ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่หอประชุมสภาเทศบาลตำบลท่าเสา อำเภอเมือง จังหวัดอุตรดิตถ์ เมื่อวันที่ 24 พฤษภาคม 2567 ที่ผ่านมา มีการประชุมสภาเทศบาลตำบลท่าเสา สมัยสามัญ สมัยที่2 ครั้งที่ 1/2567 นางชุติมา อาจณรงค์กร นายกเทศมนตรีตำบลท่าเสา ได้เสนอญัตติ เรื่องการขออนุมัติใช้จ่ายเงินสะสมประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2567 จากกองช่าง จำนวน 7 รายการ ด้วยงบประมาณ 52,140,000 บาท เพื่อแก้ไขปัญหาและบำบัดความเดือดร้อนของประชาชนในท้องถิ่นอย่างเร่งด่วน ในด้านการแก้ไขปัญหาการขาดแคลนน้ำในพื้นที่ตำบลท่าเสา ซึ่งเทศบาลตำบลท่าเสา ไม่ได้ตั้งงบ ประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2567 เพื่อให้เป็นไปตามภารกิจและอำนาจหน้าที่ ตลอดจนนโยบายที่กำหนดเอาไว้ตามแผนพัฒนาของเทศบาลตำบลท่าเสาในปีงบประมาณ พ.ศ.2567 ซึ่งจะต้องดำเนินการเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชน ไม่อาจรอจัดทำเป็นงบประมาณร่ายจ่ายประจำปีต่อไปได้ เพราะจะทำให้ปัญหาความเดือดร้อนทวีความรุนแรงมากขึ้นและไม่สามารถแก้ไขปัญหาได้ทันท่วงที โดยมีการถ่ายทอดสดผ่านทางเพจเฟชบุ๊คของเทศบาลตำบลท่าเสา https://www.facebook.com/share/v/CPeHmP6DZpQCZNsi/ นับเป็นครั้งแรกในรอบ 16 ปี ที่ได้รับการยกฐานะจากองค์การบริหารส่วนตำบลท่าเสาเป็นเทศบาลตำบลท่าเสา ตามประกาศกระทรวงมหาดไทยเมื่อวันที่ 17 กรกฎาคม พ.ศ.2551 ครอบคลุมการปกครองจำนวน 10 หมู่บ้าน ประกอบด้วย 1.บ้านคลองห้วยไผ่ 2.บ้านหนองบัว 3.บ้านหนองผา-นาโปร่ง 4.บ้านหนองคำฮ้อย 5.บ้านม่อนดินแดง 6.บ้านบนดง 7.บ้านดงตะขบ 8.บ้านดงตะขบ 9.บ้านหนองหิน 10.บ้านม่อนดินแดง
โดย นายทองสุข ทะมา ประธานสภาเทศบาลตำบลท่าเสา ได้อนุญาตให้มีการถ่ายทอดสดการประชุมสภาในครั้งนี้ ตามที่ นางสุมลทา บัวงาม ผู้อำนวยการกองยุทธศาสตร์และงบประมาณ นำเสนอต่อประธานสภาให้รับทราบว่า การประชุมสภาครั้งนี้ เป็นที่สนใจของประชาชนในเขตเทศบาลตำบลท่าเสาเป็นจำนวนมาก ประชาชนเรียกร้องให้มีการถ่ายทอดสดการประชุมสภา เนื่องด้วยเป็นปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนในพื้นที่ ไม่มีโอกาสได้เข้าร่วมรับฟังในสภาหรือบริเวณด้านนอกของสภา พร้อมเปิดโอกาสให้ตัวแทนชาวบ้านจาก 10 หมู่บ้าน เข้าร่วมสังเกตการณ์และรับฟังการประชุมสภาฯภายในห้องประชุมสภาครั้งนี้ด้วย สร้างความดีใจให้กับชาวตำบลท่าเสาอย่างมาก ที่เปิดกว้างให้ประชาชนได้รับรู้การอภิปรายในสภาโดยเฉพาะ พฤติกรรม ส.ท.ที่ชาวบ้านลงคะแนนเสียงเลือกเข้าไปในสภา ทำหน้าที่อย่างไรบ้างที่เป็นประโยชน์ต่อส่วนรวมกับตำบลท่าเสา
ทั้งนี้ พ.ต.อ.ไกรสิทธิ พรหมปฏิมา ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรเมืองอุตรดิตถ์ นำกำลังเจ้าหน้าที่ทั้งในและนอกเครื่องแบบ จำนวนกว่า 10 คน เฝ้าสังเกตการณ์และดูแลความปลอดภัยให้กับประชาชนที่มาฟังการประชุมสภาฯ ร่วมกับเจ้าหน้าที่ทหารฝ่ายความมั่นคงภายในจังหวัดอุตรดิตถ์ และเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองอำเภอเมืองอุตรดิตถ์
“ โครงการที่ประชาชนให้ความสำคัญมากเป็นอันดับต้นคือ การก่อสร้างโรงสูบน้ำดิบจากแม่น้ำน่านพร้อมท่อส่งน้ำดิบไปยังระบบผลิตน้ำประปาหนองช้างเพรียง ด้วยงบประมาณ 22,000,000 ล้านบาท เพื่อแก้ไขปัญหาการขาดแคลนน้ำดิบนำมาผลิตน้ำประปา เพื่อจ่ายให้ประชาชนผู้ใช้น้ำ จำนวน 1,402 ราย ได้มีน้ำใช้อุปโภคบริโภค เนื่องจากที่ผ่านมาเทศบาลท่าเสาไม่มีแหล่งน้ำดิบต้องอาศัยน้ำจากธรรมชาติหรือน้ำฝนเป็นหลัก ไม่พอเพียงต่อความต้องด้านการอุปโภคบริโภค ส่งผลกระทบทำให้ประชาชนได้รับความเดือดร้อนเกือบ 10 หมู่บ้าน และทำให้ต้องซื้อน้ำประปาราคาแพงจากทางเทศบาลเมืองอุตรดิตถ์เป็นประจำทุกปี ทำให้ทางเทศบาลตำบลท่าเสาสูญเสียงบประมาณปีละกว่า 10 ล้านบาท “
อีกรายการหนึ่งที่ประชาชนในเขตเทศบาลตำบลท่าเสา ให้ความสนใจมากไม่แพ้รายการแรกและเป็นรายการต่อเนื่องที่ต้องดำเนินการควบคู่ไปพร้อมกันคือ “งบประมาณค่าปรับปรุงระบบผลิตน้ำประปาเทศบาลตำบลท่าเสา” ด้วยงบประ มาณ 27,613,000 บาท เพื่อใช้แก้ปัญหาน้ำประปาที่ผลิตไม่เพียงพอจ่ายให้กับประชาชน จากระบบการผลิตน้ำประปาเดิมที่มีกำลังการผลิตเพียง 50 ลูกบาศก์เมตรต่อชั่วโมง เหมาะสำหรับชุมชนที่มีผู้ใช้น้ำเพียง 700-1,300 ราย ปัจจุบันการผลิตน้ำประปาเต็มกำลังการผลิตสูงสุดจ่ายให้ประชาชนผู้ใช้น้ำ ได้เพียงจำนวน 1,402 ราย ไม่สามารถเพิ่มอัตราการผลิตและขยายพื้นที่การจ่ายน้ำประปาได้อีก สร้างความเดือดร้อนอย่างหนักให้กับประชาชนในพื้นที่ตำบลท่าเสา
กระทั่งผู้บริหารเทศบาลตำบลท่าเสาชุดก่อนหรือในอดีต และ ต่อเนื่องมาถึงชุดปัจจุบันจัดหางบประมาณซื้อน้ำประปาจากทางเทศบาลเมืองอุตรดิตถ์ เพื่อจ่ายให้กับประชาชนในพื้นที่อีก จำนวน 3,148 ราย เพื่อเป็นการบรรเทาความเดือดร้อนให้กับประชาชนในพื้นที่ตำบลท่าเสา เป็นการแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้า จนกว่าจะมีโรงสูบน้ำดิบเป็นของตัวเองพร้อมปรับปรุงระบบผลิตน้ำประปาให้มีกำลังการผลิตที่เพียงพอต่อความต้องการของประชาชนทั้งในปัจจุบันและในอนาคต
ผลมติที่ประชาสภาเทศบาลตำบลท่าเสา สมาชิกสภาเทศบาลตำบลท่าเสา มีมติเห็นด้วยและอนุมัติงบประมาณการก่อสร้างโรงสูบน้ำดิบจากแม่น้ำน่านพร้อมท่อส่งน้ำดิบไปยังระบบผลิตน้ำประปาหนองช้างเพรียง ด้วยงบประมาณ 22,000,000 ล้านบาท
ทั้งนี้ สมาชิกสภาเทศบาลตำบลท่าเสา ได้ลงมติไม่เห็นด้วยและไม่อนุมัติงบประมาณค่าปรับปรุงระบบผลิตน้ำประปาเทศบาลตำบลท่าเสา ด้วยงบประมาณ 27,613,000 บาท เพื่อแก้ปัญหาน้ำประปาที่ผลิตไม่เพียงพอจ่ายให้กับประชา ชน จากระบบการผลิตน้ำประปาเดิมที่มีกำลังการผลิตเพียง 50 ลูกบาศก์เมตรต่อชั่วโมง เพิ่มจากเดิมเพื่อจ่ายให้กับประชาชนในพื้นที่อีก จำนวน 3,148 ราย
“ โดยให้เหตุผลอ้างว่า ให้มีการก่อสร้างโรงสูบน้ำดิบจากแม่น้ำน่านพร้อมท่อส่งน้ำดิบไปยังระบบผลิตน้ำประปาหนองช้างเพรียง ด้วยงบประมาณ 22,000,000 ล้านบาท ให้ได้ 20-30% ก่อนที่จะมารับช่วงงบประมาณค่าปรับปรุงระบบผลิตน้ำประปาเทศบาลตำบลท่าเสา ด้วยงบประมาณ 27,613,000 บาท ให้ลองบริหารน้ำให้กับชาวบ้านในชุมชนไปช่วงหนึ่งก่อนว่า น้ำจะมีคุณภาพสะอาดและใสไหม พออกพอใจให้กับประชาชนไหม”
ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า บรรยากาศเป็นไปอย่างตรึงเครียดและสร้างความไม่พอใจให้กับชาวบ้านที่ร่วมรับฟังอยู่ภายในห้องประชุมสภาและนอกห้องประชุมสภาเทศบาลตำบลท่าเสาเป็นอย่างมาก ที่ได้รับชมการถ่ายทอดสดการประชุมสภาเทศบาลตำบลท่าเสา ผ่านทางเพจเฟชบุ๊คของเทศบาลตำบลท่าเสาบนมือถือเห็นว่า การนำเอาจำนวนเปอร์เซ็นต์ 20-30% ของการโครงการก่อสร้างโรงสูบน้ำดิบจากแม่น้ำน่านพร้อมท่อส่งน้ำดิบไปยังระบบผลิตน้ำประปาหนองช้างเพรียง มาต่อรองเพื่อให้มีการอนุมัติงบประมาณค่าปรับปรุงระบบผลิตน้ำประปาเทศบาลตำบลท่าเสา เป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้อง และมีเจตนาในการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เข้าข่ายความผิดในมาตรา 157
ทั้งนี้ ชาวบ้านตำบลท่าเสา ได้ปรึกษาผู้มีความรู้ด้านกฎหมาย เชี่ยวชาญทางคดีด้านการเมืองการปกครอง ให้เข้ามาทำคดีนี้ พร้อมยื่นร้องต่อผู้ตรวจการแผ่นดินของรัฐสภาและศาลปกครอง กรณีถูกกระทำละเมิดโดยเจ้าหน้าที่ของรัฐ การใช้อำนาจรัฐที่ก่อให้เกิดความเดือดร้อน ก่อให้เกิดความเสียหายหรือความไม่เป็นธรรมแก่ประชาชน
ข้าราชการบำนาญคนนึง กล่าวว่า สมาชิก ส.ท. อนุมัติงบประมาณผ่านสภา โครงการที่ 1 โครงการก่อสร้างโรงสูบน้ำดิบจากแม่น้ำน่านพร้อมท่อส่งน้ำดิบ มายังหนองช้างเพรียงด้วยงบประมาณกว่า 22 ล้านบาท แต่สมาชิก ส.ท.ไม่อนุมัติโครงการปรับปรุงระบบผลิตน้ำประปาเทศบาล จำนวนเงินกว่า 27 ล้านบาท ทั้งที่อยู่ในแผนพัฒนาท้องถิ่นอยู่แล้ว แต่ดันให้เหตุผลว่า จะต้องก่อสร้างโครงการที่1 ให้ได้ 20-30% ถึงอนุมัติโครงการที่2 จะผ่านสภาให้ภายหลัง มันพิลึกกึกกือไหม อยากถามกลับไปว่า ส.ท.ผู้อภิปราย ใช้สมองส่วนไหนคิด ลองไปสอบถามสภาท้องถิ่นอื่นทั่วประเทศซิ มีใครเขาทำกันแบบนี้ เป็นการกระทำที่แย่มาก
อย่างไรก็ตาม จึงอยากฝากถึงผู้ว่าราชการจังหวัดอุตรดิตถ์ว่า การเมืองท้องถิ่นที่เทศบาลตำบลท่าเสา เป็นการเมืองที่แบ่งฝักแบ่งฝ่ายมานานกว่า 10 ปีแล้ว มองเห็นชัดเจน แต่ไม่เคยมีความรุนแรงมากขนาดนี้ ชนิดที่เอาความเดือดร้อนของประชาชนมาผนวกกับการเมืองท้องถิ่น ด้วยการไม่อนุมัติงบประมาณเพื่อแก้ปัญหาความเดือดร้อนให้กับชาวบ้านในพื้นที่ด้วยจิตสำนึกที่แท้จริง มันเป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้อง ผู้ว่าราชการจังหวัดอุตรดิตถ์ ในฐานะผู้ปก ครองดูแลและแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนในจังหวัดอุตรดิตถ์ ต้องนำโครงการ “บำบัดทุกข์ บำรุงสุข” ลงมาแก้ไขปัญหาเรื่องความเดือดร้อนให้กับประชาชนถึงพื้นที่ เรียกฝ่ายการเมืองทั้ง 2 ฝ่าย มาพูดคุยหาทางออกในการแก้ปัญหาร่วมกัน
“ เรื่องการเมืองให้ประชาชนเป็นผู้ตัดสินในวันเลือกตั้ง แต่ความเดือดร้อนต้องแก้ปัญหาเร่งด่วนก่อน ต้องเข้าไปดูว่าปัญหาความเดือดร้อนทั้งในส่วนของราชการมีอะไรบ้าง ความเดือดร้อนของประชาชนมีอะไรบ้าง งบประมาณมีอยู่แล้วจะลงมาช่วยอะไรได้บ้าง ต้องลงไปดูแลพร้อมสางปัญหาที่มีอยู่ จะมานิ่งเฉยไม่ดูดายหรือไม่แก้ไขปัญหาคงไม่ได้ ผู้ว่าราชการจังหวัดอุตรดิตถ์ ต้องลงมาดูแลด้วยตนเอง หากไม่ลงมาดูแลด้วยตนเองแล้วเกิดปัญหาตามมาภายหลังจะปัดความรับผิดชอบไม่ได้ “ อดีตข้าราชการบำนาญ กล่าว.