สทน.จัดกิจกรรมกอด วิถีความเป็นไทย ตอนที่ 2
รุ่งเช้าที่ห้องอาหารริมแม่น้ำของโรงแรมเจ้าพระยาธาราริเวอร์ไซด์ ได้ต้อนรับสมาชิก สทน. ที่เดินทางมาพักที่นี่ อาหารเช้ากินกันอิ่มเราออกเดินทางมุ่งหน้าไปวัดเกริ่นกฐิน ไปไหว้สรีระสังขารของหลวงพ่่อเพี้ยน เกจิชื่อดังของลพบุรี ในวิหารสวยงามที่บุฝาผนังด้วยไม้สักสวยงาม. วัดเกริ่นกฐิน ยังมีเจดีย์ที่บรรจุพระบรมสารีริกธาตุที่ได้รับประทานมาจาก สมเด็จพระสังฆราช ยังมีหลายสิ่งหลายอย่าง ภายในวัดอีกมากมาย แม้หลวงพ่อเพึ้ยนจะมรณะไปแล้ว ความศรัทธาต่อท่านยังไม่เสื่อมสูญ เรากราบนมััสการเสร็จออกเดินทางไปยังชุมชนเกษตรพอเพียงแห่งลุ่มลำน้ำบางขาม บ้านสวนขวัญ ชุมชนมหาสอน เพื่อไปทานอาหารกลางวันที่นั่น แล้วไปทำความรู้จัก กับวิถีพอเพียง การทำเกษตรผสมผสานการ เรีบนรู้ การเลี้ยงกุ้งก้ามแดงในบ่อปูนซีเมนต์ การทำน้ำชีวภาพการสาธิตปลูกผักปลอดสารพิษ หลังจากทานอาหารกลางวัน กับอาหารพื้นถิ่น รสชาติอร่อย เราได้ไปเรียนรู้กับสิ่งที่เป็นวิถีชีวิตชุมชนในสมัยโบราณยังสืบทอดกันมาโดยเฉพาะการจักรสานหวายในรูปแบบกระเป๋าและตระกร้าของบ้านมหาสอน ช่างงดงาม วิจิตรตระการตา สนนราคาก็แพงตามผลิตภัณฑ์เครื่องหวายจักรสานที่มีไม่กี่แห่ง ซึ่งชุมชนแห่งนี้ยังคงอนุรักษ์ถ่ายทอดกันมาหลายชั่วอายุคน ซึ่งเป็นงานประณีตด้วยฝีมือจริง ได้แต่ชื่นชมไม่กล้าซื้อเพราะไม่รู้จะฝากใคร เราอยู่กันจนบ่ายๆ จึงต้องอำลาจากบ้านสวนขวัญ ของน้องขวัญ เจ้าของและอำลาชุมชนมหาสอน เราเดินทางเข้ามายังลพบุรี เพื่อแต่งชุดไทยไปร่วมงานแผ่นดินสมเด็จพระนาราบณ์มหาราช ณ พระราชวังนารายณ์ คืนนี้คนลพบุรีแต่งชุดไทยทุกคนเพื่อมาร่วมงาน
การเดินทางเข้าจังตัวจังหวัดลพบุรี ใช้เวลา นานพอสมควร ไปถึงโรงแรมเย็นมากให้ทุกคนเช็กอินน์เข้าพัก พร้อมเปลี่ยนชุดเครื่องแต่งตัวที่เตรียมมาเป็นชุดไทยทั้งชายและหญิง ซึ่งคนที่เตรียมชุดมาก็ใส่กันอย่างสวย งามวันนี้คนลพบุรีพร้อมใจกันใส่ชุดไทยมาร่วมงานเพราะเป็นธีมของานย้อนยุคไปในสมัยของสมเด็จพระนารายณ์ฯ ซึ่งคนจะมา เที่ยวงานพร้อมใจแต่งชุดไทยแล้วแต่ว่าใครจะชอบชุดไทยแบบไหน ร้านเสื้อผ้าแถวหน้า วังยังเปิดโอกาสให่เช่าชุดไทยกันทั้งนั้น
เราเดินทางเช้าไปร่วมงานในพระราชวังนารายณ์ คนแน่นมากถนนหน้าพระราชวังปิดเพื่อให้คนมาร่วมงานได้เดิน ตั้งแต่พระปรางค์ท่่าแขกจนถึงพระราชวัง สองช้างทางมีร้านค้าร้านอาหารสตรีทฟู้ดเยอะแยะให้เลือกซื้อหา สมาชิก สทน.จองโต๊ะจีนเอาไว้เพื่อชมการแสดงย้อนยุคเรื่องราวไปสู่อดีตกับประวัติศาสตร์ที่บางคนส่วนใหญ่ไม่ค่อยรู้ ในยุคแห่งความรุ่งเรืองมหามิตรจากหลากหลายประเทศเข้ามาเจริญสัมพันธไมตรีต่อสมเด็จพระนารายณ์มหาราช ซึ่งทรงสร้างวังนารายณ์ขึ้นเพื่อเป็นเมืองหลวงแห่งที่สอง ต่อจากกรุงศรีอยุธยา ความเจริญรุ่งเรืองกับความสงบ การค้าขายและการเดินทางไปเป็นมหามิตรกับต่างชาติ โดยผ่านฑูตต่างชาติ ในสมัยของสมเด็จพระนารายณ์ ได้แต่งตั้งให้คนต่าง ชาติเข้ามามีส่วนร่วมให้การบริหารประเทศ จากความรู้ความสามารถของคนต่างชาติ
เรามีโอกาสได้เรียนรู้ประวัติศาสตร์ผ่านการแสดง และได้รับรู้สิ่งใหม่ๆในอดีตนำมาเปิดเผยด้วยการแสดง จากนักแสดงมากมากมายล้นเวที สร้างความสนุกตื่นเต้นแม้จะไม่มีฉากรบเพราะอยู่ในช่วงสงบและการค้า ขายรุ่งเรือง. จึงได้รู้แสนยานุภาพของสมเด็จ พระนารายณ์มหาราชที่ยิ่งใหญ่เกรียงไกรจนได้รับขนานพระนามว่ามหาราช. ในช่วงที่พระองค์ท่านทร-ปกครองบ้านเมืองสู่ความเจริญสุดชีด การแสดงจบลงพวกเราทยอยมาที่จุดนัดหมายเพื่อขึ้นรถกลับโรงแรม คืนนี้พวกเราเหนื่อยอ่อนกัันพอสมควร พรุ่งนี้ยังมีภาระกิจที่จะต้องไปอีกหลายแห่ง เขื่อนป่าสัก ชลสิทธิ์ และ ชุมชนเหนือเขื่อนที่เราจะต้องไปเยือนเปิดแหล่งท่องเที่ยวแห่งใหม่ เป็นอีกงานหนึ่งที่ชาว สทน.จะต้องช่วยกัน.
