สวนสมเด็จย่าแห่งแรกที่ศรีสะเกษ
บนพื้นที่ 237 ไร่อาณาเขตติดต่อกับพื้นที่ของวิทยาลัยการเกษตรและเทคโนโลยีจังหวัดศรีสะเกษ กลายเป็นสวนสาธารณะขนาดใหญ่และเป็นแห่งแรกของประเทศไทยในนาม สวนสมเด็จย่า สร้างขึ้นในปี 2323 แล้วเปิดให้เป็นสวนสาธารณะเมื่อวันที่ 19 ธันวาคม 2524
สวนสมเด็จย่ามีสวนดอกไม้ สวนสัตว์และไม้พันธ์ุหายาก เช่นไม้พะยุง ถูกแบ่งจัดเก็บไว้ในสวนสมเด็จย่า เป็นแหล่งพักผ่อนหย่อนใจ ออกกำลังกายได้ทั้งวัน ความร่มรื่นด้วยแมกไม้นานาพันธ์ุ ทำให้สวนสมเด็จย่ามีเสน่ห์อย่างมาก โดยเฉพาะต้นดอกลำดวน ซึ่งมีในจังหวัดศรีสะเกษเป็นดอกไม้ประจำจังหวัด จะถูกรวบรวมปลูกเอาไว้ในสวนสมเด็จย่าเรียงรายตั้งแต่ประตูทางเข้ามาจนถึงข้างในสวน อึกฝั่งจะเป็นต้นลีลาวดีปลูกเอาไว้ริมสระน้ำ ทุกยามเย็นย่ำทางสวนจะเปิดน้ำพุให้ชมมีมวลดอกกล้วยไม้บนสะพานข้ามสระเข้าไปในสวน ทุกปีในช่วงเดือนมีนาคมจะจัดเทศกาลดอกลำดวนบานหอมกรุ่นกันไปทั้งสวนจะมีคนเดินมาชมดอกลำดวนในช่วงนั้นอย่างคับคั่ง กลายเป็นจุดขายของศรีสะเกษ
ห่างกันไม่ไกลแถวถนนบายพาสของตำบลหนอกครก อำเภอเมือง ซึ่งอยู่คนละฝั่งกับสวนสมเด็จย่าจะเป็นที่ตั้งของ ศูนย์แสดงพันธ์ุสัตวฺน้ำแห่งแรกในภาคพื้นอีสานใต้ ในพื้นที่กว้างขวาง มีหอคอยชมเมืองสูงตระหง่าน สามารถขึ้นไปชมวิวทิวทัศน์ 360 องศา บนหอคอยชมเมือง นอกจากจะเป็นบึงรับน้ำขนาดใหญ่มีศาลากลางน้ำ ใช้เพื่อจัดงานเทศกาลลอยกระทงทุกปึ และเป็นสวนสาธารณะอีกแห่งหนึ่งที่คนมาออกกำลังกาย ทึ่นี่ยังเป็นศูนย์การเรียนรู้อีกหลายอย่างเกี่ยวกับพันธ์ุสัตว์น้ำในศรีสะเกษอควาเรียม เป็นแหล่งท่องเที่ยวพักผ่อนหย่อนใจของชาวศรีสะเกษ ใครที่เดินทางเข้ามาในจังหวัดแห่งดินภูเขาไฟจะต้องพบกับหลายสิ่งหลายอย่างให้เรียนรู้ในเรื่องชนชาติพันธ์ุ 4 เหล่าที่แตกต่างกันมีทั้งลาว, เยอ, เขมร, กุย, อยู่ร่วมกันอย่างผสมกลมกลืนแหล่งท่องเที่ยวมากมายในศรีสะเกษ ผามออีแดง, น้ำตก, ปราสาท, และความรุ่งเรือง แม้ในอดีตศรีสะเกษจะเป็นจังหวัดที่ยากจน มีการกินดินเป็นวัฒนธรรม วันนี้ศรีสะเกษปลดแอกความยากจนก้าวสู่ความเป็นเมืองสำคัญทางประวัติศาสตร์ ที่ต้องเรียนรู้ต่อไปในอนาคตเราจะรู้ซึ้งว่าศรีสะเกษวันนี้น่าเที่ยวมากเพียงไรมากินทุเรียนภูเขาไฟกันสักครั้ง.