หนังดีติดดาว ***

 หนังดีติดดาว ***

             “CROW อีกาพญายม” นำแสดงโดย บิล สการ์สการ์ด, เอฟเคเอ ทวิกส์, แดนนี ฮุสตัน ผลงานของผู้กำกับ รูเพิร์ต แซนเดอร์ส ได้จัดฉายรอบสื่อที่ พารากอน ซีนีเพล็กซ์

               เป็นหนังฝรั่งที่เอากลับมา ‘รีเมคใหม่’ เนื้อเรื่องช่วงแรกอาจจะดูแล้วนึกว่าเข้าผิดโรงภาพยนตร์หรือเปล่า เพราะคล้าย ๆ หนังรักในเรือนจำมากกว่า แม้ตั้งใจให้รู้จักชีวิตที่พระเอกต้องเจอเรื่องต่าง ๆ แต่จะโดดเด่นมากเรื่องความรักนางเอก ค่อนข้างมีโชว์ให้เห็นหน้าอกนางเอกหลายครั้ง การแสดงของพระเอกโดดเด่นดีมากเข้าถึงทุกอารมณ์ของตัวละครสุด ๆ ท่าทางหุ่นมาดให้กับการเป็นพระเอกแนวขี้ยาดีแท้ (นี่ชมการแสดงนะ) นักแสดงที่เหลือก็เล่นได้ดีทุกคน การแต่งหน้า การจัดฉากทำได้ดีมากออกมาสวยงามลงตัว และที่โดดเด่นมากของเรื่อง คือ ฉากต่อสู้ ที่ทำออกมาได้โหดเหี้ยมแบบมีศิลปะทุกอย่างดูสมูทต่อเนื่อง ไม่มีติดขัดเลย ดูแล้วโคตรสะใจสายบู๊อย่างเราส่วนบทภาพยนตร์อาจจะด้วยเนื้อเรื่องเดิมที่บังคับไว้ทำให้หนังดูแล้วเหมือนเข้าใจพระเอกอยู่คนเดียว ในขณะที่ตัวละครอื่นยังไม่ค่อยเข้าใจในตัวตนแต่ละตัวละครมากเท่าไหร่ มาที่บรรยากาศดูเทา ๆ เกือบทั้งเรื่อง จะมีแสงสีฉากสวยงามหรูหราบ้างก็บางช่วงแต่ก็ดูแตกต่างที่ลงตัวได้ดี เหมือนหนังพิมพ์ซ้ำ แค่นักแสดงเปลี่ยนแล้วมีฉากขายเรือนร่างระดับนึงเป็นน้ำจิ้มตามสไตล์หนังเทศ แต่ยกนิ้วฉากต่อสู้สะใจสายบู๊จริง ๆ แม้จะมีไม่มากเท่าไหร่ แต่มาทีก็ดุเดือดสะใจกว่าภาคต้นฉบับนะ  ดู ๆ พูดได้ว่าพระเอกเป็นฮีโร่แต่อาจไม่เต็มปากเพราะเงื่อนไขเพื่อช่วยนางเอก โดยรวมทำฉากต่อสู้แก้แค้นสนุกสวยงาม

ติดให้ ***

000

               ‘จีดีเอช’ ร่วมกับ ‘ใจ สตูดิโอ’  จับมือกันส่งภาพยนตร์เรื่อง “วิมานหนาม” ที่นำแสดงโดย เจฟ ซาเตอร์, อิงฟ้า วราหะ, เต้ย พงศกร เมตตาริกานนท์, สีดา พัวพิมล, เก่ง หฤษฎ์ บัวย้อย โดยผู้กำกับ บอส นฤเบศ กูโน  จัดฉายรอบสื่อ ณ เอส เอฟ เวิลด์ ซีเนม่า เซ็นทรัลเวิลด์

               เป็นหนังจากค่าย GDH ที่ขึ้นชื่อเรื่อง Feel Good มาตลอด แต่ หนังเรื่องนี้แตกต่างออกไป ทำออกมาได้ Dark มาก ตัวละครทุกตัวล้วนต้องกระทำชั่ว เห็นแก่ประโยชน์ส่วนตัวกันทั้งนั้น ดูจบแล้วไม่ได้แง่คิดดีอะไรเลย เรื่องราวของบทภาพยนตร์ คาแร็กเตอร์ ไม่มีแนวของ GDH ที่ผ่านมาเลยสักนิด ถ้าไม่มีการบอกว่า GDH ผลิตนะ คงยากที่จะเชื่อ เพราะบทภาพยนตร์ทำมาได้ดีระดับนึง แต่ก็ไม่ได้ถึงกับว้าวอะไร แม้แต่กลิ่นอายของบทดูเหมือนหนังสมัยก่อน 2530 มากกว่า ที่ดูบ้านนอก ดิบ เถื่อน ชิงสมบัติกัน โดยมีนักแสดงนำหน้าตาดีสวมชุดชาวสวน ชาวไร่  อีกทั้งเรื่องราวค่อนข้างต่างคนต่างเหลี่ยมใส่กัน รู้เท่าทันกัน บทจะส้มหล่นก็ดูไม่ต้องทำอะไรเลย หรือกระทำเลวใส่ด้วยซ้ำ นักแสดงนำเล่นได้เข้าถึงตัวละครดี ในส่วนของ เต้ย บทอาจจะมีไม่มากนัก ไม่ได้โดดเด่นอะไรออกแนวมีเรื่องที่ทำไว้ให้พูดถึงตลอดเรื่องมากกว่า แต่ที่โดดเด่นจริง ๆ เป็น เจฟ, อิงฟ้า และ สีดา ที่เล่นได้เด่นมาก ด้วยบทที่รับส่งเสริมด้วยเลยสามารถขับอารมณ์ของตัวละครที่ได้รับออกมาได้อย่างเต็มที่ ระหว่างอิงฟ้ากับเจฟนั้นถ่ายทอดอารมณ์ฟาดฟันกันได้ดีพอควร แต่ดีเป๊ะมากสุดช่วงมีสีดาร่วมในฉากด้วยทำให้ถ่ายทอดออกมาลงตัวและสมบูรณ์  แต่ฉากเลิฟซีนนั้น อารมณ์ความรักทางเจฟส่งออกมาได้อย่างเต็มเปี่ยมแต่เต้ยกลับทำได้แค่ระดับนึงเท่านั้น ซึ่งเป็นหนังออกแนวบรรยากาศเกลียดชังกัน ชิงสวนกันเด่นชัดมาก สรุปว่าหนังขายความดาร์ก (ไม่มีความจรรโลงใจเลย) จนลืมเก็บรายละเอียดความเป็นเหตุเป็นผลในความเป็นจริง

ติดให้ **

000

               “วอร์เนอร์ บราเดอร์ส” ส่ง “Blink Twice” ของผู้กำกับ โซอี้ คราวิตซ์ เป็นการกำกับภาพยนตร์ครั้งแรกในผลงานทริลเลอร์เขย่าขวัญเรื่องใหม่ ขนทีมนักแสดงคุณภาพ อาทิ นาโอมี่ แอ็คกี้, แชนนิ่ง ทาทัม, คริสเตียน สเลเตอร์, ไซมอน เร็กซ์, เอเดรีย อาร์โจน่า, ไคลี แม็คแลชแลน  พร้อมด้วย จีน่า เดวิส และเอเลีย ชอว์แคท  โดยฉายรอบสื่อที่ พารากอน ซีนีเพล็กซ์

               ซึ่งหนังจงใจที่จะไม่บอกอะไรกับคนดูเลยในช่วงต้น ไม่รู้จักตัวละคร ไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น จนเส้นเรื่องขยับเดินหน้าไปได้สักพัก ข้อมูลเริ่มหลั่งไหลเข้ามาให้ปะติดปะต่อเรื่องราวจนเกิดความเข้าใจ ถือว่าทำบทหนังออกมาฉลาดมากในการเล่าเรื่องราว และวางปมและหยอดประเด็นไว้เกือบตลอดเวลา บางอย่างไม่ได้ให้ความสนใจ แต่กลายเป็นหนังหยิบเอามาใช้ในภายหลังอย่างมีนัยยะสำคัญ จนเมื่อมาถึงโค้งสุดท้ายที่ปล่อยของด้วยการเฉลยทุกสิ่งอย่างให้ได้อึ้งกันทั้งโรง

ติดให้ **** ครึ่ง

000

               “มานะแมน” ภาพยนตร์แนวตลกผสมแอ็กชัน นำแสดงโดย นาย – ณภัทร เสียงสมบุญ, ปราโมทย์ ปาทาน, ศิริพร อยู่ยอด กำกับโดย ปิยะพันธุ์ ชูเพ็ชร์  เปิดรอบสื่อไปแล้ว ณ  พารากอน ซีนีเพล็กซ์

               สำหรับความน่าสนใจก็คือหนังหยิบเอาชีวิตจริงของคนสู้ชีวิตที่โดนชีวิตสู้กลับมาเป็นสารตั้งต้น แต่เส้นทางในการเล่าเรื่องนั้นหนังมุ่งไปทางตลกขบขันและเบาสมอง ก็เลยต้องทิ้งความจริงจังและความเป็นจริงไป ความตลกก็พอมีบ้าง แต่โดยส่วนตัวไม่ได้ขำตลอด เป็นลักษณะของการเอามุกมาต่อมุกไปเรื่อย ๆ โดยมีโครงเรื่องครอบคุมโทนอยู่ มีบ้างที่หนังออกนอกลู่นอกทางไปนิดหน่อย แต่ก็จะกลับเข้าสู่เส้นทางเดิมได้และประคองตัวเองไปจนจบเรื่อง

ติดให้ **

000

Related posts