เมื่อศึกครั้งนี้ เดิมพันด้วย “ดนตรี” และ “ความรัก” เชิญชวนมาร่วมเปิดศึกครั้งนี้ในภาพยนตร์เรื่อง “ศึกค้างคาวกินกล้วย หรือ “BAT WAR” นำทีมโดย พีช พัชร, เก้า จิรายุ, โจริญ 4EVE, นิคกี้ ณฉัตร, เจแปน ภาณุพรรณ (นักแสดงและผู้กำกับภาพยนตร์), หมูเติ้ล หกฉาก, นาย มงคล สะอาดบุญญพัฒน์ และโปรดิวเซอร์ ‘ฤกษ์ชัย พวงเพ็ชร์’ พร้อมด้วยผู้กำกับภาพยนตร์ ‘กฤษณะ จิตรเนาวรัตน์’ จัดทัพโดย M STUDIO และ KARMAN LINE วันเข้าฉาย 19 กันยายน นี้ ในโรงภาพยนตร์
กับเรื่องราว กาลครั้งหนึ่ง..เมื่อถึงยุคมืดที่ดนตรีไทยถูกสั่งห้ามเล่นโดยไม่ได้รับอนุญาต เพราะท่านผู้นำต้องการที่จะสร้างบ้านเมืองให้เป็นอารยะ ใครฝ่าฝืนจะถูกจัดการอย่างเด็ดขาด ผู้พันเผ่า(เก้า จิรายุ) ได้รับมอบหมายให้นำกำลังออกกวาดล้างปิดทุกสำนักดนตรีไทยที่ไม่ได้รับอนุญาต รวมถึงสำนักของเซียนขาว ผู้ที่เคยสร้างปมแค้นในใจเมื่อตอนวัยเด็กให้กับผู้พันเผ่า การกวาดล้างครั้งนี้จึงถือเป็นการล้างปมแค้นไปในตัว แต่ผู้พันเผ่าดันพลั้งมือตอนกวาดล้างสำนักดนตรีไทยของเซียนขาว ทำให้เซียนขาวบาดเจ็บปางตาย
ด้วยเหตุนี้ จึงทำให้ เชิด(พีท พชร)ที่เปรียบเสมือนผู้สืบทอดสำนักต่อจากเซียนขาวผู้เป็นพ่อ แต่เรื่องราวมันกลับตาลปัตรเพราะเชิดเอาแต่สนใจดนตรีฝรั่งไม่ยอมทำตามสิ่งที่บรรพบุรุษสืบทอดกันมา เมื่อเกิดเหตุการณ์ที่เซียนขาวเกือบตาย ทำให้เชิดต้องหันกลับมาเล่นดนตรีไทยอีกครั้ง และเหล่าลูกศิษย์ของเซียนขาว กลั่น(เจแปน ภาณุพรรณ), พวง(นิกกี้ ณฉัตร), สิงห์(เติ้ล) จึงรวมตัวตั้งแก๊งที่มีชื่อว่า“ค้างคาวกินกล้วย” เพื่อล้างแค้นให้กับเซียนขาว และออกทวงคืนดนตรีไทยให้กลับมาเป็นของทุกคนอีกครั้ง โดยมีแก้วตา(โจริน 4EVE) สาวสวยผู้เป็นมือซ้อแห่งสำนักเซียนดำ ผู้หญิงที่ทำให้ผู้พันเผ่าหลงรัก แต่ดันไปช่วยเหลือเชิดและก๊วนค้างคาวกินกล้วยให้แข็งข้อต่อท่านผู้นำ ยิ่งทำให้ผู้พันเผ่าไม่พอใจเป็นอย่างมาก จนกลายเป็นสงครามระหว่างเพื่อนที่มีดนตรีไทยมรดกของชาติเป็นเดิมพัน ศึกรบและศึกรัก ศึกค้างคาวกินกล้วยจะจบลงอย่างไร เชิดแก๊งค้างคาวกินกล้วยจะทำให้ดนตรีไทยกลับมาเป็นของทุกคนอีกครั้งได้หรือไม่ ติดตามในภาพยนตร์กวน ๆ ที่จะชวนทุกคนมา เฮฮา ดราม่า น้ำตาซึม ระเบิดภูเขา เผากระท่อม ไปด้วยกัน!
โดยจุดเริ่มต้นของภาพยนตร์เรื่องนี้เป็นมาอย่างไร?
เจแปน : ผมได้มีการทาบทามจากโปรดิวเซอร์ของค่ายหนัง รฤก ที่เป็นทั้งโปรดักชันและค่ายหนังที่ผมชอบมาก ๆ พี่โน้ตโปรดิวเซอร์ได้แอบกระซิบเบา ๆ ว่า “เจแปนเธอมีหนังที่อยากทำไหม?” ผมก็ตอบแบบไม่รีรอเลยว่า “มีครับ” ไม่น่าเชื่อเลยว่าหลังจากนั้นผมได้เริ่มต้นโปรเจกต์นี้ทันที ก่อนอื่นต้องขอเล่าว่าส่วนตัวของผมชอบภาพยนตร์เรื่อง “โหมโรง” เพราะเป็นหนังดนตรีไทยที่เล่าความสวยงามของยุคสมัยนั้นได้เป็นอย่างดี รวมถึงการเล่าเรื่องเกี่ยวกับประวัติความเป็นมาของหลวงประดิษฐ์ไพเราะได้อย่างวิจิตรและงดงามเป็นอย่างมาก ภาพยนตร์เรื่องนี้ทำให้เกิดกระแสหรือที่เรียกว่าไวรัล และส่งผลกับเด็กยุคนั้นอย่างมากนั่นคือ เด็กไทยอยากเล่นระนาดเอกเป็นกันแทบจะทุกคน ผมและรู้สึกว่าอยากทำหนังที่ให้เด็กยุคใหม่ได้เห็นถึงคำสำคัญของมรดกทางดนตรีไทย ที่ไม่ได้พูดถึงในภาพยนตร์ไทยมานานแล้ว เพราะผมมีไอเดียแบบนี้ก็เลยคิดว่าถ้าจะเล่าเป็นดนตรีไทยแบบ Original เด็กเจนนี้คงไม่ดูอย่างแน่นอน ผมเลยอยากเล่าเรื่องดนตรีไทยให้ มันมีความห่ำหัน ความสนุกแบบนักเลงยุคคลาสสิก ผมเลยนำกลิ่นความเป็นแก๊งเตอร์อย่างภาพยนตร์เรื่อง ”2499 อันธพาลครองเมือง“ นำมารวมกับ “โหมโรง” จนกลายเป็นนักเลงดนตรีที่จะมาทวงความเป็นไทยกลับมาให้คนไทยภูมิใจอีกครั้ง
พี่ชอ : แปนเค้าก็มีไอเดีย จากหนังระนาด“โหมโรง” บวกกับหนังแก๊งอย่าง “2499 อันธพาลครองเมือง” ผมว่าเป็นไอเดียที่น่าสนุกดี หนังมีความเป็นดนตรีไทยผสมแอ็กชันคอมเมดี้ หลังจากนั่นก็เริ่มเขียนบทเราก็อยากให้หนังดูสนุก และมีเส้นเรื่องที่แข็งแรงด้วย ตัวละครมีหลายมิติมีปมชีวิตที่จะต้องแก้ หนังเลยได้แนว ดราม่า มาอีกนิดเรียกว่าครบรส แอ็กชันคอมเมดี้ดราม่า ต้องขอบคุณพี่ยอร์ชที่ค่อยช่วยตบบทจนเข้าทีเข้าทาง ตัวหนังพูดถึงเรื่องแก๊งห่วย ๆ ที่ต้องมากอบกู้ดนตรีไทยให้กลับมาเป็นของทุกคนอีกครั้ง ความสนุกสนานน่าอยู่ที่แก๊งห่วย ๆ อย่างแก๊งค้างคาวที่จะต้องหาวิธีมาต่อกรกับผู้พันเผ่า ผู้มีอำนาจควบคุมดนตรีไทยไว้ในกำมือ ซึ่งโอกาสที่แก๊งค้างคาวจะชนะได้แทบจะเป็นศูนย์
ตัวอย่างภาพยนตร์ :