“จอร์จ มิลเลอร์” เจ้าของออสการ์เรื่อง Furiosa: A Mad Max Saga กับการกลับมาอีกครั้งของโลกแห่งดิสโทเปียอันโด่งดังที่เขาสร้างขึ้นเมื่อ 40 กว่าปีด้วยภาพยนตร์เรื่อง “Mad Max” ที่หลายคนตั้งตารอคอย มิลเลอร์ได้พลิกหน้าใหม่อีกครั้งด้วยภาพยนตร์แอ็กชันผจญภัยต้นฉบับใหม่ล่าสุดที่จะเปิดเผยต้นกำเนิดของตัวละครอันทรงพลังจากภาพยนตร์ดั่งที่คว้ารางวัลออสการ์ระดับโลกเรื่อง ‘Mad Max: Fury Road’ ภาพยนตร์ใหม่จาก วอร์นอร์ บราเดอร์ส พิกเจอร์ส อำนวยการสร้างโดย มิลเลอร์และโปรดิวเซอร์ที่ได้รับการเสนอชิงรางวัลอสการ์ ดั๊ก มิทเซลล์ (“Mad Max: Fury Road,” “Babe”) ซึ่งเป็นหุ้นกันมานานของเขา ภายใต้แบรนด์เคนเนดี มิลเลอร์ มิทเซลล์ในออสเตรเลีย
Furiosa เล่าเรื่องราวความเป็นมาของตัวละครเอกซึ่งเทียบเท่าได้กับแมด แม็กซ์ใน Fury Road มิลเลอร์จึงจำเป็นต้องค้นหานักแสดงที่สามารถถ่ายทอดตัวละครนี้ในช่วงวัยรุ่นและวัยที่กำลังหล่อหลอมตัวตนโดยไม่ยอมสูญเสียความเด็ดเดี่ยวเข้มแข็งที่มีมาแต่เดิม อันยา เทย์เลอร์-จอย จึงได้เข้ามามีบทบาทในภาพยนตร์เรื่องนี้
“ผมคิดว่าหนังทุกเรื่องเป็นเรื่องราวเชิงเปรียบเทียบในแง่ใดแง่หนึ่ง” เมื่อเริ่มต้นตอบคำถามเกี่ยวกับความเป็นมาของเรื่องราวใน Furiosa “ในฐานะมนุษย์ ไม่ว่าเราจะอยู่ที่ไหนและในช่วงเวลาใด เราก็ยังคงมีรูปแบบพฤติกรรมไม่ต่างกัน ถึงแม้ว่าเรื่องราวใน Mad Max จะเกิดขึ้นในอนาคตที่เสื่อมสลาย แต่เราก็ยังคงย้อนกลับไปหาพฤติกรรมแบบเดียวกับในยุคกลางหรือก่อนยุคกลาง ในแง่หนึ่งมันคือการเดินหน้าไปสู่อดีต และขณะที่เราชมเรื่องนี้ในปัจจุบัน เราก็จะยังวัดมันโดยเทียบกับจิตวิญญาณของยุคปัจจุบันและสิ่งที่เราได้สัมผัสในยุคของเรา” มิลเลอร์กล่าวต่ออีกว่า “Furiosa เล่าเรื่องของคนที่ถูกพรากจากบ้านมาตั้งแต่เด็ก ให้คำมั่นสัญญาว่าจะกลับไป และเธอก็ใช้เวลาทั้งชีวิตเพื่อพยายามจะกลับบ้าน มันเป็นการเดินทางแบบมหากาพย์ จุดประสงค์ของการเดินทางนั้นไม่ได้อยู่ที่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นภายนอก แต่เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นในจิตวิญญาณของตัวเอก หรือการก่อร่างตัวตนของเธอ”
Furiosa เล่าเรื่องราวความเป็นมาของตัวละครเอกซึ่งเทียบเท่าได้กับแมด แม็กซ์ใน Fury Road มิลเลอร์จึงจำเป็นต้องค้นหานักแสดงที่สามารถถ่ายทอดตัวละครนี้ในช่วงวัยรุ่นและวัยที่กำลังหล่อหลอมตัวตนโดยไม่ยอมสูญเสียความเด็ดเดี่ยวเข้มแข็งที่มีมาแต่เดิม อันยา เทย์เลอร์-จอย จึงได้เข้ามามีบทบาทในภาพยนตร์เรื่องนี้
มาฟังบทสัมภาษณ์ “อันยา เทย์เลอร์-จอย” ผู้รับบท ฟูริโอซ่า
คำถาม: เมื่อนึกย้อนกลับไป คุณจำได้ไหมว่ารู้สึกอย่างไรตอนที่ได้อ่านบทภาพยนตร์เรื่อง Furiosa เป็นครั้งแรก
อันยา เทย์เลอร์-จอย: ฉันเชื่อมาตลอดว่าตัวละครบางตัวก็เหมาะกับนักแสดงบางคนเท่านั้น และถ้าคนคนนั้นไม่ใช่คุณ คุณก็ต้องมีความรับผิดชอบในการปล่อยตัวละครนั้นให้กลับไปเจอเจ้าของที่เหมาะสม ตอนที่อ่าน Furiosa ฉันคิดว่า “อื้ม ฉันสัมผัสตัวละครตัวนี้ได้แล้วล่ะ ฉันรู้เลยว่าการรับบทนี้จะต้องเป็นประสบการณ์ที่หนักหน่วงแน่นอน” มันดูใช่เลยสำหรับฉันค่ะ
คำถาม: เราทราบมาว่าบทหนังเรื่องนี้มีรายละเอียดน่าทึ่งมาก จอร์จ มิลเลอร์ ใส่ทั้งภาพประกอบและข้อความบรรยายคล้ายในหนังสือลงไป แต่การเปลี่ยนถ้อยคำให้กลายเป็นตัวละครที่มีชีวิตก็ต้องอาศัยการร่ายเวทมนตร์ คุณใช้อะไรเป็นกุญแจหลักในการค้นหาตัวละครฟูริโอซ่าครับ
อันยา เทย์เลอร์-จอย: มันน่าหลงใหลมากค่ะ เพราะถ้าเทียบกับการทำงานโปรเจกต์อื่น ๆ เวลาทำงานกับบทของจอร์จ มิลเลอร์ เราจะต้องเจาะลึกเหมือนทำงานวิชาการเลยในช่วงสองสัปดาห์แรกถึงหนึ่งเดือนก่อนที่จะได้เข้าไปเหยียบกองถ่ายซะอีก เราพูดคุยปรึกษากันทุกเรื่อง และเราก็เริ่มต้นจากบรรทัดฐานที่ว่า… น่าจะเป็นตอนที่ฉันคุยกับจอร์จเป็นครั้งที่สองมั้งคะ จอร์จบอกกับฉันว่า “เอาล่ะ ทำไมเราถึงทำหนังเรื่องนี้ ลองพิทช์งานให้ผมฟังหน่อยซิ ทำไมเราถึงต้องทำหนังเรื่องนี้ออกมา” ซึ่งฉันมองว่าหนัง Mad Max เนี่ย ถึงจะเน้นความบันเทิงแบบสุดขั้ว แต่ก็เป็นเรื่องราวสอนใจด้วยว่าจะเกิดอะไรขึ้นเมื่อคนเราถูกผลักดันไปจนสุดขีดคลั่งแบบนั้น
คำถาม: จอร์จชื่นชมคุณในแง่การมีส่วนร่วมอย่างใกล้ชิดและสิ่งที่คุณนำเสนอผ่านตัวละคร การเดินทางร่วมกันของคุณทั้งสองส่งผลลัพธ์ออกมาเป็นอย่างไรบ้าง
อันยา เทย์เลอร์-จอย: ฉันรู้สึกว่าถ้าคุณโชคดีพอที่จะได้ทำงานกับผู้กำกับ ออเตอร์ คุณต้องเรียนรู้วิธีที่จะพูดภาษาเดียวกันกับพวกเขา และฉันสนุกมากที่ได้ฝึกพูดภาษาของจอร์จ มิลเลอร์ สิ่งที่ฉันได้เรียนรู้ก็คือมีองค์ประกอบบางอย่างที่ฉันสัมผัสได้อย่างชัดเจนเลยว่ามันควรจะอยู่ในหนังเรื่องนี้ ฉันรู้สึกจริง ๆ ว่ามีที่ทางให้มันอยู่และมันสมควรที่จะอยู่ตรงนั้น สิ่งที่น่าสนใจในการทำงานกับจอร์จก็คือคุณอาจจะหว่านเมล็ดพันธุ์เอาไว้หลายเดือนก่อนถึงฉากนั้น คุณคอยเฝ้าดูการเติบโตของมันอยู่ทุก ๆ วัน บางครั้งก็ปล่อยทิ้งมันไว้ บางครั้งก็รดน้ำให้ชุ่ม และถ้าสุดท้ายมันได้ขึ้นไปอยู่บนจอ คุณก็จะรู้สึกว่าเป็นความสำเร็จครั้งยิ่งใหญ่ เพราะเหตุผลที่คุณเสนอไปว่าทำไมสิ่งนี้ควรอยู่ในหนังได้ผ่านการคิดรอบด้านมากเพียงพอจนสุดท้ายอาจารย์ก็บอกว่า “ใช่ เธอคิดถูกแล้ว มันควรอยู่ในนี้จริง ๆ”
คำถาม: คุณรู้สึกอย่างไรเมื่อได้มาเดินอยู่ในโลกที่จอร์จ มิลเลอร์ สร้างสรรค์มานานกว่าสี่ทศวรรษ
อันยา เทย์เลอร์-จอย: น่าเหลือเชื่อเลยค่ะ ฉันคิดว่าถึงจะตั้งสมาธิเต็มที่ แต่ทุก ๆ วันมีหลายช่วงเลยที่ฉันจะหลุดออกจากการรับบทเป็น ‘ฟูริโอซ่า’ มองไปรอบ ๆ แล้วคิดว่า “นี่แหละคือทุกอย่างที่ฉันอยากได้ตอนเป็นเด็ก” ฉันอยากเดินทางย้อนเวลากลับไปบอกตัวเองตอนอายุแปดขวบเลยว่า “นี่แหละคืองานที่เธอใช้หาเลี้ยงชีพ นี่แหละคือสิ่งที่คนอื่นจะขอให้เธอทำ นี่แหละคืองานประจำของเธอ” ทั้งหมดนี้คือความฝันของฉันเลยค่ะ และฉันคิดว่ารายละเอียดอันสมบูรณ์ของโลกใบนี้และสิ่งก่อสร้างอันน่าเหลือเชื่อ รถสารพัดแบบที่เรามี ทั้งหมดนี้ทำให้ฉันไม่ได้เดินอยู่ในกองถ่ายในฐานะนักแสดงเท่านั้น แต่ในฐานะที่เป็นแฟนหนังด้วย ฉันพกกล้องฟิล์มติดตัวตลอดเวลาและถ่ายรูปสวย ๆ เอาไว้มากมาย ฉันแอบตื่นเต้นกรี๊ดกร๊าดตลอดเลย
คำถาม: ฟูริโอซ่าเป็นตัวละครขาลุย และคุณก็ได้เพิ่มมิติของรายละเอียดและการตัดสินใจต่าง ๆ ที่ทำให้ตัวละครตัวนี้น่าค้นหายิ่งขึ้นไปอีก มีทั้งฉากแอ็กชันยิ่งใหญ่ตระการตา แล้วก็มีช่วงเวลานิ่ง ๆ ด้วย คุณสร้างสมดุลระหว่างทั้งสองส่วนนี้ผ่านตัวละครได้อย่างไร
อันยา เทย์เลอร์-จอย: ฉันคิดว่าความท้าทายสำคัญที่สุดในการรับบทเป็นเธอ คือจอร์จมีภาพที่ชัดเจนมาก ๆ ว่าฟูริโอซ่าควรมีลักษณะหน้าตาเป็นอย่างไร ซึ่งทำให้ฉันในฐานะนักแสดงจะต้องถ่ายทอดทุกสิ่งออกมาผ่านสายตาเป็นส่วนใหญ่ สำหรับนักแสดง มันเป็นเรื่องท้าทายมากค่ะ เพราะคุณได้แต่หวังว่าจะถ่ายทอดความรู้สึกทั้งหมดออกมาผ่านสายตาให้ได้ แต่วิธีนี้ก็ช่วยเพิ่มน้ำหนักให้ช่วงเวลาที่ฟูริโอซ่าต้องปลดปล่อยอารมณ์ที่รุนแรงออกมา จอร์จมองได้เป๊ะมากในจุดนี้ค่ะ ฉันคิดว่าสถานที่อย่างเวสต์แลนด์ไม่ยอมรับความอ่อนแอหรือการแสดงอารมณ์อย่างฟูมฟายหรอก ซึ่งก็แปลว่าช่วงเวลาแบบนั้นยิ่งเกิดขึ้นได้ยากและหนักแน่นเต็มอารมณ์เมื่อมันเกิดขึ้นจริง ๆ
คำถาม: คริส เฮมสเวิร์ธ สร้างตัวละครเดเมนทัสออกมาเป็นอย่างไรบ้าง คุณรู้สึกอย่างไรในการสร้างความสัมพันธ์ระหว่างขุนพลจอมกลับกลอกกับตัวละครอย่างฟูริโอซ่าที่กำลังจะกลายมาเป็นนักรบ
อันยา เทย์เลอร์-จอย: โชคดีที่ความสัมพันธ์ระหว่างฉันกับคริสไม่ได้เหมือนความสัมพันธ์ระหว่างเดเมนทัสกับฟูริโอซ่าค่ะ เราเป็นเพื่อนที่คอยช่วยเหลือกันและเคารพซึ่งกันและกัน ฉันตื่นเต้นมากที่เขาพลิกบทบาทครั้งใหญ่กับตัวละครตัวนี้ ฉันคิดว่าบทนี้สื่อตรงถึงตัวเขาในฐานะนักแสดงและการได้ดูเขาเล่นก็สนุกมาก ฉันไม่รู้ว่าเขาสนุกมั้ยที่ต้องอยู่บนเก้าอี้แต่งหน้านานสี่ชั่วโมงทุก ๆ เช้า แต่เขาก็อดทนมากและไม่บ่นสักคำเลย ฉันรู้สึกถึงความเข้ากันได้ระหว่างเราในเรื่องนี้นะ ฉันว่าเราทั้งคู่ไม่ใช่นักแสดงที่วางตัวสูงส่ง และฉันก็ชอบทำงานกับนักแสดงที่ไม่วางตัวแบบนั้น ฉันชอบคนที่ยกเรื่องงานเป็นอันดับแรกก่อนทุกสิ่ง
เมื่อเอ่ยถึงตัวละคร “เดเมนทัส” ที่รับบทโดย คริส เฮมสเวิร์ธ มาฟังบทสัมภาษณ์บ้าง
คำถาม: ในฐานะที่เป็นคนออสเตรเลีย คุณช่วยพูดถึงอิทธิพลจากหนังของจอร์จต่อตัวคุณทั้งในเชิงวัฒนธรรมและในความเป็นนักแสดงได้ไหมครับ
คริส เฮมสเวิร์ธ: ผมเริ่มจากดู Crocodile Dundee และ Mad Max ตอนยังเป็นเด็กครับแล้วมันก็มีอิทธิพลมากต่อวัยเด็กของผม ต่อประสบการณ์การชมภาพยนตร์ในวัยเด็กไปจนถึงทำให้ผมอยากเป็นนักแสดงและมาทำงานอยู่ตรงนี้ ผมมีความทรงจำในอดีตที่แจ่มชัดจากการดู Mad Max เมื่อยังเป็นเด็ก จากนั้นก็คุยกับพ่อเรื่องมอเตอร์ไซค์ รถ และโลกที่จอร์จสร้างขึ้นมา สมัยก่อนพ่อผมแข่งมอเตอร์ไซค์ด้วยและรู้อะไรเยอะแยะเกี่ยวกับนักขี่มอเตอร์ไซค์ที่เป็นสตันท์และอื่น ๆ เพราะฉะนั้นการได้ร่วมเป็นส่วนหนึ่งของโลกใบนี้ในอีกหลายปีต่อมา ทำให้ผมรู้สึกเหมือนเป็นเด็กน้อยที่ดูหนังเรื่องนี้เป็นครั้งแรก ผมรู้สึกถึงความตื่นเต้นและกระตือรือร้นในระดับเดียวกันเลย เหมือนความฝันที่เป็นจริงครับ
คำถาม: เมื่อมองย้อนกลับไป คุณจำได้ไหมว่าคิดอะไรบ้างตอนได้อ่านบทของ Furiosa
คริส เฮมสเวิร์ธ: ผมจำได้ว่าประทับใจมากกับบทภาพยนตร์ที่ได้รับมาครับ นี่ไม่ใช่บทตามแบบแผนทั่วไป มันมีทั้งสตอรีบอร์ด มีภาพ มีเนื้อหาข้อมูลเหมือนในนิยาย แล้วก็บทสนทนาและฉากต่าง ๆ เป็นการอ่านบทที่ให้ประสบการณ์เต็มอิ่ม ผมไม่รู้ว่าทำไมคนไม่ค่อยทำแบบนี้กันนะ มันช่วยให้ข้อมูลเกี่ยวกับโลกภายในหนังได้ทันทีและช่วยให้ความเข้าใจอย่างลึกซึ้งว่าหนังเรื่องนี้จะเกี่ยวกับอะไร
คำถาม: แต่แม้ว่าจะมีรายละเอียดมากมายในบทหนัง แต่ก็ต้องอาศัยการร่ายเวทมนตร์เพื่อนำเอาถ้อยคำบนหน้ากระดาษมาเปลี่ยนให้เป็นมนุษย์ที่มีลมหายใจและมีชีวิตจริง ๆ อะไรคือกุญแจสำคัญสำหรับคุณในการค้นหาตัวละครเดเมนทัสครับ
คริส เฮมสเวิร์ธ: ผมกับจอร์จได้พูดคุยกันไปเยอะมากเมื่อตอนพบกันครั้งแรก ซึ่งตอนนั้นก็หลายปีก่อนเริ่มการถ่ายทำครับ ทั้งเกี่ยวกับจิตวิทยาและปรัชญา เกี่ยวกับเผด็จการและบุคคลผู้ยิ่งใหญ่ในประวัติศาสตร์ซึ่งมีคุณสมบัติตรงกับตัวละครนี้ในแง่การนำเสนอว่าตัวเองดำรงอยู่ทุกหนทุกแห่งและจับต้องไม่ได้คล้ายเทพเจ้า รวมถึงมีความสามารถที่จะบงการกลุ่มคนที่อ่อนแอด้วยการบอกว่า “ข้ารู้ปัญหาของเจ้าและรู้ว่าอะไรเป็นตัวการ ข้ารู้ว่าเจ้ากลัวอะไรและรู้วิธีแก้ไขความกลัวนั้น” ความสามารถด้านการบงการอย่างที่เรามักจะพบในบรรดาเผด็จการเป็นสิ่งที่เราต้องการสอดแทรกลงไปในตัวละครตัวนี้… ตั้งแต่ในวิธีการพูดจาจนถึงแนวคิดและรายละเอียดของสิ่งที่เขาพูด หรือแม้กระทั่งการนำเสนอภาพลักษณ์ของ เอ่อ จักรพรรดิในเวอร์ชันของเวสต์แลนด์ จะว่าอย่างนั้นก็ได้ เขาจะแต่งตัวยังไง จะเคลื่อนไหวยังไง เขาจะมีการตกแต่งประดับประดาและเสน่ห์ดึงดูดแบบไหนถึงได้ปลุกระดมให้นักขี่และผู้คนเหล่านี้มาติดตามเขาได้ ทั้งหมดเลยครับ
คำถาม: เห็นได้ชัดว่าจอร์จเป็นผู้กำกับที่ชอบการทำงานร่วมกับทีมงาน และคุณก็ได้ร่วมเดินทางไปกับเขาด้วยในครั้งนี้ การที่คุณทั้งสองคนได้ช่วยกันสร้างสรรค์ตัวละครเดเมนทัสขึ้นมาวันแล้ววันเล่าตลอดการสร้างหนังเรื่องนี้ให้ผลลัพธ์เป็นอย่างไรบ้างครับ
คริส เฮมสเวิร์ธ: เป็นเรื่องน่ายินดีมากเลยครับ นับเป็นโอกาสพิเศษมาก ๆ ที่ได้คุยกับเขานานสองสามปีก่อนการถ่ายทำ ได้ศึกษาและสำรวจค้นหาอย่างต่อเนื่องในสิ่งที่เรากำลังจะทำ เรามีบทภาพยนตร์ที่เรายึดเป็นคัมภีร์ อาจมีการเปลี่ยนแปลงไปบ้าง แต่บทก็เป็นเครื่องนำทางให้เราตลอดการทำงานครั้งนี้ และความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นก็มาจากการพูดคุยปรึกษากันในเชิงสร้างสรรค์หลาย ๆ ครั้งว่า “เราจะทำให้ช่วงนี้เข้มข้นขึ้นได้ไหม เราจะเน้นฉากแอ็กชันช่วงนี้หรือการกระทำที่รุนแรงตรงจุดนี้ด้วยการทำแบบนี้ดีไหม” จอร์จมีความรู้และประสบการณ์กว้างขวาง เขารู้ทุกแง่มุมในกระบวนการทำงานและทำหนังในแฟรนไชส์นี้มาแล้ว 45 ปี แต่เขาก็ยังเปิดรับความคิดเห็นและการมีส่วนร่วม ดังนั้นผมจึงรู้สึกว่าเป็นอภิสิทธิ์อย่างยิ่งที่ได้เข้ามามีส่วนร่วมในโปรเจกต์นี้ ได้เสนอแนวคิดและคำแนะนำต่าง ๆ โดยมีคนคอยรับฟัง
คำถาม: อันยา เทย์เลอร์-จอย ถ่ายทอดฟูริโอซ่าออกมาเป็นอย่างไรบ้าง เธอนำเสนอการแสดงอันโดดเด่นเป็นเอกลักษณ์ในฐานะตัวละครผู้โดดเดี่ยวในโลกของคนคลั่ง การสร้างความสัมพันธ์ระหว่างขุนพลกับตัวละครที่จะกลายมาเป็นนักรบรายนี้เป็นอย่างไรครับ
คริส เฮมสเวิร์ธ: เธอยอดเยี่ยมไปเลยครับ มีหลายช่วงเลยที่เธอต้องเก็บกดความอ่อนแอและความกลัวเอาไว้ภายในตามกลไกการเอาชีวิตรอดของตัวละครตัวนี้และการอยู่ในเวสต์แลนด์ ทำให้ไม่สามารถแสดงความรู้สึกที่ใกล้เคียงกับความเห็นอกเห็นใจ ความเปราะบาง ความอ่อนแอ หรือความกลัว และต้องปล่อยให้ทุกสิ่งเหล่านั้นคุกรุ่นอยู่ภายใน ซึ่งหลอมรวมทั้งความรู้ ประสบการณ์ อารมณ์ ความรู้สึก และความเข้มแข็ง ผมว่ามีน้อยคนบนโลกใบนี้ที่พูดออกมาได้มากมายผ่านการกระทำเพียงเล็กน้อย เธอมีพรสวรรค์ด้านนี้และปกป้องตัวละครตัวนี้อย่างเข้มแข็งเลยครับ มันช่วยสร้างแรงผลักดันและส่งต่ออารมณ์ไปถึงการถ่ายทอดตัวละครของผมด้วย เพื่อให้เธอรู้สึกรังเกียจ ขุ่นเคือง และโกรธแค้นตัวละครของผม ผมจำเป็นต้องสร้างแรงกระตุ้นที่เพียงพอสำหรับรองรับความรู้สึกเหล่านั้น เป็นเรื่องดีที่เราได้รับส่งและแลกเปลี่ยนไอเดียและเหตุการณ์ต่าง ๆ ในฉากเพื่อให้ตัวละครทั้งสองเติบโตขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติตามการดำเนินเรื่องในหนังครับ
คำถาม: ทราบมาว่าคุณต้องใช้เวลาไม่น้อยอยู่บนเก้าอี้แต่งหน้า มันส่งผลต่อการถ่ายทอดบทบาทของคุณอย่างไรครับ
คริส เฮมสเวิร์ธ: ผมถูกรับตัวมาจากโรงแรมตอนตีสามและนั่งให้ทีมงานแต่งหน้าอยู่สี่ชั่วโมงครับ มันช่วยสั่งสมความแค้นในตัวผมตามแบบที่ต้องการ เพื่อไปปลดปล่อยหน้ากล้องได้พอดีเลยล่ะ ผมใช้มันให้เป็นประโยชน์ซะเลย ถือเป็นการฝึกความนิ่งด้วย ผมเองก็ไม่ถนัดเรื่องนั่งนิ่ง ๆ เสียด้วยสิ ผมชอบทำตัวขยุกขยิก อยากทำนู่นทำนี่ไปเรื่อย แต่นี่ผมถูกบังคับให้ต้องนั่งอยู่กับที่ ช่วยให้ผมมีเวลาคิดเรื่องตัวละครได้เยอะเลยครับ
คำถาม: สุดท้ายนี้ ประสบการณ์แบบไหนที่ผู้ชมหนังเรื่องนี้จะได้รับครับ คุณอยากให้ผู้ชมได้รับอะไรกลับไปจากมหากาพย์การเดินทางอันน่าทึ่งเรื่องนี้
คริส เฮมสเวิร์ธ: ผมคิดว่าสิ่งที่เป็นเอกลักษณ์ของหนังเรื่องนี้ และทำให้มันแตกต่างจากหนังเรื่องอื่น ๆ ในจักรวาล Mad Max ด้วย ก็คือเรื่องนี้กินเวลายาวนานกว่า 15 ปี ดังนั้นจึงมีขอบเขตที่ใหญ่กว่ามาก มีความเป็นเรื่องราวมหากาพย์แบบเชกสเปียร์ การสลับขั้วอำนาจ และการต่อสู้ที่แท้จริงด้วยไหวพริบจากอิมมอร์แทน โจ, เดเมนทัส และฟูริโอซ่า พวกเขาต่อสู้แย่งชิงทรัพยากรต่าง ๆ เพื่อความอยู่รอด ทั้งแก๊สทาวน์ บุลเล็ตฟาร์ม และซิตาเดล มันเป็นหนังที่อัดแน่นด้วยแอ็กชันมันระห่ำบ้าดีเดือด แต่ก็เป็นเรื่องราวที่สำรวจตัวละครอย่างจริงจังด้วย ดังนั้นผมตื่นเต้นมากครับที่ทุกคนจะได้ดูหนังเรื่องนี้
24 พฤษภาคมนี้ พบการแย่งชิงเพื่อเอาชีวิตรอดกับมหากาพย์ใหม่ใน “Furiosa: A Mad Max Saga” ในโรงภาพยนตร์เท่านั้น