พิจิตร เมืองเล็ก…แต่น่ารัก2
รุ่งเช้าตื่นตอนตีห้าจัดการธุระเสร็จ ล้อหมุนการเดินทางเข้าสู่ตัวเมืองพิจิตร เป้าหมายอยู่ที่ ตลาดต้องชม หน้าจวนผู้ว่าราชการจังหวัดพิจิตร ซึ่งมีแนวคิดที่จะส่งเสริมเยาวชนจากโรงเรียนต่างๆในตัวเมืองและต่างอำเภอที่มีศักยภาพในการส่งเสริมให้ เยาวชนปลูกผักสวนครัวในรั้วโรงเรียน ทุกวัน เสาร์นำมาขายใน ตลาดต้องชม กับโครงการ “นัดนี้เพื่อน้อง”เป็นตลาดนัดสารพัดผักสวนครัวที่นำมาวางขายของแต่ละโรงเรียน โดยมี คุณครู พ่อแม่ คอยเป็นพี่เลี้ยงในการบริหารจัดการขายพืชผักปลอดสารพิษในราคาถูก นี่คือนโยบายของท่านผู้ว่าราชการจังหวัดพิ จิตร ได้วางแนวทางสร้างฐานชีวิตนี้ให้กับเยาวชนรุ่นนี้ไปสู่รุ่นหน้า ทุกเช้าวันเสาร์วันเดียวจะเป็นหน้าที่ของเด็กนักเรียน ออกมาค้า ขายเพื่อเสริมการเรียนรู้ของจริงนอกตำรา
ตลาดต้องชม นัดนี้เพื่อน้อง จะเหมือนๆกับ ตลาดสดทั่วไป เพราะมีครบทุกอย่าง การเดิน ซื้อหาอาหารการกินก็มีพร้อม ทำให้้เรามองเห็นวิถีไทยในยามเช้าตรู่ได้อย่างมีความสุขในช่วงเช้านี้ ท่านผู้ว่าราชการพิจิตรกับคุณนายภริยาของท่านซึ่งเป็นนายกเหล่ากาชาดจังหวัดพิจิตร จะออกจากจวนของท่านมาเดินตรวจตลาดด้วยตัวเอง พร้อมทั้งแจกนมให้กับเด็กๆทุกคน จึงไม่แปลกใจทำไมคนพิจิตรถึงรักท่าน เพราะท่านติดดินไม่ถือตัวทั้งคู่ ท่านเดินทักทายชาวบ้านอย่าง เป็นกันเอง. ไม่มีหน่วย รปภ.คุ้มครอง ท่านเดินชมตลาดจนเสร็จก็มุ่งหน้าสู่ถนนหน้าศาลา กลางจังหวัดถนนที่มีกำแพงแห่งความจงรักภักดี ซึ่งมีจังหวัดพิจิตรเพียงแห่งเดียวเท่านั้น.
ท่านผู้ว่าราชการจังหวัดพิจิตร ได้นิมนต์พระคุณเจ้าหลายองค์เพื่อมารับบิณฑบาตรในเช้านี้ ซึ่งถนนแห่งนี้จะเป็นที่ใส่บาตรของชาวจังหวัดพิจิตร และดึงเอาเด็กนักเรียนมา ร่วมทำบุญใส่บาตรเป็นมงคลแก่ชีวิต ท่านผู้ว่าฯและภริยาท่าน นั่งใส่บาตรซึ่งท่านบอกว่า การใส่บาตรครั้งนี้จะเป็นการใส่บาตรของแห้ง รวมทุกอย่างแม้แต่พืชผักสดที่ซื้อในตลาดต้องชม สามารถนำมาใส่บาตรได้เพราะทางพระและทางวัดจะนำเอาของแห้งที่ ใส่บาตรมา นำไปปรุงอาหารใหม่เลี้ยงเด็กนักเรียนในความดูแลของทางวัด รับเด็กกำพร้ามาส่งเสียดูแลให้เรียนหนังสือจนประกอบอาชีพได้ผ่านมาหลายรุ่นแล้ว ทำให้ทางวัดขอรับบิณฑบาตรข้าวสารอาหารแห้งพืชผักสดไข่เท่านั้น เพราะมีภาระที่ต้องเลี้ยงดู เด็กกำพร้าในความอนุเคราะห์ของทางวัด
สายๆนิดเราเก็บรายละเอียดของถนนคนตักบาตรบนถนนกำแพงแห่งความจงรักภักดีแล้วเรากลับไปทานมื้อเช้าที่โรงแรม ก่อนที่จะมีโปรแกรมไปเรียนรู้กับสวนผลไม้แปลกๆหลากหลายที่“สวนคุณลี”นายทวีศักดิ์ ชัยเรืองยศ เจ้าของสวนที่จะมาให้ความรู้กับผลไม้หลายสิบชนิด. บนพื้นที่กว่า 80 ไร่ที่มีความหลากหลายกับผลไม้ตามฤดูกาลผสม ผสานกันอย่างลงตัว เรามีเป้าหมายไว้ที่นั่น
ออกเดินทางจากโรงแรมมาถึงสวนคุณลีได้เห็นความอุดมสมบูรณ์ของผลไม้พืชระดับยักษ์อย่างมะระขี้นกยักษ์พันธ์ุใหญ่จากญี่ปุ่น หรือมะระลูกใหญ่ฟักยักษ์จากใต้หวัน แต่ละชนิดนั้นไม่เคยเห็นมาก่อน ซึ่งไม่ได้วางขายตามตลาดทั่วไปแต่ส่งออกนอกเกือบหมด ที่น่าสนใจคือมะม่วงพันธ์ุสีม่วงที่รสชาติอร่อยมากมาจากออสเตรเลีย ส่วนมะเดื่อฝรั่งที่กิน แล้วรักษาเบาหวานความดันได้อย่างดี สวนคุณลี เปิดรับนักท่องเที่ยวหรือต้องการมาศึกษาหาความรู้ ที่นี่คือศูนย์การเรียนรู้จากของจริงทุกอย่างกับผลไม้ยักษ์ของแปลกๆจาก ต่างประเทศมาดูได้จากที่นี่เพียงแห่งเดียว.
ได้ชิมมะเดื่อฝรั่งและมะม่วงสีม่วงรสชาติอร่อยแปลกลิ้นดี เราอำลาคุณลีเพื่อเดินทางไปยังวัดเขารูปช้าง วัดบนเขาอีกแห่งหนึ่งของเมืองพิจิตรมีตำนานเล่าขานเกี่ยวกับพระราชประวัติของพระเจ้าเสือ หรือ สมเด็จพระนเรนทราบดี แห่งกรุงศรีอยุธยา วัดแห่งนี้เคยเป็นที่พำนักของพระเจ้าเสือ ซึ่งพระองค์ทรง สร้างวัดโพธิ์ประทับช้าง เลยแวะมาพักที่เขาลูกนี้ ซึ่งมีรูปหินคล้ายช้างหมอบ ชาวบ้านจึง เรียกเขาลูกนี้ว่าเป็นเขารูปช้าง เมื่อพระเจ้า เสือสร้างวัดโพธิ์ประทับช้างเสร็จ ได้กลับมาบูรณวัดนี้ขึ้นมาใหม่อีกด้วย วัดเขารูป จะจัดให้มีงานประเพณีตักบาตรพระอรหันต์ขึ้นเขาในวันเพ็ญเดือน3 เพื่อรำลึกถึงคุณูปการของหลวงพ่อเตียง เนกขมฺโม ผู้พัฒนาวัดนี้ โดยมีพระครูวิมลธรรมประสิทธิ์(สมจิตร อุฏฐานโน)เจ้าอาวาสเป็นประธาน นายชาติชาย เจียมศรีพงษ์ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดและเทศบาลตำบลดงป่าคำ ดำเนินงานจะจัดงานในวันที่ 28 ม.ค.- 1 ก.พ.2561
ออกจากวัดเขารูปช้าง เดินทางมาไม่นานก็ถึงวัดโพธิ์ประทับช้างซึ่งมีอายุเกือบ300ปีซึ่งสร้างโดยสมเด็จพระสุริเยนทราธิบดี หรือพระพุทธเจ้าเสือ. ทรงสร้างขึ้นในสมัยที่พระองค์ยังดำรงตำแหน่งเป็นขุนหลวงสรศักดิ์ เพื่อรำลึกถึงถิ่นฐานที่ประสูติของพระองค์ วัดโพธิ์ประทับช้างซึ่งยังคงเป็นวัดที่สมบูรณ์แบบมีโบสถ์หลวงพ่อโต บริเวณวัดยังมีเจดีย์ให้เห็น ด้านหลังวัดเป็นป่าใหญ่ร่มรื่น มีนกแก้วอาศัยมากมาย. ด้านหน้าวัดยังมีต้นตะเคียนยักษ์อายุ 301 ปี คงพอๆกับวัดนี้แหละ พระพุทธเจ้าเสือทรงสร้างวัดนี้ด้านทิศ ตะวันออกริมฝั่งแม่น้ำพิจิตร เป็นโบราณสถานขึ้นตรงกับกรมศิลปากร เวลามาท่องเที่ยวเป็นหมู่คณะจะมีมัคคุเทศก์น้อยมาให้ความรู้ซึ่งต้องติดต่อผ่านองค์การบริหารส่วน ตำบลโพธิ์ประทับช้าง จึงจะรู้เรื่องราวได้ดี
ส่วนด้านหน้าตรงข้ามกับวัดจะเป็นศาลของ พระพุทธเจ้าเสือ มีช้างสองเชือกยืนเฝ้ากับเสือเข้าไปกราบนมัสการเพื่อเป็นสิริมงคล
เราเดินทางกลับเข้าไปในเมืองเพื่อไปร่วมงานแถลงข่าวบริเวณด้านหน้าสถานีรถไฟพิจิตร ซึ่งทางจังหวัดพิจิตร จะได้เปิดงาน พิจิตรเมืองเล็ก…แต่น่ารัก ว่ามีอะไรที่ชาวพิจิตรอยากบอกกล่าวแล้วเชิญชวนนักท่องเที่ยวให้เข้ามาเที่ยวในพิจิตร ด้วยมนต์เสนห์งดงาม
นายวีระศักดิ์ วิจิตร์แสงศรี ผู้ว่าราชการจังหวัดพิจิตร นายพจน์ หรูวรนันท์ นายอำเภอเมืองพิจิตร และ นายวิสูตร บัวชุม ผู้อำนวยการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานนครสวรรค์ ร่วมกันเปิดประเด็น ถึงความพร้อมของพิจิตรที่จะเชิญชวนนักท่องเที่ยวเข้ามายังพิจิตร มีแหล่งท่องเที่ยวที่ ต้องเรียนรู้ในด้านประวัติศาสตร์ศิลปวัฒนธรรม งานสมโภชเมืองพิจิตรมี่จะจัดขึ้นที่วัดท่าหลวง หลวงพ่อเพชร เป็นงานยิ่งใหญ่ วันเพ็ญเดือน 3 ซึ่งจะจัดขึ้นปลายเดือนมกราคมนี้ ส่วนงานเดือนกุมภาพันธ์วาเลนไทน์ ซึ่งจะจัดขึ้นที่ย่านเก่าวังกรด ชุมชนเก่าแก่ของเมืองพิจิตร จะจัดรถไฟวิ่งจากวังกรด-พิจิตร-ตะพานหิน ในช่วงสั้นๆให้รับรู้ถึงสิ่งดีๆของดีเมืองพิจิตร เมืองนี้เป็นเมืองผลไม้หลาก ชนิดมีทุกฤดูกาล พืชผักปลอดสารพิษราคาถูก ส่วนเมนูอาหารจานเด็ดเกี่ยวกับปลาที่นี่รสชาติอร่อยเลิศล้ำทุกร้าน มีสินค้าโอท็อปของฝากมากมาย มนต์เสน่ห์อย่างหนึ่งของพิจิตรสามารถดึงดูดให้อยู่นานวันขึ้น กับธรรมชาติท้องทุ่งนาเขียวขจีตลอด น่าแวะเข้ามาสัมผัสเมืองรองอย่างพิจิตร กับการท่องเที่ยวแบบวิถีไทย สโลแกนใหม่ที่การท่องเที่ยวตั้งเป้าหมายเอาไว้ การแถลงข่าวได้ผ่านพ้นไป ผู้ร่วมแถลงข่าวร่วมกันปล่อยลูกโป่ง ถ่ายรูปร่วมกันบนเวที เป็นอันเสร็จพิธีการพรุ่งนี้เรายังมีโปรแกรมไปกราบนมัสการหลวงพ่อดำในโบสถ์ขาวจระเข้ที่อำเภอสามง่าม ก่อนจะไปศูนย์การเรียนรู้เศรษฐกิจพอเพียงที่อำเภอบึงนารามก่อนจะเดินทางกลับ คืนนี้นอนพักผ่อนอย่างมีความสุข
