ตำรวจภูธรภาค 1 ทลายแหล่งพักและจับกุมเครือข่ายยาเสพติด ยึดยาบ้ารวม 10,791,630 เม็ด และอาวุธสงคราม รวม 88 รายการ มูลค่ากว่า 300 ล้านบาท ตำรวจภูธรภาค 1 โดย พล.ต.ท.จิรสันต์ แก้วแสงเอก ผบช.ภ.1, พล.ต.ต.นราเดช ทิพย์รักษ์ รอง ผบช.ภ.1, พล.ต.ต.ชยานนท์ มีสติ รอง ผบช.ภ.1/รอง ผอ.ศอ.ปส.ภ.1 บช.ปส. โดย พล.ต.ท.คีรีศักดิ์ ตันตินวะชัย ผบช.ปส., พล.ต.ต.สมเกียรติ วัฒนพรมงคล รอง ผบช.ปส., พล.ต.ต.สมบูรณ์ เทียนขาว รอง ผบช.ปส., พล.ต.ต.ออมสิน ตรารุ่งเรือง รอง ผบช.ปส. และ พล.ต.ต.พลัฏฐ์ วิเศษสิงห์ รอง ผบช.ปส., ขกท. โดย พล.ต.อาทิตย์ ม่วงเล็ก ผบ.ขกท. ขกท.ศปก.นสศ. โดย พ.อ.สุพจน์ สวาคฆพรรณ ผบ.ขกท.ศปก.นสศ./ผู้ทรงคุณวุฒิคณะอนุกรรมการขับเคลื่อนการดำเนินการป้องกันและปราบปรามผู้มีอิทธิพล กระทรวงมหาดไทย,
จว.สระบุรี โดย นายบัญชา เชาวรินทร์ ผู้ว่าราชการจังหวัดสระบุรีพล.ต.ต.ธรรมนูญ เชาวะวนิชย์ ผบก.ภ.จว.สระบุรี, พ.ต.อ.เกษดา วัชรานนท์ รอง ผบก.ภ.จว.สระบุรี พ.ต.อ.จตุรงค์ สมศรี ผกก.สภ.วังม่วง พ.ต.อ.ไกรสร ศรีอำพร ผกก.สส.ภ.จว.สระบุรี/หัวหน้า ชปส.ศอ.ปส.ภ.1 ชุดที่ 2 ภ.จว.ลพบุรี โดย พล.ต.ต.อภิรักษ์ เวชกาญจนา ผบก.ภ.จว.ลพบุรี พ.ต.อ.ภูการวิก โชติกเสถียร รอง ผบก.ภ.จว.ลพบุรี พ.ต.อ.ชยชัย นาธนกาญจน์ ผกก.สภ.พัฒนานิคม บก.สส.ภ.1 โดย พล.ต.ต.วรชาติ แสนคำ ผบก.สส.ภ.1, พ.ต.อ.ประธาน นันทกอบกุล รอง ผบก.สส.ภ.1, พ.ต.อ.จักรพันธ์ โอสถากันต์ ผกก.ปพ.บก.สส.ภ.1, พ.ต.อ.จิรายุส วานิชกุล ผกก.สส.1 บก.สส.ภ.1, พ.ต.อ.นัฎฐพงษ์ ศรีเพ็ญประภา ผกก.สส.2 บก.สส.ภ.1 และ พ.ต.อ.นภธร วาชัยยุง ผกก.วิเคราะห์ข่าวและเครื่องมือพิเศษ บก.สส.ภ.1
สำนักงาน ป.ป.ส. ภาค 1 โดย นางจีระพรรณ กาญจนประดิษฐ์ ผอ.ปปส.ภาค 1 และ ว่าที่ร้อยตรี อากาศ ปานแย้ม ผู้เชี่ยวชาญด้านการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องทุกนายในสังกัดบูรณาการร่วมกันสืบสวนจับกุมบุคคลในเครือข่ายยาเสพติด จนนำไปสู่การทลายแหล่งพักยาเสพติดและตรวจยึดอาวุธสงคราม จำนวน 2 คดี ดังนี้
คดีที่ 1 ทลายแหล่งพักยาเสพติด ในพื้นที่ อ.พระพุทธบาท จว.สระบุรี ยึดยาบ้า 10,790,000 เม็ด มูลค่ากว่า 300 ล้านบาท เจ้าหน้าที่ตำรวจและเจ้าหน้าที่ทหาร ชุดจับกุมได้สืบสวนขยายผลจากการจับกุมผู้ต้องหาพร้อมยาบ้าจำนวน 1,800,000 เม็ด เมื่อวันที่ 24 สิงหาคม 2567 ที่โกดังในพื้นที่ ต.ลำโพ อ.บางบัวทอง จว.นนทบุรี และจากการจับกุมยาเสพติดรายสำคัญจำนวนหลายคดี ทำให้ทราบว่า นายนิรุจน์หรือบอล ทำหน้าที่รับยาเสพติดจากกลุ่มผู้ลำเลียงยาเสพติดจากพื้นที่ภาคเหนือแล้วนำมาเก็บไว้ โดยจะมีนายจิรวัฒน์หรือแจ็ค ทำหน้าที่เป็นต้นทางคอยสังเกตุเจ้าหน้าที่ก่อนจะนำยาเสพติดออกส่งให้ลูกค้า ซึ่งทั้ง 2 คน อยู่ในแก๊งวัยรุ่นสร้างตัววังน้อย และได้รับคำสั่งจากผู้บังคับบัญชาให้ดำเนินการสืบสวนจับกุม
ต่อมา เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมสืบทราบว่า ช่วงเช้าของวันที่ 23 กันยายน 2567 นายนิรุจน์ ได้ไปรับยาเสพติดจากกลุ่มผู้ลักลอบลำเลียงยาเสพติดแล้วนำมาเก็บไว้ที่บ้านเช่าที่อยู่ใน ซอยราชพฤกษ์ 3 ถ.พหลโยธิน ต.ขุนโขลน อ.พระพุทธบาท จว.สระบุรี ซึ่งเป็นจุดพักยาเสพติด เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมจึงกระจายกำลังเฝ้าสังเกตุการณ์จนกระทั่งเวลาประมาณ 22.00 น. ของวันเดียวกัน นายนิรุจน์ และ นายจิรวัฒน์ ได้มาที่บ้านเช่าที่ใช้พักยาเสพติด เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมจึงเข้าแสดงตนและเข้าตรวจค้นภายในบ้าน ผลการตรวจค้นพบยาบ้า 10,790,000 เม็ด ซุกซ่อนอยู่ภายในรถที่ผู้ต้องหาใช้ลำเลียงยาเสพติด และภายในบ้านเช่าที่เป็นจุดพักยาเสพติด ซึ่งยาเสพติดของกลาง หากถูกนำออกขายสู่ท้องตลาดจะมีมูลค่ามากกว่า 300 ล้านบาท
– จับกุมผู้ต้องหาที่ร่วมกันกระทำผิดได้ 2 ราย คือ
1. นายนิรุจน์ หรือบอล ทำหน้าที่รับยาเสพติดจากกลุ่มผู้ลำเลียงมาเก็บไว้เพื่อรอส่งต่อให้ลูกค้า
2. นายจิรวัฒน์ หรือ แจ็ค ทำหน้าที่ดูต้นทางสังเกตเจ้าหน้าที่ ระหว่างนำยาเสพติดส่งต่อให้ลูกค้า
– ยึดรถยนต์ที่ใช้ในการกระทำผิด จำนวน 2 คัน คือ
1. รถยนต์กระบะตู้ทึบ ยี่ห้ออีซูซุ สีเทา 1 คัน ที่นายนิรุจน์ ใช้รับ-ส่งยาเสพติด
2. รถยนต์เก๋ง ยี่ห้อฮอนด้า ซิตี้ สีเทา 1 คัน ที่นายจิรวัฒน์ ใช้ขับดูต้นทาง ก่อนนำยาเสพติดส่งให้ลูกค้า
โดยกล่าวหาว่ากระทำผิดฐาน ร่วมกันจำหน่ายยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้าหรือเมทแอมเฟตามีน)
โดยการมีไว้เพื่อจำหน่ายโดยไม่ได้รับอนุญาต โดยเป็นการกระทำเพื่อการค้า และก่อให้เกิดการแพร่กระจายในกลุ่มประชาชน และทำให้เกิดผลกระทบต่อความมั่นคงของรัฐหรือความปลอดภัยของประชาชนทั่วไป
สถานที่จับกุม บ้านเช่าในซอยราชพฤกษ์ 3 ถ.พหลโยธิน ต.ขุนโขลน อ.พระพุทธบาท จว.สระบุรี เมื่อวันที่ 23 กันยายน 2567 เวลาประมาณ 22.00 น.
คดีที่ 2 จับนักค้ายาบ้า พร้อมขยายผลยึดอาวุธสงคราม 88 รายการ เมื่อวันที่ 17 กันยายน 2567 เจ้าหน้าที่ตำรวจได้จับกุมนายสมพงษ์หรือเอ็ม ที่หอพักในพื้นที่ ม.5 ต.ช่องสาริกา อ.พัฒนานิคม จว.ลพบุรี พร้อมยาบ้าของกลาง จำนวน 1,630 เม็ด จากนั้นจึงขยายผลมาตรวจค้นบ้านพักของนายสมพงษ์ ในพื้นที่ ม.6 ต.วังม่วง จว.สระบุรี และสามารถตรวจยึดอาวุธสงครามได้อีกหลายรายการ ซึ่ง นายสมพงษ์ ซื้ออาวุธสงครามที่ตรวจยึดได้มาจากนายอภิเชฐหรือหมู เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงรวบรวมพยานหลักฐานและขอให้ศาลจังหวัดสระบุรี ออกหมายจับและสามารถติดตามไปจับกุม นายอภิเชฐ ได้ที่บ้านพักในพื้นที่ ม.4 ต.โคคลาน อ.ตาพระยา จว.สระแก้ว และสามารถตรวจยึดอาวุธสงครามได้เพิ่มเติมหลายรายการ ในการจับกุมครั้งนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถจับกุมผู้ต้องหาและตรวจยึดของกลางยาเสพติดและอาวุธสงคราม ดังนี้
1. ยาบ้า จำนวน 1,630 เม็ด ตรวจยึดจากนายสมพงษ์ ในพื้นที่ จว.ลพบุรี
2. ปืนยิงจรวด อาร์พีจี 2 จำนวน 1 กระบอก ตรวจยึดจากนายสมพงษ์ ในพื้นที่ จว.สระบุรี
3. อาวุธปืนเล็กยาว เอ.เค.47 (AK47) จำนวน 14 กระบอก โดยตรวจยึดจากนายสมพงษ์ ในพื้นที่ จว.สระบุรี จำนวน 9 กระบอก และตรวจยึดจากนายอภิเชฐ ในพื้นที่ จว.สระแก้ว จำนวน 5 กระบอก
4. แม็กกาซีนอาวุธปืนเล็กยาว เอ.เค.47 (AK47) จำนวน 73 อัน โดยตรวจยึดจากนายสมพงษ์ ในพื้นที่ จว.สระบุรี จำนวน 67 อัน และตรวจยึดจากนายอภิเชฐ ในพื้นที่ จว.สระแก้ว จำนวน 6 อัน
จับกุมผู้ต้องหาได้รวม 2 ราย คือ
1. นายสมพงษ์หรือเอ็ม กล่าวหาว่ากระทำผิดฐาน มียาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้าหรือเมทแอมเฟตามีน) ไว้ในความครอบครองโดยผิดกฎหมาย และร่วมกันมีอาวุธปืนที่นายทะเบียนจะออกใบอนุญาตให้ไม่ได้ไว้ในครอบครองโดยผิดกฎหมาย ถูกจับกุมที่หอพักในพื้นที่ ม.5 ต.ช่องสาริกา อ.พัฒนานิคม จว.ลพบุรี ต่อเนื่องกับบ้านพัก พื้นที่ ม.6 ต.วังม่วง จว.สระบุรี เมื่อวันที่ 17 กันยายน 2567
2. นายอภิเชฐหรือหมู ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดสระบุรี ที่ 282/2567 ลงวันที่ 21 กันยายน 2567 โดยกล่าวหาว่ากระทำผิดฐาน ร่วมกันมีอาวุธปืนที่นายทะเบียนจะออกใบอนุญาตให้ไม่ได้ไว้ในครอบครองโดยผิดกฎหมาย ถูกจับกุมที่บ้านพักในพื้นที่ ม.4 ต.โคคลาน อ.ตาพระยา จว.สระแก้ว เมื่อวันที่ 24กันยายน 2567
การจับกุมในครั้งนี้ เป็นการทำลายเครือข่ายยาเสพติดที่ทำหน้าที่จัดเก็บ และแพร่กระจายยาเสพติดในพื้นที่ภาคกลาง รวมถึงยึดอาวุธสงครามที่ใช้ในการกระทำผิด ซึ่งเป็นการยับยั้งไม่ให้ยาเสพติดแพร่กระจายไปสู่ประชาชนได้เป็นจำนวนมาก และเจ้าหน้าที่ชุดจับกุมจะขยายผลถึงกลุ่มลูกค้า ผู้สั่งการ และบุคคลในเครือข่ายที่ยังไม่ถูกจับกุม รวมถึงทรัพย์สินที่เกี่ยวเนื่องกับการกระทำความผิด โดยจะนำมาตรการสมคบ สนับสนุนช่วยเหลือ ฟอกเงิน และยึดทรัพย์สิน มาใช้ดำเนินการกับบุคคลในเครือข่ายยาเสพติดต่อไป