หนังดีติดดาว***

หนังดีติดดาว***

       เปิดต้อนรับนักศึกษาใหม่แล้วใน “เทอม 3” โดยเปิดฉายรอบพิเศษที่ พารากอน โดยหนังนำแสดงโดย มาร์ช-จุฑาวุฒิ ภัทรกำพล, แพรวา-ณิชาภัทร ฉัตรชัยพลรัตน์ และ “มาร์ค-ศิวัช จำลองกุล เป็นต้น ได้เปิดรับน้องใหม่วันแรกที่ พารากอน ซีนีเพล็กซ์

           หนังเปิดฉากกับกลิ่นอายงานวัดของเพื่อนสนิทที่แกล้งทำเป็นคู่รัก กับความเฮี้ยนของเจ้านางที่มาเชือดแบบไม่ทันตั้งตัว เป็นฉากสะพรึงที่ทำเอาหัวใจหล่นเพราะไม่คิดว่าจะเลือดสาดกันตั้งแต่ไม่กี่นาทีแรก ที่มาที่ไปของจุดเริ่มความหลอนชัดเจน ขบวนแห่ได้อินเนอร์ของความอาภัพ เศร้า อาฆาต ทำให้รู้ทันทีเลยว่าความศักดิ์สิทธิ์มีจริง แต่ถ้าตั้งใจมาโกหกก็ต้องตายกันไปข้างหนึ่ง   เป็นความหลอนแบบน่ากลัวแต่เรียบง่าย ในการเดินเข้ารั้วมหาวิทยาลัย เป็นน้องใหม่ที่ไม่คุ้นเคย ก็ไม่แปลกที่จะเชื่อใจรุ่นพี่ แล้วค่อย ๆ ทำความรู้จักกันไป เนื้อเรื่องไม่ฉีกแนว ไม่เร้าอารมณ์ แต่ชอบงานฉากงานดีไซน์ ดูเท่มีสไตล์ แสง สีชัดเจน และมีตอนที่ดูแล้วผ่อนคลายที่สุดกับความฮา ตลก ที่สอดแทรก แต่ทิ้งปมบางจังหวะที่น่ากลัว ตามสไตล์หนังผีที่ดูแล้วไม่เครียด  โดยรวมเรื่องราวน่าสยองขวัญลดหลั่นกันไป หนักเบาตามจังหวะความสะดุ้ง ชอบทั้งดนตรีที่เร้าอารมณ์เพิ่มความระทึกขวัญ ฉากประกอบสมจริง มุมกล้องดูสบาย ชอบที่สุดคือศาลเจ้าแม่ของตอนแรก ที่ตกแต่งสวยงาม ไปพร้อม ๆ กับความลึกลับน่ากลัว แต่ที่น้อยไปสักนิดก็คงเป็นเอฟเฟกต์ที่น่าจะมากกว่านี้หน่อย ส่วนเสื้อผ้า หน้าผมของเหล่านักแสดงไม่มีหลุดผู้กำกับเก็บรายละเอียดดี มาที่นักแสดงตัวเอกทุกคนทำหน้าที่ของตนเองได้อย่างสมบทบาทและตั้งใจ 

ติดให้ ****

000

        “Boy Kills World แค้นนี้ที่รอคิวส์” เป็นการผนึกกำลังของ M Studio ที่จับมือกับ Night Edge Picture โดยหนังนำแสดงโดย บิลล์ สการ์สการ์ด ( IT 1-2 และ John Wick 4)” ในบทของ “บอย” โดยผู้กำกับ แซม ไรมี (Sam Raimi) เปิดฉากล้างแค้น ณ พารากอน ซีนีเพล็กซ์

           โดยความน่าสนใจของหนังเรียกได้ว่าทำได้ถึงและแตกต่างจากหนังแก้แค้นที่เคยดูมา ถ้าดูแรก ๆ อาจทำให้นึกถึงการสร้างบรรยากาศที่คล้ายกับโลกดิสโทเปีย มีผู้นำเผด็จการ บรรยากาศการปกครองแบบฟาสซิสต์ แต่เรื่องนี้ต่างตรงบรรยากาศมันดูคอมเมดี้กว่า แต่เนื้อหาหนังก็ไม่ได้อธิบายที่มาที่ไปของตระกูลที่ปกครองเมือง คงให้เข้าใจจากเรื่องย่อที่โปรยให้รู้ล่ะมั้ง  แต่ทั้งเรื่องหนังตั้งใจนำเสนอมาก ๆ ในเรื่องของโลกของความเป็นวิดีโอเกม ทั้งจริตบางอย่างของบอย (พระเอก) ตอนต่อสู้ชนะในแต่ละเควสก็ชวนให้นึกถึงเกมที่ชนะผู้ร้ายได้ ซึ่งมันมีกลิ่นอายของความเป็นเกมผสมอยู่ในหนัง ตั้งแต่การวางเรื่องให้บอยจำเสียงจากในเกม จำอาณาเขตที่ตัวเองเล่นมาที่ก้องอยู่ในหัว รวมทั้งการใช้มุมกล้องที่พาให้รู้สึกเหมือนนั่งอ่านมังงะ หรืออ่านการ์ตูนล้างแค้นโหด ๆ สักเรื่อง ซึ่งเนื้อหาชวนให้นึกถึง Evil Dead แต่มาในแบบของแซม ไรมี(ผู้กำกับ) แต่ที่ลืมพูดไม่ได้แอ็กชันที่หนังขายเพราะรวมขุนพลแอ็กชันไว้หลายคนในนี้ แต่ต้องให้เครดิตคนสอนศิลปะป้องกันตัวให้บอยเพราะเขาต่อสู้ได้ดุดัน เฉียบขาด ทุกครั้งที่สังหารตาไม่กะพริบเหมือนไม่แคร์เพราะพวกมันฆ่าครอบครัวและทำร้ายเขาก่อน ยอมรับฉากแอ็กชันรุนแรงจนหวาดเสียวจึงโดนเรตที่ไม่เหมาะให้เด็กดูนะ ขนาดเราอายุเกินบางฉากต้องหลับตา เพราะทนดูความเหี้ยมโหดของการแก้แค้นและฉะกันเลือดสาดไม่ไหวเลย ถ้าใจเข็มแข็งและชอบหนังแอ็กชันฆ่าล้างแค้นเรื่องนี้เหมาะได้ความมันถึงใจเชียว

ติดให้ ****

000

       ดอน ลี กลับมาพร้อมจักรวาลของแฟรนไชส์เรื่องล่าสุด “The Roundup: Punishment บู๊ระห่ำ ล่าล้างนรก: นรกลงทัณฑ์”  กำกับฯ โดย Heo Myeong Haeng(ฮอ มยอง แฮง) ว่าเป็นการถ่ายทำต่างประเทศครั้งแรกของประวัติศาสตร์หนังแฟรนไชส์นี้  ถือว่าไม่ง่ายเลยที่ต้องยกกองถ่ายไปถ่ายทำในประเทศฟิลิปปินส์  นอกจากนี้เป็นการประชันฝีมือบู๊สุดโหดระหว่าง ดอน ลี ซัดมัดใส่วายร้ายอย่าง คิมมูยอล ที่มาพร้อมหน้านิ่ง หล่อดุดิบ ซึ่งเปิดทลายแก๊งพนันออนไลน์ที่ เมเจอร์ รัชโยธิน

           สำหรับจักรวาลแฟรนไชส์  The Roundup ภาคนี้ก็สนุกเหมือนเดิม เน้นฉากบู๊ ต่อยล้วน ๆ พระเอก็หมัดหนักต่อยผู้ร้ายสลบ ส่วนพล็อตเรื่องก็เอามาจากเรื่องจริงในปี 2018 ที่ตำรวจเกาหลีทลายแก๊งคอนเซอร์สำเร็จเลยนำมาสร้างเป็นหนัง ที่มี ดอน ลีเป็นผู้นำ จริง ๆ วายร้ายยุคนี้ก็ไม่พ้นธุรกิจคอลเซ็นเตอร์ ธุรกิจดูดเงินที่ทำให้ประชาชนเดือดร้อนมีทุกประเทศ ซึ่งทุกวันนี้ก็ยังปราบไม่หมดซะที โดยหนังก็เลือกเรื่องทันสมัยว่ามีตำรวจเกาหลีที่ดีหลงเหลือปราบคอลเซ็นเตอร์ให้สิ้นซาก เปิดฉากก็ตื่นเต้นและโหดมากสำหรับผู้ร้ายที่รับบทโดยคิมมูยอลฆ่าคนอย่างเลือดเย็น แต่ภาคนี้จะโหดกว่าภาคอื่นเพราะผู้ร้ายถนัดใช้มีดกะซวก ๆ ไม่ยั้งและไวจนดูไม่ทันว่าคนถูกแทงโดนไปกี่แผล บางทีดูไม่ไหวต้องหลับตา 555  ก็ดีไซน์ฉากบู๊ออกแนวเลือดสาดและเหี้ยมโหดมาก ยิ่งเสียงซาวน์ของมีดและหมัด โห…หวาดเสียวและดุดัน เร้าใจเหลือเกิน ถ้าคนไม่ชอบเสียงเชือดก็คงขยาด ในฉากไม่มีให้เห็นเลือดเท่าไหร่แต่เน้นเสียงทำเอาสยองหวาดกลัวดี แต่ที่แน่ ๆ เรื่องนี้ใช้สตันท์เยอะต้องยกนิ้วให้เพราะทำให้ฉากต่อสู้ออกมาสมจริงสมจัง  ไม่รู้มีเจ็บจริงกันไหม อีกเหตุผลที่ทำให้หนังดูสนุกเพราะได้ทีมพันธมิตรพากย์ทำให้ปรับอารมณ์ผวามาขำได้ ดูแล้วดอน ลีสร้างหนังออกแนวเฉินหลงที่ออกมาเป็นจักรวาลของแฟรนไชส์ ที่สำคัญตัวดอน ลีไม่ใช่อาวุธต่อสู้ด้วยหมัดล้วน ๆ แต่หนังไม่เหมาะกับเด็กเพราะมีฉากรุนแรง จากที่ดูสองภาคจะเน้นผู้ร้ายหล่อต่างจากพระเอกเน้นกล้ามโต หมัดหนักเนอะ เอาไปคิดกัน…ถ้าจะสร้างแฟรนไชส์ขึ้นมาใหม่จะสร้างได้ไหม? เพราะจากภาคนี้มุกก็ไม่แปลกใหม่ แถมพระเอกรอดอยู่แล้วเพราะหมัดหนักไม่มีใครสู้ได้

ติดให้ *** ครึ่ง 

000

           กับการกลับมาอีกครั้งของโลกแห่งดิสโทเปียอันโด่งดังที่ “จอร์จ มิลเลอร์” เป็นผู้สร้างขึ้นเมื่อ 40 กว่าปีด้วยภาพยนตร์เรื่อง “Mad Max” ที่หลายคนจดจำและตั้งตารอคอย ครั้งนี้เปิดมหากาพย์บทใหม่กับภาพยนตร์แอ็กชันผจญภัย บู๊ล้างเผ่าพันธุ์ “Furiosa: A Mad Max Saga” ที่ได้สองนักแสดงดังมาขับเขี้ยวฝีมือ อย่าง อันยา เทย์เลอร์-จอย ปะทะ คริส เฮมสเวิร์ธ ปูพรมเปิดรอบพรีเมียร์ ควอเทียร์ ซีเนอาร์ต @ เอ็มควอเทียร์

       Furiosa: A Mad Max Saga สนุกมากก ฉากแอ็กชันบู๊เร้าใจมาก เสียงโอ้โห กระหึ่มเก้าอี้ในโรงบางครั้งสั่น ออกแบบฉากขับรถขับเขี้ยวไล่ล่ากันมันมากกก(ก.ล้านตัว) ดีไซน์ฉาก ดีไซน์เสื้อผ้าพาให้คิดถึงภาคต้นของมหากาพย์นี้ ตัวแสดงทุกตัวก็เล่นได้ถึงบทบาทดี นักแสดงที่เล่นเป็นแม่ของนางเอกก็เล่นดี เท่ ท่าถือปืนยิงคนลักพาตัวลูกก็แสดงถึงบทคนเป็นแม่ต้องช่วยลูกและพากลับบ้านซึ่งถ่ายทอดถึงอารมณ์ให้เชื่อว่าเธอเป็นแม่ของฟูริโอซ่าจริง ๆ ส่วนนักแสดงเด็กที่เล่นเป็นฟูริโอซ่าก็เล่นถึงบทบาททางสีหน้า และบู๊เล็ก ๆ น้อยดี อนาคตมีงานอีกหลายเรื่องแน่ แต่ก็มีผู้ขโมยซีนก็ภรรยาคนสวยเท่แกร่งของคริส เฮมสเวิร์ธมาร่วมแจมฉากเปิดเรื่อง แม้ออกไม่ถึงครึ่งชั่วโมงก็ทำให้จดจำท่าทางการแสดงได้ ภาคนี้บู๊ระห่ำและทุกอย่างที่รวมอยู่ในเรื่องดูแล้วไม่ขัดตาเลยอลังการงานสร้างสมเป็นลายเซ็นต์ของจอร์จ มิลเลอร์เจ้าของมหากาพย์ ขอชมพี่ธอร์ฉีกแนวมาเล่นร้ายได้หล่อ ดิบเถื่อนให้ราคาช่างแต่งหน้า 4 ชม.แปลงร่างคริส เฮมสเวิร์ธออกมาตรึงคนดู ไม่ว่าจะผม หน้า เสื้อผ้าและกล้ามท้องเขย่าใจสาว ๆ แม้ติดหล่อแต่ก็เล่นร้ายฉีกทุกบท มาพูดถึงอันยา เทย์เลอร์-จอย ที่รับบท ฟูริโอซ่าเล่นดีมาก ดูหน้าตาไม่น่าจะเล่นบทบู๊สนุก อันยาถ่ายทอดอารมณ์โกรธ เกลียดจนอยากแก้แค้น ’เดเมนทัส’ ผ่านแววตา ท่าทางได้น่าเชื่อว่าอยากล้างแค้นแทนแม่และคนที่มอบตัวตนใหม่ให้เธอด้วย ฟูริโอซ่าแก้แค้นเดเมนทัสได้เหี้ยมสะใจมากแต่ผลของแอปเปิ้ลก็ออกผล (ไม่บอกต้องไปดูเอง) มาดูเรื่องนี้คล้าย ๆ ยำหลายเรื่องมารวมอย่าง Death Race, Fast แต่ขับรถไล่ล่ากันบนทะทรายของ Mad Max  แต่เมื่อก่อนดู Mad Max ก็สงสัยยุคพวกนี้กันดาร ๆ แต่ไปหารถมาวิ่ง หาน้ำมันมาใช้กันยังไง อ๋อ! ภาคนี้ทำให้หายสงสัยว่ารถที่มาวิ่ง ๆ มันก็ไปเก็บส่วนนั้นส่วนนี้มาประกอบก็ทำให้วิ่งได้ เมื่อก่อนดูมาเป็นสิบปีก็ยังงง? สงสัย? เขาเก็บรายละเอียดดีว่าเอารถและน้ำมันมาจากไหน แต่เรื่องนี้ต้องให้เครดิตสตั๊นท์แมนเล่นได้สุด ๆ ทำให้หนังออกมามันมาก สนุกเร้าใจมาก ผูกเรื่องดีว่าภาคก่อนที่ ชาร์ลีซ เทรัน แสดงเป็นฟูริโอซ่าแขนขาดเพราะอะไร พูดถึงถ้าใครไม่เคยดู Mad Max มาเลยก็ดูได้มันออกไปทางหนังแนวแอ็กชันตามล่าล้างแค้นเพียงแต่เนื้อหามันจะมีพาดพิงภาคชาร์ลีซ เทรัน เล่นเป็นฟูริโอซ่าแล้วแขนขาด ซึ่งภาคนี้สร้างย้อนตัวฟูริโอซ่าที่มาที่ไปเป็นมายังไงและออกไปทางแนวหนังแอ็กชันสนุกสนาน ใครไม่เคยดูภาคก่อนมาดูภาคนี้ก็จะสนุกและเข้าใจ เพราะนี่เหมือนเริ่มให้รู้จักฟูริโอซ่า ดูแล้วเข้าใจง่ายหนังล้างแค้นแทนแม่ แต่ถ้าติดใจก็ไปย้อนดูอีก 3 ภาคได้ ภาคนี้ดูแล้วเพลินจะสนุกกว่าภาคชาร์ลีซ เทรัน เล่นอีกเพราะไม่ต้องเกริ่นเยอะแล้วก็หาทางล้างแค้น

ติดเต็ม *****

000

   คำถามภาพยนตร์เรื่อง “Furiosa: A Mad Max Saga” ผลไม้ใดที่ฟูริโอซ่าเก็บเม็ดไว้ปลูก?

ทราบคำตอบเขียนชื่อ นามสกุล ที่อยู่ เบอร์โทร. พร้อมคำตอบให้ชัดเจนลงไปรษณียบัตรส่งมาที่

คอลัมน์ “หนังดีติดดาว” 32/15 ซ.ลาดพร้าว 23 แขวงจันทรเกษม เขตจตุจักร กรุงเทพฯ 10900

ผู้ที่ตอบถูก 2 ท่านจะได้รับของรางวัลจาก “วอร์เนอร์ บราเดอร์ส”

(ขอบคุณสนับสนุนของรางวัล)

000

           “Under Parallel Skies…รักใต้ฟ้าคู่ขนาน” นำแสดงโดย วิน เมธวิน โอภาสเอี่ยมขจร และ จาเนลลา ซัลวาดอร์ (นักแสดงจากฟิลิปปินส์) ภูริศปริญ (วิน เมธวิน) ได้เดินทางตามหาแม่ที่ประเทศฮ่องกง และได้ไปเจอกับ ไอริส (จาเนลลา) พนักงานต้อนรับของโรงแรมที่ภูริศปริญได้พัก เพราะความสดใสเป็นธรรมชาติของไอริสทำให้ปริญตกหลุมรัก และถึงขั้นอยากใช้ชีวิตร่วมกัน ได้จัดรอบพรีเมียร์ ณ พารากอน ซีนีเพล็กซ์

           แต่..แล้วเกิดเหตุบางอย่างที่ทำให้ทั้งคู่ต้องแยกกันและจากกันโดยไม่มีวันได้กล่าวคำลา (มันพีคตรงนี้.. ) หนังเรื่องนี้ครบรสมาก โรแมนติก ดราม่า น้ำตาแตก ไม่น่าเบื่อเลย ชอบการแสดงและเคมีที่เข้ากันของวินกับจาเนลลที่ดีมาก ๆ นางเอกเล่นได้น่ารักสดใส แต่หนังแอบเศร้า (ไม่บอกว่าเศร้ายังไงต้องไปดูในโรงเอาเอง)  ซึ่งเรื่องนี้ยกกองไปถ่ายทำที่ประเทศฮ่องกงตลอดทั้งเรื่อง และเป็นการทำงานของ 3 ประเทศ ไทย ฟิลิปปินส์และฮ่องกง ไม่สปอยเยอะอยากให้ทุกคนได้ไปดูกัน วินบอกเรื่องนี้ตั้งใจมาก ๆ อยากให้ทุกคนได้ไปดู จากที่ดูแล้วสนุกนะคะ ได้เห็นอีกบทบาทของวินเลย และหวังว่าทุกคนจะชอบทั้งวิน ทั้งนางเอกทั้งคู่เล่นเข้าขากันเคมีลงตัว ทั้งสองแสดงความรู้สึกต่อกันผ่านรอยยิ้ม ผ่านแววตาที่สื่อถึงความรู้สึกให้ต่างฝ่ายเข้าใจ หนังมีแง่คิดนะ แม้จะเกิดคนละแผ่นดินแต่เมื่อได้รับความลำบากก็มักเจอคนจิตใจดียื่นมือเข้ามาช่วยเหลือ ฉะนั้อย่างมองว่าโลกไม่น่าอยู่แม้วันนึงต้องสูญเสียคนที่รัก สูญเสียคนสำคัญในชีวิต แต่คุณต้องยืนยัดอยู่ให้ได้ เพื่อไม่ให้คนที่จากไปมองลงมาแล้วไม่สบายใจ

ติดให้ ****

000

        “The Strangers: Chapter 1 เดอะ สเตรนเจอร์ส อำมหิตฆ่าไม่สน”  สั่งเชือดโดย “มงคลเมเจอร์” เปิดโรงเชือด ณ พารากอน ซีนีเพล็กซ์ หนังเขย่าขวัญ ไตรภาค ที่ทำออกมาใหม่ โดยเล่าเรื่องใหม่ทั้งหมด ไม่ต้องดูภาคเก่ามาก่อนก็สามารถดูเข้าใจ เนื้อเรื่อง เรียบเรียงมาดูเข้าถึงคนทั่วไปได้ดี เพราะเกี่ยวกับการขับรถเดินทางท่องเที่ยวโดยใช้ GPS นำทาง ก่อนพาพวกเขาเข้าไปทางชนบท และต้องอยู่ค้างแรม AirBnb ซึ่งเรื่องราวในการเดินเรื่องก็อาจมีบางส่วนที่คล้าย ๆ กับเวลาคนไปเที่ยวต่างถิ่นต่างแดน ซึ่งทำให้ ผู้ชมสามารถเข้าถึง และได้เห็นเหตุการณ์ที่ทำให้ตัวละครกลายเป็นเหยื่อว่าเพราะเจอพวกโรคจิต  ยิ่งเหยื่อดูเป็นคนดี อ่อนโยน ไม่ได้ทำผิดอะไร ยิ่งทำให้รู้สึกถึงการอยากฆ่าไม่เลือกหน้า มากยิ่งขึ้น หนังทำออกมาเขย่าขวัญความรู้สึกให้หวาดกลัว หวาดเสียว สำหรับฉากน่ากลัว  โหดร้าย รุนแรง สยดสยองอาจจะไม่ชัดเจนมากนัก แต่เน้นอารมณ์กลัว เขย่าขวัญ ทำจังหวะตกใจแล้วให้สองเหยื่อแสดงออกทางสีหน้า ท่าทาง สำหรับการถ่ายทำที่เลือกมุมกล้อง จัดแสงได้ดีมากทำให้ดูสยอง น่ากลัวและลุ้นว่าเหยื่อจะถูกฆ่าอย่างไร มิหนำซ้ำบางฉากเรียกว่าถ่ายออกมาทั้งแสงสวยงามเห็นเป็นศิลปะทีเดียว ในส่วนนักแสดงนำที่เป็นเหยื่อนั้น ทั้ง 2 คนเล่นได้ดีถึงบทบาทถ่ายทอดให้เราเห็นว่าพวกเขากำลังกลัว ขวัญเสียกับเรื่องที่เกิดตรงหน้าดูไม่โอเวอร์เกินไป

ติดให้ ***

000

Related posts