หนังดีติดดาว***

“A Legend – พลิกตำนานฟัดทะลุเวลา” นำแสดงโดย เฉินหลง, จางอี้ซิง หรือ “เลย์จาง”, กู่ลี่ นาจา, หลี่จื้อถิง โดยผู้กำกับตำนานฟัด สแตนลี ตง เปิดรอบพิเศษ เอส เอฟ เวิลด์ ซีเนมา เซ็นทรัล เวิลด์

         ก่อนหนังจะฉาย Movie Copyright (Thailand) ก็เชิญน้าติ่ง ผู้พากย์เสียงของ เฉินหลง ตั้งแต่ ไอ้หนุ่มหมัดเมา, เอไกหว่า คราวนี้ถูกเลือกมาพากย์เสียงเฉินหลงอีกครั้งก็ไม่ขัดอะไร ก่อนมาดูก็รู้เป็นหนังภาคต่อเรื่อง THE MYTH ดาบทะลุฟ้า ฟัดทะลุเวลา บทเฉินหลงก็ยังเล่นคาแร็กเตอร์เดิมเป็นศาสดาจารย์ค้นคว้าวัตถุโบราณ ก่อนมาดูก็คิดว่ามาดูหนังเฉินหลงล่ะ ซึ่งเมื่อสิบปีก่อนผิดหวังจากหนังเฉินหลง ด้วยเขาอายุเยอะก็บู๊ไม่ไหวไม่ค่อยสะใจเพราะเขาบู๊เงอะงะ ๆ แล้วเอาดาราวัยรุ่นมาเล่นเหมือนดึงคนดูทำให้ขาดเอกลักษณ์หนังเฉินหลงไปเยอะ  แต่มาเรื่องนี้ผิดคาด!! ทั้งที่หน้าตาใช้ AI ครอบหน้าเฉินหลง เคยดูเรื่องอินเดียน่า โจนส์ที่แฮร์ริสัน ฟอร์ดเคยทำแต่มันขัดตา แต่ของเฉินหลง เออ หน้าเด็กแล้วมันก็ไม่ขัดตา หรือเทคโนโลยีดีขึ้นดูมันเนียนดีไม่หลอกตามาก มาที่เนื้อเรื่องต้องยกให้บทที่ฉีกแนวหนังจีนที่ชอบเน้นขนบธรรมเนียมจีน แต่เรื่องนี้ดูอินเตอร์ดี เปิดฉากมาไม่กี่วินาทีก็มีบู๊แล้ว แถมเดินเรื่องเร็ว แต่มีดราม่าทว่าก็ไม่มีช่วงไหนเบื่อเลยดูสนุก ทั้งที่เฉินหลงก็เล่นสไตล์เขาแต่ครั้งนี้เขียนบทดีเฉลี่ยไปให้นักแสดงที่เคยร่วมงานกันมาก่อน แล้วแต่ละคนเล่นไม่ขัดตา จริง ๆ เรื่องนี้ส่วนตัวพระเอกไม่ใช่เฉินหลง แต่พระเอกคือ ‘ม้า’ พล็อตเรื่องเขาก็เกริ่นมาเลยว่าเป็นเรื่องของม้าศึกแล้วก็โปรโมตว่าถิ่นนั้นเป็นจังหวัดของม้าฝีเท้าเยี่ยม ฉากม้าของพระเอกตกเขาก็ซึ้ง หรือฉากม้าของเพื่อนสนิทพระเอกที่ขาบาดเจ็บแต่ก็วิ่งสุดกำลังพาไปเอายาดูแล้วน้ำตาไหล เห็นถึงความรักและซื่อสัตย์ของม้าที่มีต่อเจ้าของ ทว่าฉากเด็ดถ้าจำกันได้ใน THE MYTH ที่ม้าตัวดำที่เฉินหลงขี่ดีดขาใส่ศัตรูก็เป็นฉากเด็ดในเรื่องนี้ด้วย กับฉากที่เฉินหลงในภาพศาสดาจารย์ก็บู๊ได้มันดีไม่เงอะงะ ต้องยกนิ้วให้คนดีไซน์ท่าบู๊ มิหนำซ้ำฉากต่อสู้บนม้าก็ดูเท่ สนุก ตื่นเต้น ปกติหนังเรื่องอื่นที่ดูมาดีไซน์การต่อสู้บนหลังม้านิด ๆ หน่อย ๆ แต่เรื่องนี้เขาตั้งใจทำทำให้ดูแล้วโอ้! แปลกตาและดูสนุกไม่เยิ่นเย้อ นอกจากนี้ได้เห็นเฉินหลงใช้ปืน ปกติเขาจะไม่ใช้แต่เป็นไปตามธรรมชาติมนุษย์ที่ต้องเอาชีวิตรอดจากผู้ร้าย แต่ได้น้าติ่งพากย์ทำให้ภาพเฉินหลงถือปืนต่อสู้ดูไม่ดุดันแต่แทรกมุกตลก ถือว่าหนังเฉินหลงกับผู้กำกับคู่บุญช่วยกันทำให้หนังดูสนุกมากไม่มีช่วงไหนเบื่อเลยตั้งแต่ต้นจนจบ ถ้าเต็มสิบก็ให้สิบ แต่เต็ม 5 ดาวงั้นก็ ติดเต็ม *****

         M Studio พาคุณพบความรักของเธอและเขาจะทำหัวใจฟู เรื่อง “We Live In Time – เวลานั้นฉันและเธอ” นำแสดงโดย แอนดรูว์ การ์ฟิลด์ ที่สลัดภาพมนุษย์แมงมุม พบความรักกับเชฟสาวรับบทโดย ฟลอเรนซ์ พิว  ฉายรอบพิเศษที่ พารากอน ซีนีเพล็กซ์

          หนังของการ์ฟิลด์ที่สลัดภาพซูเปอร์ฮีโร่มาเล่นโรแมนติก ดราม่า แต่ออกไปทางโรแมน       ติกเศร้าปนขม คือโดนโปสเตอร์หลอก 555 นึกว่าเป็นหนังโรแมนติก แบบพระเอกหย่ากับเมียเก่ามาเจอรักครั้งใหม่ แล้วสวีตกันจนโลกสีชมพูแต่ไม่ใช่แบบนั้นเลย แต่ก็เป็นหนังที่เนื้อหาดูแล้วสนุกดี  การ์ฟิลด์เล่นซีนอารมณ์ดี ซีนซึ้งก็ถ่ายทอดออกมาดีเช่นกัน แต่สำหรับพิว นางเอกไม่เคยติดตามผลงานมาก่อน แต่พิวทุ่มสุดตัวทุกฉาก แม้แต่ฉากเข้าพระเข้านางเป็นสไตล์ฝรั่งไม่ใช่หนังเอ็กซ์โจ๋งครึ่มออกแนวนูด R เข้าถึงอารมณ์คนรัก อารมณ์สามีภรรยาแบบนั้น ซึ่งนางเอกก็ไม่ได้มีรูปร่างผอมบางแต่ถ้าผู้กำกับคนอื่นเห็นแววก็เหมาะเอาไปเล่นหนังบู๊แนวไล่ล่าเอเลี่ยนโดยเฉพาะตอนตัดผมสั้นยิ่งเหมาะ เพราะไม่ได้ออกแนวผู้หญิงหวาน แต่ว่าหนังโอ้โห้ ตัดสลับไปสลับมาทว่าชวนติดตามดี ก็นั่งลุ้น แต่ถ้าเผลอหลับสักงีบอาจดูไม่รู้เรื่องเลย เพราะหนังตัดสลับไปมาไม่รู้ช่วงไหนจริงช่วงไหนหลอก เราดูก็มีเอ๊ะ จะมีหักมุมตอนท้ายหรือใครเป็นผีหรือเปล่า จริง ๆ ไม่ได้เป็นเรื่องของคู่เดียว คือพระเอกเพิ่งหย่าแล้วมาถูกนางเอกขับรถชนเหมือนซวยซ้อน ความรักของเธอและเขาเกิดเพราะอุบัติเหตุนั่นเอง สำหรับฉากที่ดูแล้วอินคือฉากคลอดลูกในห้องน้ำร้านสะดวกซื้อ ตั้งแต่ดูหนังมาหรือเราดูไม่เยอะพอ ฉากคลอดลูกเรื่องนี้ได้ฟิลอารมณ์เต็มที่มาก ขณะคลอดลูกดูแล้วลุ้นดี ดูแล้วไม่น่าเกียจ เป็นฉากคลอดลูกที่ดูอบอุ่นมากมีพ่อแม่ลูกอยู่พร้อมหน้ากัน  ถือว่าวางแนวเรื่องแปลกดี ออกฟิลดี ตัดสลับแบบหนังชีวิต และพระเอกนางเอกเล่นเข้าขากันดีมาก บางฉากแทบไม่พูดแต่สื่อผ่านสีหน้าแววตาอย่างเดียวก็กินใจ เหมือนหนังเอาชีวิตคนจริง ๆ มาถ่ายทอดให้ได้เห็นว่า ชีวิตคนจริง ๆ ก็แบบนี้ ถ้าก่อนตายมักละหองละแหง ไม่ได้สวยหรูหวานแหวว เป็นเรื่องจริงของการใช้ชีวิตแท้ ๆ เลย แต่มีมุมมองของสามีที่รักภรรยาอยากให้รู้จักดูแลตัวเอง แต่มุมของภรรยาอยากให้ลูกจดจำสิ่งดี ๆ ของแม่มากกว่าเห็นแม่ป่วยสะเงาะสะแงะก่อนตาย มันก็เป็นมุมมองของแต่ละคู่ที่คิดกัน เหมือนสัจธรรมว่าคนที่เหลือต้องอยู่กับสิ่งที่เกิดขึ้นให้ได้ เพียงแต่ใครจะปรับตัวได้มากกว่ากันและจะอยู่ในความทรงจำกันยังไง ซึ่งสอดแทรกแง่คิดชีวิตคู่ ติดให้ *** ครึ่ง

          “DANGERDUS BOYS 2 วัยเป้ง 2 นักเลงขาสั้น” ติวเข้มโดยผู้กำกับ “พชร์ อานนท์” พร้อมด้วยทีมนักแสดง “นิค คุณาธิป”,“เน็ต สิรภพ”,“โตส อัครัช”, “บิว กิตติพัฒน์”, “บลิว วรพล”, “เทป วรชัย”, “แชป ศุภชีพ”, “มาร์ค ธุวานนท์”, “ซานต้า ณภควัต”, “สไปร์ท ศุกลวัฒน์”, “โบ๊ท ภูวรักษ์” ฯลฯ และพบกับนักแสดงรุ่นใหญ่ อาทิ “นุ๊ก สุทธิดา”, “เต๋า สโรชา”, “หญิง ฌัชชา”, “ต๊ะ บอยสเก๊าท์”, “อั้ม ฐนิชา”, “เอแคลร์ จือปาก ฯลฯ  จัดรอบพิเศษ พารากอน ซีนีเพล็กซ์

          สำหรับหนังทำออกมาคล้ายหนังสมัยก่อนต้มยำกุ้ง แม้ว่าบรรยากาศจะเป็นปัจจุบันก็ตาม อาจจะมีที่แตกต่างกับหนังยุคนั้นก็คือ การรักร่วมเพศ ที่เปิดกว้างสมัยนี้ เรียกว่าเป็นซีนเห็นชัดและเรียกเสียงกรี๊ดของแฟน ๆ ได้เลย เนื้อเรื่องทำออกมาดูเพลินไม่ติดขัดไหลลื่นดี ดูมีเรื่องราว มีเหตุผลที่เข้าใจได้ และเผยถึงอารมณ์ของวัยรุ่น โดยเฉพาะการที่ต้องการเป็นที่ยอมรับจากสังคม ดู ๆ อาจจะมีตัวอย่างที่ไม่ดีให้กับเยาวชน แต่พอดูจนจบหนังได้ให้แง่คิด การเตือนสติ การยอมกลับตัว การให้อภัย ความเข้าใจต่อกันได้ดี ในส่วนการแสดงนั้นก็ตามสไตล์หนังที่เน้นต้องเก๊กหล่อกันหน่อย ที่มีเยอะระดับนึงเลยฉากต่อสู้ตีกัน ก็ดูมีลีลาดีไม่เว่อร์จนเกินงาม ดูจบแล้วจากที่รู้สึกแย่กับเหล่าตัวละครทีชอบยกพวกตีกันแบบยุคนี้ ก็ทำให้เข้าอกเข้าใจ รักและผูกพันกับแต่ละตัวละครมากขึ้น หนังสอดแทรกให้คิดถ้าวัยรุ่นยุคนี้ยังชอบยกพวกตีกันทำให้พ่อแม่เดือดร้อนก็มาดูเรื่องนี้จะเตือนสติกลับไป ติดให้ ***

          “Absolution คนสันดานเดือด” เล่าเรื่องราวของ “ธัก” (เลียม นีสัน) อดีตอาชญากรโคตรเลวที่ต้องกลับมาทำภารกิจสุดท้ายให้กับวงการใต้ดินที่เขาพัวพันมาค่อนชีวิต ก่อนที่จะกลับไปคืนดีกับลูกสาวเพื่อไถ่โทษต่อความผิดพลาดในอดีต กลับตัวกลับใจและใช้ชีวิตอย่างคนปกติ แต่วงการนี้ไม่มีทางปล่อยตัวเขาออกไปง่าย ๆ เขาจึงต้องแลกชีวิตที่เหลือด้วยการเผชิญหน้ากับเหล่าศัตรูตัวฉกาจรอบด้าน ถ้าคิดจะล้างบาป มีทางเดียวคือเขาต้องล้างบางให้สิ้นซาก! นำแสดงโดย เลียม นีสัน (Liam Neeson), รอน เพิร์ลแมน (Ron Perlman), แฟรงกี้ ชอว์ (Frankie Shaw) ซึ่งจัดฉายรอบที่ SF Cinema มาบุญครอง

          โดยหนังทำออกมาได้เนื้อเรื่องต่างกับหน้าหนังรวมถึงนักแสดงนำ อาจจะมีหลายคนที่คาดว่าจะบู๊กันอย่างมันตีต่อยกันเต็มที่ ฉากระเบิดอลังการแบบในหน้าหนัง แต่จริง ๆ แล้ว เป็นแนวชีวิตผู้สูงอายุคนหนึ่งที่ผ่านการลุยสนามมายาวนาน และมีภาวะป่วยทางสมอง ทำให้การใช้ชีวิตต้องปรับเปลี่ยน รวมถึงนิสัยที่ค่อย ๆ เปลี่ยนไปด้วย หนังดูได้เรื่อย ๆ เหมือนเป็นการบอกเล่าชีวิตนักฆ่าที่ผ่านงานมานับต่อนับแม้แต่เกือบตายจนอายุมากขึ้นก็คิดอำลาวงการ ซึ่งเป็นหนังที่ดูเรื่อย ๆ ปนน่าเบื่อหน่อยในบางช่วง เพราะคล้าย ๆ ตามติดชีวิตคน ๆ นึง แต่ทว่าเนื้อหาถ่ายทอดในทุกมุมชีวิตของพระเอกได้ดีมาก โดยเฉพาะทำให้เข้าใจและรับรู้ถึงผู้ป่วยสมองเสื่อมได้เป็นอย่างดี นักแสดงนำอย่างนีสันก็ถ่ายทอดทั้งอารมณ์ สีหน้าและท่าทางได้ดีมาก ด้วยบุคลิก วัย และภาพจำ สายบู๊ช่วยเสริมบทตัวละครได้ดีมาก ฉากบู๊ก็เล่นได้ดี เพียงแต่ในเรื่องมีปะทะกันน้อยก็ด้วยวัย จากที่ดูมีบู๊ราว ๆ 10% ได้ ถือเป็นหนังที่มีพล็อตเรื่องแหวกแนวจากตัวเขาที่เล่นบู๊จนขึ้นชั้นพระเอกบู๊มามากมาย ก่อนหน้านี้ก็มาในแนวเพื่อครอบครัว คนรอบข้าง แต่กลับทำได้ดีมาก สายตา ความรู้สึก ภาษากายที่ส่งออกมาล้วนให้อารมณ์คนรักครอบครัว สัมผัสได้ว่าเขาชอบเล่น และทำได้ดีกับบทตัวละครแบบนี้จริง ๆ ติดให้ **

          “ธี่หยด 2” กลับมาอีกครั้งกับการจับมือกันของ ช่อง 3 และ M Studio ซึ่งนำแสดงโดย  ณเดชน์ คูกิมิยะ, เดนิส เจลีลชา, จูเนียร์ กาจบัณฑิต, เฟรนด์ พีระกฤตย์, นีน่า ณัฐชา, เฟรช อริศรา และ ปรเมศร์ น้อยอ่ำ โดยผู้กำกับ คุ้ย-ทวีวัฒน์ วันทา ปูพรมแดงจัดรอบฉาย พารากอน ซีนีเพล็กซ์

          หนังเปิดและเดินเรื่องแทบจะทันที เพราะนี่คือภาคต่อที่ไม่ต้องเสียเวลาแนะนำตัวละครและปูพื้นเรื่องราว เส้นเรื่องถูกแบ่งออกเป็น 2 เส้น โดยมีตัวละคร ยักษ์ เป็นศูนย์กลาง เส้นเรื่องแรกว่าด้วยการออกตามล่าผีชุดดำของกลุ่มตัวละครที่บุกป่าฝ่าดง จนมีการผจญภัยแบบมินิเพชรพระอุมา ที่ได้รสชาติความเป็นการผจญภัยปนสยองขวัญและผสมคอมเมดี้เข้าไป ส่วนเส้นเรื่องที่สองเป็นเรื่องราวของครอบครัวที่กำลังจะจัดงานแต่งให้หยาดในโรงแรม ก็เลยเป็นการต่อกรกับผีชุดดำในสถานที่ปิด จนได้ความเป็น The Shining แบบไทย ๆ ที่รสชาติกลมกล่อมออกมา  ธี่หยด 2 ไม่ได้ขายความน่ากลัวและสยองขวัญสักเท่าไรนัก เพราะแนวทางของภาคนี้คือมุ่งเน้นไปในทิศทางของ แอ็กชันปนสยองขวัญที่หาได้ยากนักในหนังไทย แต่ก็มีความน่าเสียดายคือหนังมันสั้นไปหน่อย แต่ตัวละครมีเยอะเกิน ก็เลยทำให้ตัวละครเกือบทั้งหมดกลายเป็นเพียงตัวละครรองและตัวละครประกอบซะ เพราะเฉลี่ยบทได้ไม่ทั่วถึง ติดให้ ***

          “Canary Black รหัสลับดับโลก” มุ่งหน้าสู่ภารกิจท้าตาย 24 ชั่วโมง เดือดระห่ำถึงขีดสุดเพื่อภารกิจโจรกรรมอาวุธหายนะที่ไม่อาจไว้ใจใครได้ โดยผู้กำกับ “ปีแยร์ โมแรล” ผู้ให้กำเนิด “Taken” แท็กทีม “เคต เบ็กคินเซล” (Underworld) คืนฟอร์มแอ็กชันไอคอนตัวแม่ของจริงการันตีโดย มงคลเมเจอร์ จัดความระทึกระห่ำที่ SF Cinema เซ็นทรัล พระรามเก้า

          ครั้งนี้ เคต เบ็กคินเซล (จาก Underworld) คืนฟอร์มแอ็กชันตัวแม่ของจริง หลังจากหายไปหลายปีกลับมาทำเราร้องโอ้โห้ไม่ผิดหวังการแสดงของเธอ เป็นหนังที่ไม่คาดคิดว่าจะสนุก มันขนาดนี้ ดูเพลิน จริง ๆ มันเป็นพล็อตสายลับหักมุม แต่แบบดูเพลินสุดยอดจนลืมเวลาและมันสะใจจนลืมหายใจเลย อีกทั้งก็มีให้ลุ้นตลอด เคตฟิตหุ่นมาดีไม่ต่างจาก Underworld แต่ก็เข้าใจด้วยวัยบางฉากเล่นบู๊ได้ไม่แข็งแรงทะมัดทะแมงเหมือนเมื่อก่อน แต่ได้ทีมดีไซน์ท่าทางบทบู๊เท่ ๆ ให้และเนื้อหายอมรับว่าแปลกมาก มันก็แนวสายลับนะแต่เขาสามารถเขียนเรื่องให้ดูลุ้นตลอด ดูลืมเวลาเลย ดูไปเรื่อย ๆ ต้องตามเรื่องไปเรื่อย ๆ แล้วมีตัวหลอกเยอะ ปกติหนังสไตล์นี้เราพอจะจับทางได้แต่นั่งดูไป เออ จับทางไม่ถูกเลย มันจะไปยังไง มันจะจบยังไง ก็นั่งลุ้น ทั้งที่หนังสไตล์นี้จริง ๆ เดี๋ยวก็จบอย่างนี้แหละแต่เออ มันไม่เป็นอย่างที่คิด มันเดาทางไม่ถูก เนื้อเรื่องดึงเราไว้จนลืมเวลา สนุกมาก ทั้งที่ตัวเอกมีอยู่แค่นางเอก  ตัวหัวหน้ารับบทโดย เรย์ สตีเวนสัน (Ray Stevenson) ก็เล่นเป็นหัวหน้าที่ดีแต่แรก ๆ นึกว่าเป็นตัวร้าย การแสดงของราชินีบู๊อย่างเคตเล่นเด่นใช้ได้เลย สำหรับฉากที่เท่ ๆ ก็คุ้นตาอย่างเคตกระโดดตึกลงมา หรือตีลังกา ส่วนฉากโหนโดรน พูดง่าย ๆ ต้องยกให้คนเขียนบท เขียนให้มันน่าติดตามตลอดเรื่อง แล้วก็ฉากบู๊ ฉากรถไล่ล่า ฉากรถชน และมีฉากโหน    โดรนกลางอากาศถือว่าล้ำ จากที่ดูหนังคล้ายเรื่อง SALT หรือ JOHN WICK เหมือนมีองค์กรใหม่โผล่มา แต่อันนี้จะกลายเป็นสายลับหญิง ช่วง end credit ทิ้งท้ายถ้าเรตติ้งหรือหนังทำเงินก็ต่อภาคใหม่ได้ จริง ๆ จากที่ดูต่อได้เลยและอยากให้มีภาคต่อด้วย แต่คงต้องดูว่าเคตยังบู๊ไหวไหม ซึ่งหน้าหนังอวดชื่อผู้กำกับ“Taken” ก็ใช้ได้ ทำได้สนุกมากกก ดูเพลินสุด ๆ เป็นหนังเรื่องแรกที่ดูแล้วไม่อยากให้จบ แถมสอดแทรกเรื่องรักชาติมากกว่าสามีและมุกสายลับขโมยข้อมูลก็ดี ติดเต็ม *****

         

“JOKER” เป็นครั้งแรกที่ผู้สร้างภาพยนตร์ฯ ทอดด์ ฟิลลิปส์ ผู้ทำหน้าที่กำกับฯ ร่วมเขียนบทฯ และอำนวยการสร้างฯ ได้ร่วมงานกับ วาคีน ฟีนิกซ์ ที่ถูกวางตัวในบท อาร์เธอร์ เฟล็ค หรือ โจ๊กเกอร์ ประชันบทบาทกับ เลดี้ กาก้า ตีแผ่ชีวิตโจ๊กเกอร์ที่ QUARTIER CIENEART

          เปิดเรื่องด้วยการเล่าเรื่องทำไมโจ๊กเกอร์ถึงติดคุกด้วยภาพการ์ตูนแปลกตาและเข้าใจง่ายโดยโจ๊กเกอร์ครั้งนี้ตีโจทย์ไปอีกแบบ มีดราม่าหนักหน่วงจิตใจมาก เพราะอาร์เธอร์ติดคุกได้เห็นด้านมืดไม่ว่าจะเป็นโจ๊กเกอร์ ผู้คุม หรือลี (กาก้า)หมอจิตวิทยาที่แฝงเข้ามาในคุกเพื่อตีสนิทกับโจ๊กเกอร์ เพราะนางหลงรักโจ๊กเกอร์ สำหรับหนังโจ๊กเกอร์ก็มีคนทำหลายเวอร์ชั่นแต่ครั้งนี้ออกแนวชีวิตผสม musical เพราะมีกาก้าร่วมด้วย นางก็ขโมยซีนบางฉากแถมโชว์หน้าสดที่ดูดีแบบไม่ต้องแต่งหน้าก็ได้ ตัวโจ๊กเกอร์ที่เราจดจำคือ ‘ฮีทเรดเจอร์’ เล่นไว้ดิบเถื่อนต้องฟาดฟันกับแบทแมน แต่โจ๊กเกอร์ตัวนี้ที่รับบทโดยวาคีน ฟีนิกซ์ ออกแนวดราม่าหนักหัวเสียสภาพจิต ก็ไม่สันทัดดราม่าหนัก ๆ แบบนี้ แต่ทุกเรื่องที่ฟีนิกซ์เล่นเขาจะทุ่มเทจนคว้ารางวัล อย่างบทโจ๊กเกอร์ก็ยอมลดน้ำหนักตามผู้กำกับต้องการเพื่อให้เห็นซี่โครง เห็นภาพของคนติดคุกไม่ได้กินอิ่มนอนสบาย ทว่าที่ชอบก็ท่าเขาสูบบุหรี่ มันมีเสน่ห์ มันเท่ว่ะ ส่วนตัวไม่ชอบสูบบุหรี่แต่ฟีนิกซ์สะกดสายตานอกจากบทบาทการแสดงหรือเต้นแท็ปแล้ว ท่าสูบบุหรี่ก็เท่ไม่แพ้กัน นี่ละมั้งนักแสดงขั้นเทพตัวจริงที่กระชากรางวัลมาครอง อย่างที่บอกไปหนังตีแผ่ชีวิตในคุกของอาร์เธอร์ที่มีทนายแก้ต่างเพื่อให้เขาได้ออกจากคุก รวมถึงตีแผ่ชีวิตคนคุกถูกผู้คุมกระทำหยาบเหยียดแม้แต่หาเรื่องทำร้าย ฟีนิกซ์ถ่ายทอดอารมณ์ให้ดูน่าสงสารทั้งที่ไม่ควรเพราะเขาเป็นฆาตกรนะ ฉากเด็ดที่อึ้งก็ฉากลี (กาก้า)มีอะไรในคุกกับโจ๊กเกอร์ด้วยความลุ่มหลง สรุปแล้วทุกตัวละครถ่ายทอดอารมณ์และส่งบทกันดี เป็นหนังยาวมากซึ่งถ้าใครทนดูจบจะเห็นบทสรุปของโจ๊กเกอร์ที่สุดท้ายตัวตนที่ทุกคน หลงใหลก็ถูกมองเหมือนเป็นผ้าขี้ริ้วเพราะสิ้นศรัทธา หนังให้แง่คิดคนสองบุคลิกอย่าขาดยา และการมีอีกตัวตนหากไม่ใช่คนดียิ่งไม่มีใครปลื้มนานหรอก ก็เหมือนมนุษย์มีตำแหน่งใหญ่โตพอถอดหัวโขนออกก็ไม่มีคนนับหน้าถือตาอีก ซึ่งไม่ต่างจากโจ๊กเกอร์ตายอย่างไร้ศักดิ์ศรี สรุปเป็นหนังหนักหัว ตีแผ่ด้านมือของแต่ละอาชีพที่สวมหน้ากากไม่ต่างจากโจ๊กเกอร์ ว่ากันตามจริงถือเป็นหนังดีทีเดียว ติดให้ ****

          คำถามภาพยนตร์เรื่อง “JOKER” บทสรุปชีวิตอาร์เธอร์ หรือ โจ๊กเกอร์หลังคดีจบชีวิตลงเอยอย่างไร?

          ทราบคำตอบเขียนใส่ไปรษณียบัตร พร้อมชื่อ – นามสกุล – ที่อยู่ เบอร์โทร.ให้ถูกต้อง ส่งมาทายปัญหา หนังดีติดดาว ที่อยู่ 32/15 ลาดพร้าว 23 แขวงจันทรเกษม เขตจตุจักร กรุงเทพฯ 10900 ผู้ที่ตอบถูก 3 ท่าน จะได้รับของรางวัลจาก วอร์เนอร์ บราเดอร์ส (ขอบคุณสนับสนุนของรางวัล)

        

  “Look Back” เล่าเรื่องราวของ ฟูจิโนะ เธอเป็นนักเรียนชั้นประถมศึกษา เจ้าของผลงานมังงะ 4 ช่องบนหนังสือพิมพ์ของนักเรียน และได้รับคำชื่นชมจากเพื่อน ๆ เป็นอย่างมาก ทว่าคุณครูของเธอบอกว่ามีเด็กนักเรียนคนหนึ่ง เคียวโมโตะ อยากส่งผลงานมังงะ 4 ช่องดูบ้าง ความหลงใหลที่พวกเธอมีให้กับมังงะคือ สิ่งที่จะเชื่อมโยงพวกเขาเข้าด้วยกัน ทว่ากลับมีบางสิ่งเกิดขึ้นกับพวกเธอจนทำให้ทุกอย่างพังทลาย… จัดรอบพิเศษ พารากอน ซีนีเพล็กซ์

          เป็นอะนิเมะที่ทำออกมามีเอกลักษณ์ดี บางช่วงอย่าง ฉากก็วาดแบบภาพวาด แล้วก็มีฉากที่วาดเสมือนจริงเป็นส่วนใหญ่ ส่วนตัวละครนั้นดูเป็นการ์ตูนอยู่แล้ว ผสมเรื่องราวที่ร้อยเรียงมาได้ น่ารัก กับสังคมแบบคนเก็บตัวอยู่ตามต่างจังหวัดประมาณนั้น และเรื่องราวให้ความขัดแย้งเป็นช่วง ๆ ดี อย่าง คนหนึ่งรู้สึกอย่างนึง แต่อีกคนคิดอย่างนึง เหมือนจะไม่ลงตัว แต่ก็ลงตัวผสมความ น่ารักใส ๆ ทว่าก็มีความแอบเหงาน่ากลัวอยู่  มิหนำซ้ำมีจุดพลิกเรื่องราวเป็นอีกด้านกลับไปมา ก่อนจบไปแบบ อ้าว?…จบแล้วเหรอ เป็นอะนิเมะที่เนื้อหาไม่ได้ยาวแค่ชั่วโมงเดียว ทว่าบทภาพยนตร์เรียบเรียงเรื่องราวออกมาทำให้ดูแล้วเพลิน สบาย ๆ ส่วนลายเส้นก็วาดออกมามีศิลปะ ต้องยกให้เทคนิคการวาดรูปสมัยนี้ที่พัฒนาขึ้นทำให้ดูมีเอกลักษณ์ดี  ติดให้ ** ครึ่ง

          เรื่อง “รักวนลูป” เป็นภาพยนตร์แนวโรแมนติก-คอมเมดี้-แฟนตาซี-ดราม่า ที่นำแสดงโดย เจมส์-ธีรดนย์ และ จูเน่-เพลินพิชญา ร่วมด้วย ใบปอ-ธิติยา, ดู๋-สัญญา, เกรซ มหาดำรงกุล, ไปป์-มนธภูมิ ปล่อยสตรีมทาง Prime Video แต่จัดรอบพิเศษ พารากอน ซีนีเพล็กซ์

          ถือเป็นหนังทำออกมาดีและแปลก เป็นเรื่องราวที่มีเงื่อนไขการวนลูปที่อยู่ในวันสิ้นปี ทำให้เห็นว่าสามารถทำอะไรได้หลากหลายขนาดไหนในชีวิต ให้ความรู้สึกตอบสนองความต้องการของคนเราที่อยากจะกลับไปแก้ไขสิ่งที่ผ่านมา ถ้าเป็นเรื่องที่ผิดพลาดใคร ๆ ก็คงอยากกลับไปแก้ไข แต่ในหนังขณะเดียวกันก็เหมือนก้ำกึ่งว่าได้หยุดเวลาด้วย ทำให้เนื้อเรื่องน่าสนใจ ตั้งแต่ช่วงแรกจนจบเรื่องเลย ถือเป็นบทภาพยนตร์ทำออกมาได้ดีกลมกล่อม แปลกแหวกแนวแต่ทุกอย่างมีการเชื่อมโยงกัน ส่วนนักแสดงทุกคนเล่นได้ดีเข้าขากันอย่างเป็นธรรมชาติ มิหนำซ้ำรับส่งกันได้เสมือนเป็นครอบครัวกันจริง ๆ แต่นางเอก จูเน่กลับทำจุดนี้ได้ไม่ค่อยดีเหมือนคนอื่น ไม่เชิงมีข้อให้ตำหนิเด่นชัด แต่สัมผัสหรือเห็นเลยว่าเคมีในการเข้าบทกับคนอื่น หรือการรับส่งไม่ใช่แค่กับพระเอกเท่านั้นแต่กับนักแสดงคนอื่นด้วยทำให้เล่นเข้าขากันน้อย  ส่วนงานภาพการถ่ายทำออกมาเนียนตา สามารถถ่ายให้เห็นมุมสวย ๆ เป็นภาพความทรงจำที่ดีได้เลย แต่ยกเว้น ฉากฝนตก รุ้งกินน้ำ ดูฝีมือถ่ายภาพไม่ค่อยละมุนตา หากแต่สถานที่ถ่ายทำทุกแห่งเห็นแล้วอยากตามไปเที่ยว อยากตามไปเช็กอินแบบตามรอยพระเอกหรือตามรอยหนัง ติดให้ ***

Related posts