ถิ่นวัฒนธรรมทั่วไทยไปกับพี่หนุ่ม,สุทนพาท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมไหว้พระ4วัดนอกเกาะเมืองกรุงศรีอยุธยา ล่าสุด ผมได้เดินทางไปสำรวจแหล่งท่องเที่ยวและถือโอกาสแวะกราบพระไหว้ขอพรตามวัดวาอารามต่างๆ ในเส้นทาง “4 วัดนอกเกาะเมืองกรุงศรีอยุธยา” เส้นทางนี้สายมูห้ามพลาดด้วยประการทั้งปวงครับ
“4 วัดนอกเกาะเมืองกรุงศรีอยุธยา” ขอเริ่มต้นที่ “วัดแม่นางปลื้ม” ริมน้ำคลองเมืองเป็นสายน้ำที่ไหลกั้นเขตเมืองหรือเกาะแผ่นดินกรุงศรีอยุธยา “วัดแม่นางปลื้ม” เป็นวัดที่สมเด็จพระนเรศวมหาราชทรงโปรดฯ ให้สร้างเพื่ออุทิศส่วนกุศลให้แม่นางปลื้มซึ่งเป็นหญิงชราที่อาศัยอยู่ในบ้านริมน้ำคลองเมืองเพียงผู้เดียว เมื่อครั้งกระนั้นในสมัยแผ่นดินสมเด็จพระนเรศวรมหาราชตามเรื่องราวเล่าขานว่าสมเด็จพระนเรศวรมหาราชได้ทรงพายเรือด้วยพระองค์เองแล้วเกิดฝนตกจึงแวะขึ้นบนบ้านของแม่นางปลื้ม ดังนั้นท่านผู้อ่านทุกท่านสามารถไปอ่านเรื่องราวต่าง ๆ ได้ในวัดแม่นางปลื้ม สำหรับภายในวัดควรแวะเข้าวิหารประดิษฐานองค์พระพุทธรูปเรียกว่า “หลวงพ่อขาว” เป็นพระพุทธรูปที่สร้างด้วยเปลือกหอยแล้วผสมผสานกับปูนแต่องค์พระพุทธรูปเป็นสีขาวจึงเรียกหลวงพ่อขาวขอพรได้ เช่น เรื่องหน้าที่การงานหรือสอบเข้ารับราชการเป็นต้น ส่วนในพระอุโบสถประดิษฐานองค์พระประธานเรียกว่า “หลวงพ่อทอง” สำหรับหน้าบันพระอุโบสถก็สวยงามจ้าออเจ้า
เสร็จแล้วเดินทางต่อขับรถยนต์เลี้ยวซ้ายไป “วัดครุฑธาราม” เป็นอีกหนึ่งวัดที่เกี่ยวกับกษัตริย์แผ่นดินอาณาจักรกรุงศรีอยุธยาเช่นกัน “วัดครุฑธาราม” ตามประวัติที่บันทึกไว้ว่าเมื่อครั้งสมเด็จพระเจ้าเอกทัศน์หรือสมเด็จพระที่นั่งสุริยาศน์อมรินทร์ขึ้นครองราชย์แผ่นดินกรุงศรีอยุธยาในปี พ.ศ. 2301 ต่อมาในปี พ.ศ. 2302 ทรงโปรดฯให้สร้างวัดขึ้นมาแล้วให้ชื่อ “วัดครุฑธาราม” เพื่อให้เป็นวัดประจำรัชกาลหรือเฉลิมพระเกียรติการขึ้นครองราชย์ แล้วต่อมาในปี พ.ศ. 2309-2310 ก็เสียกรุงศรีอยุธยาครั้งที่ 2 สันนิฐานกันเองว่าวัดครุฑธารามก็เป็นวัดร้างไปพอเข้ามาในสมัยแผ่นดินกรุงรัตนโกสินทร์มีการบูรณะวัดครุฑธารามขึ้นมาใหม่ก็พบองค์พระประธานในอุโบสถถูกขโมยตัดพระเศียรไปจึงตามหาแล้วพบพระเศียรที่วัดแคบนเกาะลอยที่ล้อมรอบด้วยแม่น้ำลพบุรีและแม่น้ำป่าสักเมื่อนำมาประกอบกับพระเศียรปรากฏว่าได้พอดีเป็นสิ่งมหัศจรรย์ยิ่งนัก แต่อย่างไรก็ตามทางญาติโยมก็มองเห็นพระเศียรคล้าย ๆ ปากพญาครุฑจึงได้เรียกพระพุทธรูปซึ่งเป็นองค์พระประธานว่า “หลวงพ่อครุฑ” นี่แหละที่มาของชื่อหลวงพ่อครุฑ ส่วนองค์หลวงพ่อครุฑเป็นพระพุทธรูปแกะสลักด้วยหินทรายขาวหรือศิลาขาวแล้วลงรักปิดทองพุทธลักษณะงดงามมากจริง ๆ
สำหรับอุโบสถของวัดครุฑธารามทางกรมศิลปากรได้ขึ้นทะเบียนเป็นโบราณสถานแล้วส่วนเรื่องราวของ “พ่อปู่พญาครุฑ” ก็น่าสนใจเช่นกันคือในปี พ.ศ. 2563 มีผู้ศรัทธาจะสร้างองค์พญาครุฑถวายที่วัดแคบนเกาะลอยน้ำของจังหวัดพระนครศรีอยุธยาแต่มีคนแน่นำให้มาสร้างถวายวัดครุฑธาราม เพราะตามเหตุผลคือชื่อวัดครุฑด้วยและมีองค์หลวงพ่อครุฑประดิษฐานอยู่ด้วยแน่นอนด้วยตามเหตุผลทางผู้ศรัทธาจึงได้จัดสร้างองค์พญาครุฑสถิตอยู่ด้านหน้าทางขึ้นกุฏิพระสงฆ์แล้วประกอบพิธีปลุกเสกตามหลักพระพุทธศาสนา เสร็จแล้วก็เรียกว่า “พ่อปู่พญาครุฑ” ซึ่งทรงเครื่องชั้นสูงสำหรับองค์พ่อปู่พญาครุฑเป็นเทพที่ศักดิ์สิทธิ์มีกายเหมือนมนุษย์แต่มีปีกและปากเหมือนนกแต่มีขนสีทองซึ่งตามความเชื่อพญาครุฑทรงพลังและไม่มีวันตาย ดังนั้นไปขอพรได้ เช่น เรื่องประกอบธุรกิจการค้าโดยเฉพาะประกอบธุรกิจท่องเที่ยวหรือเรื่องโชคลาภก็ได้จ้าออเจ้า “วัดครุฑธาราม” เปิดให้เข้าขอพรสิ่งศักดิ์สิทธิ์ได้ตั้งแต่เวลา 06.00-15.00 น. นะจ๊ะจะบอกให้ถ้าไปเย็นกว่านี้ประตูวัดปิดครับ
เสร็จแล้วก็ออกเดินทางไปอีกหนึ่งวัดคือ “วัดกลางคลองสระบัว” เป็นอีกหนึ่งสถานที่ไม่ควรพลาดสำหรับวัดกลางคลองสระบัวเป็นวัดโบราณเก่าแก่น่าจะมีมาเมื่อครั้งแผ่นดินกรุงศรีอยุธยาเป็นราชธานีพอเสียกรุงศรีอยุธยาครั้งที่2สันนิฐานว่ากองทัพพม่าคงทำลายวัดนี้จึงเป็นวัดร้างต่อมาในสมัยแผ่นกรุงรัตนโกสินทร์มีพระธุดงค์มาปักกรดในพื้นดินบริเวณวัดกลางคลองสระบัวปรากฏฝนตกหนักแล้วมีฟ้าฝ่าลงมาทำให้เห็นองค์พระพุทธรูปอยู่ใต้ดิน จึงนำขึ้นมาได้ 4 องค์ พอฝนฟ้าสงบแล้วชาวบ้านจึงเข้ามาดูองค์พระพุทธรูปซึ่งมีลวดลายเป็นดอกพิกุลสวยงามมากแล้วจึงเรียกชื่อ “หลวงพ่อทันใจ” สำหรับองค์หลวงพ่อทันใจสันนิษฐานว่าน่าจะเป็นพระพุทธรูปที่กษัตริย์แห่งกรุงศรีอยุธยาพระองค์ใดพระองค์หนึ่งเป็นผู้จัดสร้างเพราะหล่อด้วยทองผสมผสานสำริดแต่สิ่งสำคัญมีลวดลายดอกพิกุลซึ่งเป็นดอกไม้มงคลที่ศาสนาพราหมณ์-ฮินดูจะใช้ประกอบในราชพิธีต่าง ๆ ในพระราชวังจ้า ส่วนอีกหนึ่งองค์เรียก “หลวงพ่อเพชร” เป็นพระพุทธรูปขัดสมาธิเพชรพุทธลักษณะคล้าย ๆ พระพุทธสิหิงค์ ดังนั้นสายมูทั้งหลายก็จะมาประกอบพิธีห่มผ้าองค์หลวงพ่อทันใจและหลวงพ่อเพชรกันมากทุกวัน เพื่อเป็นสิริมงคลแก่ตนเองและครอบครัวจ้า
เสร็จเรียบร้อยก็ออกเดินทางไป “วัดหน้าพระเมรุราชิการาม” เป็นวัดอยู่ริมคลองเมืองเช่นกันวัดหน้าพระเมรุฯเป็นอีกหนึ่งวัดที่ชาวบ้านในแผ่นดินกรุงศรีอยุธยาเชื่อถึงความศักดิ์สิทธิ์เพราะเมื่อครั้งเสียกรุงศรีอยุธยาครั้งที่ 2 กองทัพพม่าก็ตั้งทัพอยู่ในวัดหน้าพระเมรุฯ แต่วัดนี้ไม่ถูกทำลายจ้าออเจ้า ถ้าไปวัดหน้าพระเมรุฯก่อนเข้าพระอุโบสถชมหน้าบันก่อนจ้าสวยงามจริง ๆ แกะสลักเป็นรูปพระนารายณ์ทรงครุฑเก่าแก่แต่คงความสวยงามมาก ๆ สำหรับภายในพระอุโบสถประดิษฐานองค์พระพุทธรูปทรงเครื่องกษัตริย์ที่องค์ใหญ่ที่สุดในประเทศไทยพุทธลักษณะงดงามยิ่งนักและมีพระนามว่า “พระพุทธนิมิตวิชิตมารโมลีศรีสรรเพชรบรมไตรโลกนาถ” เป็นพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมืองกรุงศรีอยุธยาเมื่ออดีตถึงทุกวันนี้
นี่คือเส้นทางไหว้พระพุทธรูปและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ตามความเชื่อของชาวพุทธเป็นวงรอบนอกเกาะแผ่นดินกรุงศรีอยุธยา“4 วัดนอกเกาะเมืองกรุงศรีอยุธยา” เริ่มต้นที่วัดแม่นางปลื้ม – วัดครุฑธาราม – วัดกลางคลองสระบัว – วัดหน้าพระเมรุราชิการามเป็นวัดสุดท้าย น่าสนใจมาก ๆ สำหรับสายมูทั้งหลายครับ “กินเที่ยวทั่วไทย เที่ยวเมืองไทยไม่ไปไม่รู้ ถ้าอยากรู้ต้องออกเดินทางไป…กับ…ผมหนุ่ม-สุทน” แล้วฝากติดตามฟังรายการ “กินเที่ยวทั่วไทยไปกับพี่หนุ่ม-สุทน รุ่งธัญรัตน์” ทางคลื่นข่าว fm 100.5 mhz ฟังเรื่องเล่าประวัติศาสตร์ วิถีชุมชน วัฒนธรรมและอาหารถิ่นของชุมชนได้ทุกวันอาทิตย์เวลา 10.10-11.00 น. ขอบคุณและสวัสดีครับ
พิกัด “4 วัดนอกเกาะเมืองกรุงศรีอยุธยา”
เรื่องและภาพโดย : หนุ่ม-สุทน รุ่งธัญรัตน์
แฟนเพจเฟซบุ๊ค : https://www.facebook.com/sutonfm100.5/
#ติดตามฟังเรื่องราวการเดินทางเที่ยวทั่วไทยทางคลื่นข่าว100.5fm ทุกวันอาทิตย์เวลา 10.10-11.00 น. #ติดต่อวิทยากรด้านการท่องเที่ยวได้ที่ได้ที่แฟนเพจเฟซบุ๊ค #เที่ยวเพลิน #เก็บเรื่องมาเล่าโดยหนุ่มสุทน #bigmaptravel