หากพูดถึง บริษัท ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) คนทั่วไปจะรู้จักในด้านการเป็นผู้ประกอบธุรกิจที่พัก ร้านอาหาร และไลฟ์สไตล์ที่ใหญ่ที่สุดรายหนึ่งในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก แต่ในแวดวงการผลิต OEM ต่างก็รู้จัก บริษัท นวศรีแมนูแฟคเจอริ่ง จำกัด (NMT Limited) ซึ่งเป็นบริษัทในเครือ ได้ทำหน้าที่ในการรับจ้างผลิตที่มีความเชี่ยวชาญในการผลิตสินค้าอุปโภคบริโภคที่มีสินค้าที่หลากหลาย ให้กับบริษัทในเครือ รวมไปถึงลูกค้าซึ่งเป็นบริษัทระดับยักษ์ของประเทศอย่าง ยูนิลีเวอร์, เอสซี จอห์นสัน ฯลฯ รวมกว่าสิบราย ล่าสุดกับการกระโดดเข้าวงการ COSMETIC พร้อมทำการแนะนำตัวเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ในงาน Cosmoprof CBE ASEAN Bangkok 2024 ที่ผ่านมา
นายพงศ์สยาม เจริญศรี ผู้อำนวยการฝ่ายธุรกิจและลูกค้าสัมพันธ์ บริษัท นวศรีแมนูแฟคเจอริ่ง จำกัด เล่าว่า “NMT ถือเป็นธุรกิจแรก ๆ ของผู้บริหาร มิสเตอร์บิล ไฮเนคกี้ นักธุรกิจชาวไทยเชื้อสายอเมริกัน ที่มาเมืองไทยและเริ่มมาทำธุรกิจ ตั้งแต่อายุ 19 ปี หรือประมาณ 50 ปีที่แล้ว ซึ่งธุรกิจแรกของ คุณบิล คือ ธุรกิจรับจ้างทำความสะอาด โดยมีการใช้ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดควบคู่ ทำให้ผู้บริหารได้เริ่มรับจ้างผลิตน้ำยาทำความสะอาดตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา ซึ่งเกิดก่อนธุรกิจอาหารและโรงแรมเสียอีก โดยทาง NMT เน้นทำ House Store กว่า 85% ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ที่ใช้ในครัวเรือน อาทิ น้ำยาล้างจาน น้ำยาล้างห้องน้ำ น้ำยาอเนกประสงค์ น้ำยาถูพื้น ฯลฯ กล่าวได้อย่างเต็มปากว่า NMT เป็นธุรกิจที่รับจ้าง 100 เปอร์เซ็นต์ เพราะไม่มีแบรนด์ของตัวเองที่จะมาแข่งกับลูกค้า ซึ่งลูกค้าส่วนใหญ่ ถ้าเป็นสินค้า House Store ทาง NMT จะทำงานให้กับกลุ่มลูกค้าที่เป็นระดับโลกในเรื่องสินค้าโภคภัณฑ์ Household อย่าง ยูนิลีเวอร์, เอสซี จอห์นสัน ฯลฯ ที่มีสินค้าที่ติดตลาด เช่น น้ำยาล้างห้องน้ำเป็ด, น้ำยาล้างจานซันไลท์ รวมไปถึงการที่ NMT ได้ทำการผลิต สบู่ ชาวเวอร์เจล แชมพู ยาสระผม ฯลฯ เพื่อซัพพอร์ตธุรกิจในเครือไมเนอร์ทั้งหมดอีกด้วย
ซึ่งในปี 2024 นี้ Key Success Factors ของบริษัทจะชัดเจนยิ่งขึ้นในการเป็นหน้าใหม่ของวงการอุตสาหกรรม ในสินค้า Personal Care และ Cosmetic ควบคู่กับการ House Store เนื่องจาก NMT เป็นองค์กรที่อยู่มานานในตลาด เป็นองค์กรที่มีสรรพกำลังค่อนข้างดีเยี่ยม คือ ไมเนอร์ ที่มีโรงงานในกลุ่ม 5-6 โรงงาน เราเป็นโรงงานเพียงแห่งเดียว ที่เป็น Non-Food โดย NMT มีความเชื่อว่า NMT สามารถต่อยอดธุรกิจ และพัฒนาธุรกิจได้มากขึ้นอีก จากการที่ NMT มีความชำนาญและมีกำลังในการผลิตที่ค่อนข้างมีมาตรฐานระดับทั่วโลก จะสามารถทำให้ NMT สามารถประสบความสำเร็จได้ในก้าวต่อไป แต่ในอนาคต NMT จะต้องมีสัดส่วนของ Personal Care และ Cosmetic ที่เพิ่มมากขึ้น เพราะ NMT ต้องการมีพื้นที่ใหม่ ๆ ในตลาดให้เกิดขึ้นด้วย ซึ่ง ตลาดของ Cosmetic ถือเป็นตลาดที่น่าสนใจและมีความแตกต่างจาก House Store พอสมควร เป็นสินค้าที่จะต้องมี Emotional ในการซื้อ การทำกำไรต่อหน่วยอาจจะได้มากกว่าสินค้า House Store มีวิธีการใช้ วิธีการซื้อที่แตกต่าง ซึ่งการมาเริ่มทำตลาด Cosmetic นั้น ทาง NMT มองว่าแม้จะเป็นสิ่งแปลกใหม่ก็จริง แต่มันไม่ใช่เรื่องยาก”