หนังดีติดดาว***
000
“CIVIL WAR วิบัติสมรภูมิเมืองเดือด” พร้อมด้วยนักแสดง เคียสเตน ดันท์, วากเนอร์ มูรา, สตีเฟน แม็คเคนลีย์ เฮนเดอร์สัน, คาลี สแปนีย์ ผลงานกำกับโดย อเล็กซ์ การ์แลนด์ เป็นเรื่องของ โลกในอนาคตอันใกล้ได้เกิดสงครามกลางเมืองครั้งที่ 2 ขึ้นและลุกลามไปทั่วสหรัฐอเมริกา ทีมนักข่าวได้ออกเดินทางข้ามประเทศที่กำลังรุนแรงเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ในทุกหย่อมหญ้า เพื่อจับตาการปะทะกันระหว่างกองกำลังสหรัฐฯ และกลุ่มกองกำลังตะวันตกหัวรุนแรง ที่เรียกร้องการแบ่งแยกดินแดนรัฐเท็กซัสและรัฐแคลิฟอร์เนียออกจากการปกครองภายใต้รัฐบาลเดิม เพื่อเปลี่ยนเป็นรัฐเผด็จการ!
เป็นเรื่องราวของนักข่าวสงครามกลุ่มหนึ่งที่ออกเดินทางจากนิวยอร์กไปยัง Washington DC เพื่อสัมภาษณ์ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาในช่วงที่ประเทศมีการสู้รบกันระหว่างกองกำลังกบฏ ซึ่งตัวละครหลักกลุ่มนี้คือนักข่าว ที่มองสถานการณ์อย่างหูไวตาไวตามสายงานแถมไม่กลัวตาย แต่หนังไม่ได้ลงลึกให้เข้าใจเรื่องของสงครามกลางเมืองอันเป็นฉากหลักของเรื่อง ทำให้ดูไปดูไปก็เกิดคำถามว่า ทะเลาะอะไรกันเหรอ แต่ดูไปเรื่อย ๆ หนังทวีความรุนแรงทั้งภาพและเสียงของสงคราม ระเบิดตูมตาม และอัดแน่นไปด้วยความสมจริงของการทะเลาะกันจนเกิดเป็นสงคราม ที่มีกลุ่มนักข่าวเดนตายกำลังรายงาน ที่ต้องยกนิ้วให้ก็ฝ่ายเอฟเฟกต์ทำเสียงระเบิด เสียงปืนดังสนั่นหนักแน่นเข้ากับรถถังวิ่งตามเมือง นั่งดูหนังแต่นึกว่าอยู่ท่ามกลางสมรภูมิรบ นี่เป็นหนังสงครามที่ต่อต้านสงครามอีกเรื่องหนึ่งที่ดูสนุก เร้าใจ ตื่นเต้นไปกับชะตากรรมของทีมนักข่าวสงครามที่กล้าเสี่ยงชีวิต เพื่อให้ได้ข่าวมานำเสนอ
ติดเต็ม *****
000
“หลานม่า” ผลงานภาพยนตร์เรื่องแรกของ บิวกิ้น พุฒิพงศ์ อัสสรัตนกุล ร่วมด้วย แต๋ว อุษา เสมคำ, ดู๋ สัญญา คุณากร, เผือก พงศธร จงวิลาส, เจีย สฤญรัตน์ โทมัส, ตู ตะวัน ตันติเวชกุล ผลิตโดย GDH โดยผู้กำกับ พัฒน์ บุญนิธิพัฒน์, อำนวยการสร้างโดย เก้ง จิระ มะลิกุล และ วัน วรรณฤดี พงษ์สิทธิศักดิ์
เป็นหนังครอบครัว คนไทยเชื้อสายจีน ที่มาเข้าฉายในช่วงเทศกาลเช้งเม้ง ที่ลูกหลานคนจีน ไปไหว้บรรพบุรุษที่สุสานกันพอดี ถือว่าเป็นหนังครอบครัว 3 รุ่น ที่ทำมาได้เรียลดีมาก มีบุคลิกความเป็นตัวตนของแต่ละรุ่นได้ชัดเจนดี ‘ทำดีหวังผล ทำดีด้วยใจ ทำไปเพื่ออะไร’ เรียบเรียงบทมาได้ยอดเยี่ยม ตอนแรกดูแล้ว คิดว่าจะ เด่นแค่ “อาม่า กับ หลาน” แต่พอดูไป ๆ ดูไปรุ่นลูกก็มีบทที่สำคัญต่อเรื่องเช่นกัน แต่ละคนก็มีความชัดเจนเหมือนเป็นตัวแทนลูก แต่ละแบบ ตัวละครหลักสุด ก็คือ อาม่า เพราะหนังถ่ายทอดมุมมองตัวละครนี้มากที่สุด ซึ่งนักแสดงอาวุโสหน้าใหม่ อุษา เสมคำ วัย 78 ปี เล่นออกมาได้สุดยอดมาก ส่งต่อทุกอารมณ์ของตัวละครได้ดีสุด ๆ เรียกได้ว่า เล่นได้เยี่ยมที่สุดของภาพยนตร์เรื่องนี้เลย ในส่วนของตัวเอกอีกคน บิวกิ้น ดูช่วงแรก ก็เล่นธรรมดา ๆ แต่พอเรื่องราวเดินไปเรื่อย ๆ สีหน้า แววตา น้ำเสียง มีความอินเป็นตัวละครหลานม่ามากขึ้นเรื่อย ๆ ยิ่งเรื่องราวผ่านไปยิ่งเล่นได้ดีขึ้น ๆ ในส่วนของการที่ต้องแต่งตัวธรรมดาก็ทำให้บิวกิ้นดูเหมือนวัยรุ่นไทยเชื้อสายจีนทั่วไป ที่หน้าตาดีไม่ดูเว่อร์หล่อเนี้ยบจนเกินไป หนังทำออกมาดีมากกก ให้บรรยากาศดูเรียลเห็นวิถีชีวิตครอบครัวคนไทยเชื้อสายจีน ส่วนสถานที่ถ่ายทำก็ถือว่าเลือกได้ดี คนที่จำสถานที่ต่าง ๆ ในกรุงเทพฯ ได้จะดูออกทันทีเลยว่า ทำมาได้ละเอียดสุด ๆ เหมือนของจริง ทำให้อินกับภาพยนตร์มากขึ้น ในส่วนของแง่คิด เริ่มต้นมีกังวล ค่านิยมในการดูแลอาม่าหวังผล อาจจะไม่เหมาะ แต่พอดูจบ โอเค นี้แหละ เหมาะที่สุดเลย
ติดเต็ม *****
000
ผลงานภาพยนตร์มอนสเตอร์เวิร์สจาก Legendary Pictures สู่การเผชิญหน้าครั้งใหญ่ของ “Godzilla x Kong: The New Empire” ที่มาพร้อมการผจญภัยครั้งใหม่ ที่จะพาคองผู้ยิ่งใหญ่และก็อตซิลล่าผู้น่าเกรงขามไปพบกับมหันตภัยร้ายที่ซ่อนอยู่ในโลกของเรา ยังคงกำกับฯ โดย “อดัม วินการ์ด” นักแสดงนำในเรื่อง ได้แก่ รีเบคก้า ฮอลล์ (“Godzilla vs. Kong,” The Night House”), ไบรอัน ไทรี เฮนรี่ (“Godzilla vs. Kong,” “Bullet Train”), แดน สตีเวนส์, เคย์ลี ฮอทเทล (“Godzilla vs. Kong”), อเล็กซ์ เฟิร์นส และ ฟาลา เฉิน บทภาพยนตร์โดย เทอร์รี่ รอสซิโอ (“Godzilla vs. Kong” ซีรีส์ “Pirates of the Caribbean”) และไซมอน บาร์เร็ตต์ (“You’re Next”) และเจเรมี่ สเลเตอร์ (“Moon Knight”) จากเนื้อเรื่องของรอสซิโอ แอนด์ วินการ์ด แอนด์ บาร์เร็ตต์ สร้างอิงจากตัวละครของ “Godzilla”
ก็อตซิลล่าปะทะคิงคอง เปิดฉากก็ระทึก ลุ้นแล้ว เพราะคองถือว่ายิ่งใหญ่ยังต้องหนีสัตว์อะไรอีก พอเห็นตัวที่คองวิ่งหนีมันแยกเขี้ยว น้ำลายย้อย ฟันแหลมคมก็น่ากลัว เปิดฉากก็สนุก ตื่นเต้น ยิ่งดูIMAX เหมือนพวกสัตว์มาวิ่งตรงหน้าให้สะดุ้ง กราฟฟิกเนียนตา สมเป็นการรวมพลังสองผู้ยิ่งใหญ่อย่างก็อตซิลล่ามาเจอกับคิงคอง ภาคนี้มีซีนอารมณ์และดราม่านิด ๆ ตรงคองปวดฟัน ต้องให้มนุษย์ช่วยเอาฟันที่ปวดออก นอกจากนี้ยังตามหาเผ่าพันธุ์ของคองด้วย แต่ฉากที่เรียกเสียงฮือฮาและเด็ก ๆ ชอบก็คงเป็นตอนก็อตซิลล่าตื่นขึ้นมาแล้วอัดไฟเข้าไปในตัว จนกระทั่งแตกกระจายออกเป็นสีชมพูสวยมาก ต้องยกเครดิตให้กราฟฟิกเลย แม้ก็อตซิลล่าจะสีชมพูแต่ความดุดัน เกรี้ยวกราดไม่แผ่วเวลาเจอคองนี่สู้กันเสียงดังสะเทือนโรง แต่มีตัวขโมยซีนเป็นเจ้าลิงสีน้ำตาล ที่ตอนแรกหลอกคองไปถูกสัตว์ร้ายฆ่าแต่กลายเป็นอาหารของคิงคองแถมต้องแบ่งให้เจ้าลิงน้อยด้วย ถ้าจะเอาแง่คิดดี ๆ ในหนังก็เรื่องของมิตรภาพระหว่างคองกับลิงสีน้ำตาลที่เห็นคองเป็นเพื่อนจึงไม่ทิ้งยามถูกศัตรูไล่ล่า ทั้งความรักของแม่ที่เลี้ยงเด็กหญิงจนเติบโตแม้จะสื่อสารกันคนละภาษาพวกเขาก็รักกัน ส่วนมุกตลกก็ปล่อยมาขำบ้างไม่ขำบ้าง ทั้งได้เห็นความไฮเทคที่มนุษย์สร้างก็คือมือไฮดรอลิคของคอง ในภาคนี้เนื้อเรื่องดี ดูเพลิน ไม่น่าเบื่อ บทจะเทไปที่เหล่ามอนสเตอร์เวิร์สและเอฟเฟกตระการตา อยากให้มีภาคต่อเรื่อย ๆ แต่ก็อยู่ที่บทจะสนุกเหมือนภาคนี้ไหม
ติดให้ ****
000
เฉลยคำถามจากภาพยนตร์เรื่อง “DUNE 2” : พอล อะเทรดีส
000
คำถามจากภาพยนตร์เรื่อง “Godzilla x Kong: The New Empire” : ทำไมคิงคองต้องใส่อุปกรณ์ไฮดรอลิคที่มือเพราะ?
ทราบคำตอบเขียนชื่อ นามสกุล ที่อยู่ เบอร์โทร. พร้อมคำตอบให้ชัดเจนลงไปรษณียบัตรส่งมาที่คอลัมน์
“หนังดีติดดาว” 32/15 ซ.ลาดพร้าว 23 แขวงจันทรเกษม เขตจตุจักร กรุงเทพฯ 10900
ผู้ที่ตอบถูก 3 ท่านจะได้รับของรางวัลจาก “วอร์เนอร์ บราเดอร์ส” (ขอบคุณสนับสนุนของรางวัล)
000
“Fallout” ซีรีส์ดัดแปลงจากหนึ่งในเกมที่ดีที่สุดตลอดกาล จากโจนาธาน โนแลน และลิซ่า จอย ผู้สร้างซีรีส์ Westworld ที่จะพาออกจากหลุมหลบภัยไปทัวร์ Wastedland ดินแดนโลกอนาคตที่ทุกอย่างตรงข้ามกับคำว่า“น่าอยู่”
สตรีม 8 ตอนรวด วันที่ 11 เมษายนนี้ พร้อมพากย์ไทย ที่ Prime Video เท่านั้น
เป็นซีรีส์ที่นำเสนอจาก Prime จำนวน 8 ตอน เนื้อเรื่องเกี่ยวกับโลกหลังสงครามนิวเคลียร์ นางเอกถือกำเนิดใน หลุมหลบภัย ที่ 33 มีเหตุให้ต้องออกมาสู่โลกภายนอก ที่ยังพอมี กัมมันตภาพรังสีอยู่บ้าง ซีรีส์ทำออกมาพาย้อนยุคดีเหมือนโลกสมัยก่อนในยุคคาวบอย ที่ดิบเถื่อน ไร้ซึ่งกฎระเบียบ แต่มีสิ่งมีชีวิตกลายพันธุ์ ซึ่งทำออกมาได้ลงตัว แม้บางครั้งจะดูขัดแย้งเรื่องของสภาพความเป็นอยู่กับเทคโนโลยีที่มีใน แต่เทคโนโลยีกลับดูวิทยาการสูงล้ำหน้าไปมาก ส่วนตัวปูให้รู้จักที่มาที่ไปของแต่ละคน ถือได้ว่าเป็นดูเพลิน ๆ ไปได้เรื่อย ๆ มีความสนุก เรื่องของฉากนั้น ดูเหมือนหนังสมัยก่อน ไม่ได้มีโชว์อะไรใหม่ ๆ มาก แต่ก็ให้ความรู้สึกที่โลกต้องย้อนยุคกลับไปใหม่ หลังสงครามนิวเคลียร์ทำออกมาดี ฉากต่อสู้ทำได้ดิบเถื่อน มีโชว์เหนือเรื่องของเทคโนโลยี โดยรวมสนุก มุมกล้องถ่ายสวย นักแสดงนำเล่นได้อินโนเซ้นท์ ดูใส ๆ โลกสวยตามบทเป๊ะ ๆ ส่วนคนอื่น ๆ ก็เล่นได้ดีเช่นกัน โดยเฉพาะ แววตา ถ่ายทอดความรู้สึกให้เห็นผ่านแววตา
ติดให้ ***
000
“MOTHERS’ INSTINCT” โดย มงคลเมเจอร์ เป็นเรื่องราวที่เกิดขึ้นในยุค 60 เมื่อมิตรภาพของสองสาวเพื่อนซี้อย่าง “อลิซ” (เจสซิกา แชสเทน) และ “เซลีน” (แอนน์ แฮทธาเวย์) ต้องพังทลายลงหลังเกิดอุบัติเหตุร้ายแรงกับลูกชายของพวกเธอ ความรู้สึกผิด ความไม่ไว้ใจ และความนอยด์ได้บั่นทอนและบ่อนทำลายความสัมพันธ์ของทั้งคู่ พร้อมจุดชนวนสงครามประสาทสุดระทึกที่จะปลุกสัญชาตญาณมืดความเป็นแม่!”
หนังปูพื้นฐานและแนะนำตัวละครอย่างรวดเร็วแล้วเดินหน้าเล่าเรื่องทันที เพียงแค่ 10 ถึง 15 นาทีแรกก็มาถึงจุดเปลี่ยนของเรื่องราวแล้ว จากค่านิยม American Dreams ในยุค 1960‘s ของแม่บ้านและศรีภรรยา 2 คน ที่มีชีวิตสุขสันต์อยู่ในบ้านชานเมือง ก็กลายมาเป็นความหวาดระแวงและไม่ไว้เนื้อเชื่อใจกันหลังจากเกิดเหตุสลดจากความสูญเสียขึ้น ซึ่งความสนุกของหนังอยู่ช่วงกลางเรื่องนี่แหล่ะ เพราะตัวละครที่ลุกขึ้นมาฟาดฟันกันจากระดับเบาไปหาหนักอย่างเท่าเทียมกัน จนไม่แน่ใจว่าใครกันนะที่เป็นคนดีและคนร้าย แล้วจากพฤติกรรมที่แรงขึ้นไปเรื่อย ๆนี่เอง คือนับนาทีรอเลยว่าเมื่อไหร่นะที่เธอสองคนจะลุกขึ้นมาลงไม้ลงมือแบบถึงพริกถึงขิงเสียที ก่อนที่ช่วงท้ายอันเป็นเวลาที่หนังจะขมวดทุกสิ่งอย่างเข้าหากันและเดินหน้าไปยังตอนจบที่คาดเดาไม่ได้ โดยหนังใส่ใจรายละเอียดงานสร้างได้ดีมาก ทุกอย่างดูย้อนยุคสมเป็น 1960‘s ได้ดูการแสดงของตัวแม่อย่าง Anne Hathaway และ Jessica Chastain ที่เชือดเฉือนและฟาดฟันกันก็คุ้มแล้ว
ติดให้ ****
000
“Marmalade แผนปล้นยัยส้มซ่า” ผลงานกำกับโดย เคียร์ โอดอนเนล ที่มีนักแสดงนำ อย่าง โจ คีรี, คามิล่า มอร์โรน และ อัลดิส ฮอดจ์ เป็นการเล่าถึงเรื่องราวของ บารอน นักโทษคนหนึ่ง เริ่มสานสัมพันธ์กับเพื่อนร่วมห้อง โอทิส ก่อนที่ทั้งสองจะวางแผนหลบหนีออกไปด้วยกัน และ บารอน ก็ได้ย้อนความหลังถึงเรื่องราวของการที่เขาพบกับ มาร์มาเลด รักแท้เพียงหนึ่งเดียวของเขา และเรื่องราวแบบ บอนนี่ และ ไคลด์ กับการปล้นธนาคารเพื่อที่จะหาเงินมารักษาแม่ผู้เจ็บป่วยของเขา รวมไปถึงเพื่อตามหาชีวิตที่ทั้งสองฝันมาโดยตลอด
หนังมีสไตล์การเล่าเรื่องที่มีสีสัน ด้วยการออกแบบตัวละครหลัก 2 ตัว ที่เหมือนอยู่กันคนละขั้ว โดยให้ตัว บารอน เป็นหนุ่มเนิร์ดผู้อ่อนต่อโลก แล้วให้ตัว มาร์มาเลด เป็นสาวซ่าที่กร้านชีวิต โดยทั้งคู่ได้ร่วมกันปล้นธนาคารจนเป็นเหตุให้ บารอนต้องติดคุก หนังสลับมาเล่าเหตุการณ์ในห้องขังที่ว่า ด้วยการสนทนาระหว่าง บารอน และ โอทิส หนุ่มผิวสี เพื่อนผู้ต้องขังร่วมห้อง บรรยากาศและโทนในการเล่าเรื่องจะจริงจังกว่าอีกช่วงเวลาหนึ่งที่มีความทีเล่นทีจริงและหลุดโลกแบบ rom-com หนังไม่ได้มีความยาวมาก แต่ก็ไม่ควรที่จะลุกออกจากโรงด้วยเหตุผลใดก็ตาม เพราะหนังจะปูพื้น ใส่ข้อมูล และวางเรื่องราวที่ทั้งหมดจะถูกเอามาเชื่อมโยงแล้วมัดรวมกันในองก์ที่สาม ทั้งหมดเป็นของสำคัญที่คุณต้องมีครบ เพื่อที่จะเข้าใจทุกอย่างเมื่อหนังจบลงในองก์สุดท้ายที่มีบาดแผลในการเร่งเล่าเรื่อง และจิ๊กซอว์ข้อมูลที่ต่อกันติดง่ายเดินไปจนรู้สึกว่ามันจงใจจนเสียความสมจริงไปหน่อย
ติดให้ ****
000
“Spy X Family : Code White” ภาพยนตร์ได้ “ทาคาชิ คาทากิริ” หนึ่งในทีมงานจากอะนิเมะซีรีส์ Spy x Family มานั่งแท่นผู้กำกับ และ “ทัตสึยะ เอ็นโดะ” นักเขียนเจ้าของผลงานต้นฉบับมารับหน้าที่ออกแบบตัวละครและดูแลการผลิต พร้อมด้วยสตูดิโอ Wit Studio และ CloverWorks มารับหน้าที่ดูแลการผลิตเช่นเดิม ซึ่งเรื่องราวเริ่มต้นขึ้นเมื่อครอบครัวฟอร์เจอร์ได้ตัดสินใจเดินทางไปพักผ่อนเพื่อใช้เวลาร่วมกันในช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์ แต่ดูเหมือนว่าทริปพักผ่อนครั้งนี้จะไม่ได้เป็นอย่างที่อาเนียใฝ่ฝัน เมื่อลอยด์และยอร์ต้องเข้าไปพัวพันกับภารกิจครั้งสำคัญ ครอบครัวฟอร์เจอร์จึงต้องร่วมมือกันเพื่อไม่ให้เกิดสงครามขึ้น แต่ดูเหมือนว่าภารกิจของเขาจะวุ่นวายมากขึ้น เมื่อสมาชิกในครอบครัวของลอยด์กลับเป็นบุคคลที่มีความลับมากมาย ทั้งยอร์ ฟอร์เจอร์ ที่ฉากหลังของเธอคือ…นักฆ่ามากฝีมือนาม เจ้าหญิงหนาม, อาเนีย ลูกสาวที่มีพลังในการมองเห็นความคิดของผู้คน และ บอนด์ สุนัขขนปุยที่สามารถมองเห็นอนาคต เรื่องราวการทำภารกิจลับสุดยอดของ ‘ครอบครัวปลอม ๆ’ ที่ทั้งวุ่นวายและอบอุ่นหัวใจจึงเริ่มต้นขึ้น
เป็นหนังที่เด็กดูดีและผู้ใหญ่ดูได้ โดยไม่ต้องรู้จักหรือรู้เรื่องอะไรจากซีรีส์มาก่อนเลยก็ได้ หนังเอาอยู่ทั้งในส่วนของความสนุกแบบการ์ตูนใช้ตัวละครเด็กมาเป็นตัวเดินเรื่อง และเอาอยู่ในส่วนของความระทึกในแบบหนังแอ็กชั่นในช่วงเวลาที่หนังใช้ตัวละครผู้ใหญ่มาเป็นตัวเดินเรื่อง จังหวะจะโคนการเล่าเรื่องก็คือใช้ตัวละครเด็กผูกปมและเดินเรื่องแบบการ์ตูนจ๋าที่อัดแน่นไปด้วยความสนุกจากความปั่นป่วนที่เกิดขึ้นจากการกระทำของตัว อาเนีย ที่ขายความน่ารัก มุกตลก และความบังเอิญแบบการ์ตูน ๆ แล้วให้ตัวละครผู้ใหญ่อย่าง ลอยด์ กับ ยอร์ มาคอยแก้ปัญหาและประคับประคองเส้นเรื่องให้เดินหน้าไปได้ด้วยความมีเหตุมีผล และแอ็กชั่นเท่ ๆ กับฉากการต่อสู้กับผู้ร้าย
ติดให้ ****
000
“Immaculate บริสุทธิ์ผุดปีศาจ” นำแสดงโดย ซิดนีย์ สวีนีย์, ซิโมนา ทาบาสโก, อัลวาโร มอร์เต กำกับโดย ไมเคิล โมฮาน เรื่องราวเกิดขึ้นเมื่อ เซซิเลีย หญิงสาวผู้มีศรัทธาในคริสตศาสนาอย่างแรงกล้า เธอได้รับข้อเสนอให้บวชเป็นแม่ชีที่สํานักชีอันทรงเกียรติแห่งหนึ่งในอิตาลี แต่การต้อนรับอย่างอบอุ่นสู่ชนบทอิตาลีที่สวยงามราวกับความฝันต้องจบลงอย่างรวดเร็ว เมื่อเซซิเลียเริ่มเห็นว่าบ้านใหม่ของเธอได้ซ่อนความลับอันน่าสะพรึงกลัวเอาไว้ ซ้ำร้ายเธอกลับตั้งท้องอย่างปริศนา มันคือ “พรจากสวรรค์” หรือ “ครรภ์จากซาตาน” กันแน่!
หนังเปิดและเดินเรื่องอย่างรวดเร็ว เพราะหนังจงใจที่จะปิดบังรายละเอียดและปูมหลังของตัวละครหลัก ตัวละครรองที่ทยอยกันเข้ามามีบทบาทกับเรื่องราวก็ลึกลับ ดูไปรู้สึกถึงความไม่น่าไว้วางใจทั้งในสถานที่และตัวละคร ถือว่าหนังสร้างบรรยากาศได้ดี แต่ในส่วนของตัวละคร พัฒนาการของตัวละครหลักน้อยไปนิด ตัวละครรองแทบทุกตัวมีสถานะเกือบจะเป็นไม้ประดับ ตัวละครหลักรับหน้าที่เดินเรื่องและแบกหนังแทบจะทั้งเรื่อง ช่วงกลางของเรื่องราวหนังขยับแนวทางจาก horror ไปเป็น suspense แล้วใช้ประโยชน์จากความลึกลับของตัวละครและความไม่น่าไว้วางใจในบรรยากาศมาสร้างความกดดันให้เรื่องราว พอถึงท้ายเรื่องก็เปลี่ยนอารมณ์มาเป็น thriller กับการปล่อยของให้คนดูอึ้งไปกับบทสรุปของเรื่องราว หนังมีประเด็นที่น่าสนใจในเรื่องของศรัทธาและความเชื่อ ตลอดไปจนเรื่องของศาสนาและวิทยาศาสตร์ แต่หนังแตะประเด็นเหล่านี้เพียงผิวเผินและไม่ได้ต่อยอดให้ไปไกลอย่างที่ควรจะไปถึงได้ให้
ติดให้ ** ครึ่ง
000
“ฝังครรภ์ปีศาจ” (The Ritual : Black Nun) เป็นการจับมือกันระหว่าง “ทำสตูดิโอ 19” และ “Wonder Film Entertainment” ประเทศกัมพูชา กำกับและเขียนบทโดย “แซม วิสาล” นำแสดงโดย เคิร์สตี้ มารี เดย์, เบรนแดน กัลลาเกอร์, โรเบิร์ต มุลเลอร์, เขมมา มาเรีย เม็ทเทเยอร์ และ ดีแลน นูว ยานาวสกี้ กับเรื่องราวเล่าถึง เกเบรียล ชาวต่างชาติที่มาอาศัยอยู่ในเมืองเสียมเรียบ ประเทศกัมพูชา เขาได้ทำผิดพลาดครั้งใหญ่ด้วยการทำให้หญิงชาวกัมพูชาที่ตั้งครรภ์คนหนึ่งเสียชีวิต เขาจึงได้ถูกสามีของผู้ตายซึ่งเป็นหมอผีเสกมนต์ดำใส่ จนเกเบรียลและภรรยาเสียชีวิตตามไป แต่อาถรรพณ์มนต์ดำนี้ยังตามมาถึงตัว ซิลวี่ ลูกสะใภ้ของเกเบรียลด้วย และมนต์ดำนี้จะสำเร็จได้ ซิลวี่จะต้องตั้งครรภ์เพื่อให้หมอผีผ่าท้องเอาสิ่งที่อยู่ข้างในร่างของเธอออกมา เพราะมันจะยังไม่หยุดจนกว่าความอาฆาตจะได้รับการชำระแค้น!
เป็นการร้อยเรียงเรื่องราวที่ขาด ๆ เกิน ๆ มีหลายส่วนที่ทำให้หนังไม่น่าเชื่อถือ ด้วยเพราะบางฉากขาดความเป็นไปได้ จังหวะในการเข้าความสยองขวัญก็มีอยู่บ้าง เส้นเรื่องโดยรวมค่อนข้างเรียบ ๆ และเรื่อย ๆ แต่ก็มีของดีที่ชวนให้ติดตามและคิดต่อได้ตลอดเวลาว่าเรื่องราวจะเป็นยังไงต่อไป หนังมีความน่าสนใจในการหยิบเอาความเชื่อ วัฒนธรรม และประวัติศาตร์ของกัมพูชามาผูกเรื่องราว ก็ถือว่าเป็นอีกรสชาติหนึ่งของความสยองขวัญจากประเทศเพื่อนบ้าน ถ้าอยากจะสัมผัสมุมมองและการตีความเรื่องราวลี้ลับจากสายตาของคนกัมพูชาดูบ้างก็ถือว่าเป็นโอกาสดีที่จะได้ลิ้มลองกัน ยังไงรีบหน่อยก็ดีเพราะไม่แน่ใจว่าหนังจะได้อยู่ในโรงนานแค่ไหน เพราะแค่วันแรกที่เข้าฉายก็มีอยู่แค่ไม่กี่สาขาและไม่กี่รอบต่อวัน
ติดให้ * ครึ่ง
000