู้ออกแบบฉาก ทอม แฮมมอค (“Godzilla vs. Kong,” “X,” “The Guest”) ผู้ลำดับภาพ จอช แชฟเฟอร์ (“Godzilla vs. Kong,” “Molly’s Game”) ผู้ออกแบบเครื่องแต่งกาย เอมิลี่ เซเรซิน (“The Invisible Man,” “Top of the Lake”) ผู้ประพันธ์ดนตรี ทอม โฮลเคนบอร์ก (“Godzilla vs. Kong,” “Mad Max: Fury Road”) และแอนโทนิโอ ดิ ลอริโอ (ดนตรีเสริมจาก “Godzilla vs. Kong,” ภาพยนตร์ “Sonic the Hedgehog”)
โดย วอร์เนอร์ บราเดอร์ส พิกเจอร์ส และ เลเจนดารี่ พิกเจอร์ส นำเสนอภาพยนตร์จาก A Film By Adam Wingard เรื่อง “Godzilla x Kong: The New Empire” มีกำหนดฉายทั่วโลกในโรงภาพยนตร์และโรงภาพยนตร์ระบบไอแมกซ์วันที่ 29 มีนาคม
สำหรับ “Godzilla x Kong: The New Empire” อัดแน่นไปด้วยการผจญภัยที่ตามติดการเดินทางของคอง เพื่อตามหาครอบครัวท่ามกลางความลึกลับของฮอลโลว์ เอิร์ธ และเขาได้พบกับมหันตภัยร้ายครั้งใหญ่ที่จะคุกคามมวลมนุษย์… ซึ่งเป็นภัยร้ายที่จะได้ต่อสู้ (และอาจเอาชนะได้) โดยการผนึกกำลังกันระหว่างคองและก็อตซิล่าอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนเท่านั้น
พูดคุยกับอดัม วินการ์ด (ผู้กำกับฯ / ผู้เขียนเรื่องราว / ผู้อำนวยการสร้างบริหารฯ) กับการจับมือกันของก็อตซิล่าและคอง…
โดยอดัม วินการ์ด เล่าว่า “เมื่อเราเห็นก็อตซิล่าและคองต่อสู้กันอย่างดุเดือดในเรื่อง ‘Godzilla vs. Kong’ แล้วจะเป็นอย่างไรต่อ? คำตอบที่ชัดเจนคือ: การจับมือกัน ผมจำได้ตอนที่เราสร้างเรื่องล่าสุดเสร็จสิ้นแล้ว มีสิ่งหนึ่งที่ย้อนกลับมาในความคิดของผมคือ ‘จากตรงนี้จะไปทางไหนต่อ?’ แต่ไอเดียที่จะให้ก็อตซิล่าจับมือกับคองนั่นไม่ใช่จะสร้างขึ้นมาได้ง่าย ๆ สองสัตว์ประหลาดนั้นต่างครองภาคพื้นดิน ผมเลยใช้แรงบันดาลใจส่วนใหญ่มาจากผู้สร้างภาพยนตร์คนโปรดของผม จอห์น คาร์เพนเตอร์ เขาเคยสร้างหนังเรื่อง ‘They Live’ ในเรื่องนั้น 2 ตัวละครหลักสำคัญต่อสู้กันแบบใส่แว่นตา นั่นคือช่วงเวลาที่สำคัญ ผมชอบไอเดียที่คนสองคนร่วมทีมกันต่อสู้เพราะความเข้าใจผิด ตัวละครของเราตอนนี้ที่เคยต่อสู้กัน เคยอยู่ในหนังร่วมกัน ยากที่จะนึกถึงภาพหนังเรื่องอื่นที่ไม่มีพวกเขา เมื่อเราจับคู่ก็อตซิล่ากับคองขึ้นมาแล้ว เราไม่สามรถแยกพวกเขาออกจากกันได้ แต่พวกเขาจะไม่อยู่บนเส้นทางนั้นอีกต่อไป ทั้งคู่ต่างมีอีโก้สูงมาก และความสนุกอยู่ที่แม้พวกเขาจะร่วมทีมด้วยกัน ก็จะมีช่วงที่ทุกอย่างไม่ราบรื่นอย่างง่ายดาย พวกเขาเหมือนกับคู่หูตำรวจที่มีบุคลิกต่างกัน พวกเขาไม่สบตากันตลอดเวลา นั่นคือบรรยากาศที่เราสร้างขึ้นมา…มีการจับมือกันสงบศึกชั่วคราว ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม”
เหล่ายักษ์ใหญ่ค่อย ๆ มีการพัฒนาขึ้น ก็ไม่ต่างจากนักแสดงทุกคน หากเราเคยร่วมงานกับพวกเขามาก่อน เราจะพัฒนาเรื่องความเข้าใจกัน ไม่ต่างกับก็อตซิล่าและคอง ในการทำความเข้าใจเพื่อถ่ายทำพวกเขา ต้องรู้มุมของพวกเขา ซึ่งเป็นสิ่งที่เราเรียนรู้ได้จากการร่วมงานกับพวกเขาในภาพยนตร์เท่านั้น เพราะการถ่ายทำสิ่งมีชีวิตสูง 300 ฟีตบางครั้งก็ท้าทายความรู้สึก แต่ความพิเศษอยู่ที่คองและก็อตซิล่าต่างมีพัฒนาการเกิดขึ้นด้วย เช่นเดียวกับนักแสดงที่เหลือในภาพยนตร์
และอีกสิ่งหนึ่งคือผมชอบสีชมพูเป็นพิเศษ สีชมพูและฟ้าคือสีโปรดของผม ผมเลยเป็นเรื่องธรรมชาติที่จะพาก็อตซิล่าไปอยู่จุดนั้น ตอนแรกผมคิดเรื่องก็อตซิล่าผลัดผิวตัวเอง แต่เนื้อเรื่องดำเนินไปอีกทิศทางหนึ่ง แต่ในเรื่องนี้ก็อตซิล่าได้เปลี่ยนสีผิว เขากลายเป็นความแปลกใหม่ในเรื่องนี้ และการออกแบบใหม่นี้ทำให้เราได้พาก็อตซิล่าเข้าสู่ยุคของโชวาที่ไม่ขึ้นกับเหตุผล ผมชอบหนังแนวนี้ที่เขาบินไปได้ทั่วและปล่อยการเตะ เขาเต้นได้ด้วยซ้ำ ผมคิดว่าหากก็อตซิล่าเริ่มเต้น แต่โชวามีเรื่องความหลุดโลกเป็นแรงบันดาลใจ คำถามที่เกิดขึ้นคือ ‘เราพอจะทำให้ความไม่สมเหตุผลของโชวาดูสมจริง และทำให้อารมณ์การ์ตูนยุค 80 สมจริงได้หรือไม่?’ นั่นคือเรื่องพื้นฐานที่ผมพยายามทำ ผมอยากมีความไร้สาระและสมจริงอย่างสุดขั้วอยู่ตลอด และในภาพยนตร์ก็เล่นกับสิ่งนั้น ก็อตซิลาดีไซน์ใหม่สะท้อนสิ่งนั้นออกมา”