“พิพิธภัณฑ์บ้านดงโฮจิมินห์” จังหวัดพิจิตร
สัญลักษณ์แห่งมิตรภาพไทย – เวียดนาม เปิดเข้าชม 1 กันยายนนี้
แหล่งท่องเที่ยวเมืองรอง เพื่อการเรียนรู้ประวัติท้องถิ่นสู่ประวัติสากล
(จังหวัดพิจิตร – 1 กันยายน 2561) – พิพิธภัณฑ์บ้านดงโฮจิมินห์ ตำบลป่ามะคาบ จังหวัดพิจิตร สัญลักษณ์แห่งมิตรภาพไทย – เวียดนาม เป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์แบบชุมชนของตำบลป่ามะคาบ ได้เปิดให้นักท่องเที่ยวชาวไทยและต่างชาติ เข้าชมอย่างเป็นทางการ ในวันเสาร์ที่ 1 กันยายน โดยได้รับเกียรติจาก นายวีระศักดิ์ โควสุรัตน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เป็นประธานในพิธี รวมถึง นายเหวียน หาย บั๋ง (H.E Mr.Nguyen Hai Bang) เอกอัครราชทูตสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนามประจำประเทศไทย นายวีระศักดิ์ วิจิตร์แสงศรี ผู้ว่าราชการจังหวัดพิจิตร นายราเมศ พรหมเย็น ผู้อำนวยการสถาบันพิพิธภัณฑ์การเรียนรู้แห่งชาติ และ นายเฉลิม แพพ่วง นายกองค์การบริหารส่วนตำบลป่ามะคาบ ให้เกียรติเข้าร่วมงานเปิดตัวพร้อมเข้าชมพิพิธภัณฑ์บ้านดงโฮจิมินห์ ซึ่งเป็นตัวอย่างของพิพิธภัณฑ์การเรียนรู้แห่งชาติของไทย รวมถึงแสดงให้เห็นถึงการหล่อหลอมทางวัฒนธรรมอันแตกต่างร่วมกันของผู้คนในชุมชน และมิตรภาพอันดีของคนไทยที่มีต่อชาวเวียดนามตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันที่ผูกพันมายาวนานเกือบร้อยปี
นายวีระศักดิ์ โควสุรัตน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กล่าวถึงงานเปิดตัวในครั้งนี้ว่า “ในปีนี้ ทางกระทรวงฯ ได้ส่งเสริมและกระตุ้นการท่องเที่ยวในท้องถิ่นและเที่ยวเมืองรอง เพื่อเป็นการกระจายโอกาสไปยังพื้นที่และรายได้ให้กับคนท้องถิ่น ในแคมเปญ “Amazing Thailand Go Local : เที่ยวท้องถิ่นไทย ชุมชนเติบใหญ่ เมืองไทยเติบโต” ซึ่งจังหวัดพิจิตร เป็น 1 ใน 55 เมืองรองที่เป็นเป้าหมายของการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ดังนั้น พิพิธภัณฑ์บ้านดงโฮจิมินห์ จะช่วยส่งเสริมการพัฒนาเศรษฐกิจของไทย อันจะส่งผลในระยะยาวให้แก่คนในชุมชน ตำบลป่ามะคาบ แห่งนี้ รวมไปถึงประเทศไทยในภาพใหญ่ ให้เป็นที่รู้จักในฐานะแหล่งท่องเที่ยวในระดับท้องถิ่น และระดับประเทศ ซึ่งสอดคล้องกับนโยบายส่งเสริมการท่องเที่ยวไทยของกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา นอกจากนี้ที่นี่ยังเป็นการสนับสนุนการท่องเที่ยววิถีไทยในเชิงอนุรักษ์ รวมถึงเป็นสัญลักษณ์แห่งมิตรภาพของสองประเทศที่มีมานานอีกด้วย”
นายวีระศักดิ์ วิจิตร์แสงศรี ผู้ว่าราชการจังหวัดพิจิตร กล่าวถึงที่มาของพิพิธภัณฑ์ฯ ในครั้งนี้ว่า “สำหรับพิพิธภัณฑ์บ้านดงโฮจิมินห์ เกิดจากความร่วมมือระหว่าง จังหวัดพิจิตร องค์การบริหารส่วนตำบลป่ามะคาบสถาบันพิพิธภัณฑ์การเรียนรู้แห่งชาติสังกัดสำนักนายกรัฐมนตรี และ พิพิธภัณฑ์โฮจิมินห์ ฮานอย ประเทศสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม เราได้มีการปรับปรุง รวมไปถึงพัฒนาพื้นที่ในแหล่งชุมชนเพื่อรองรับนักท่องเที่ยวที่สนใจท่องเที่ยวแบบวิถีชุมชนในเชิงอนุรักษ์ ถึงแม้ว่าจะเป็นเพียงสถานที่เล็ก ๆ แต่ที่นี่กลับเต็มเปี่ยมไปด้วยเรื่องราวประวัติศาสตร์ไว้มากมาย รวมถึงบุคคลสำคัญของประเทศเวียดนามอย่าง ประธานโฮจิมินห์ หรือที่ชาวบ้านรู้จักกันดีในชื่อ เฒ่าจิ๋น ในฐานะครูและหมอยาสมุนไพร ซึ่งนักท่องเที่ยวรวมถึงเด็ก ๆ ในพื้นที่จะได้เรียนรู้ และสัมผัสกับพิพิธภัณฑ์ที่มีชีวิตและเรื่องราวของประธานโฮจิมินห์ บุคคลตัวอย่างของโลก ขณะที่อาศัยอยู่ในประเทศไทย เรามุ่งหวังให้ที่นี่เป็นสถานที่จุดประกายให้คนไทยได้รู้จักเมืองพิจิตรมากขึ้น นอกเหนือการเป็นเมืองที่มีวัดวาอารามอยู่มากมาย ตลอดจนให้เป็นที่รู้จักในฐานะศูนย์มิตรภาพไทยและเวียดนามแห่งใหญ่ในประเทศไทย”
นายราเมศ พรหมเย็น ผู้อำนวยการสถาบันพิพิธภัณฑ์การเรียนรู้แห่งชาติ กล่าวถึงความน่าสนใจภายในพิพิธภัณฑ์ฯ ว่า “พิพิธภัณฑ์บ้านดงโฮจิมินห์ เป็นอาคาร 2 ชั้น ตั้งอยู่บนพื้นที่กว่า 6,400 ตารางเมตร เดิมเป็นสุสานของชาวไทยเชื้อสายเวียดนาม ตั้งอยู่บริเวณใจกลางบ้านดง ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงบทบาทสำคัญและน้ำใจของประชาชนที่นี่ต่อประธานโฮจิมินห์ และชาวเวียดนามที่อพยพเข้ามาอาศัยที่บ้านดงเป็นที่แรก ซึ่งแบ่งการจัดแสดงออกเป็น 9 โซน ได้แก่ โซนสายสัมพันธ์ไทย – เวียดนาม โซนบ้านดงในอดีต โซนโฮจิมินห์ ผู้ปลดแอกเวียดนาม โซนภูมิศาสตร์บ้านดง จังหวัดพิจิตร โซนชุมชนบ้านดง โซนภารกิจลับที่บ้านดง โซนการเคลื่อนไหวในสยาม โซนบากบั่นปลดแอก โซนวีรบุรุษ
นอกจากนี้ยังมีบ้านจำลองของประธานโฮจิมินห์ โดยตั้งอยู่ด้านนอกอาคาร จัดแสดงเป็นบ้านยกพื้นสูง ภายในตัวบ้านมีรูปปั้นของประธานโฮจิมินห์ และหิ้งบูชา รวมถึงของใช้ส่วนตัวที่ท่านเคยใช้ เช่น ตู้ไม้ ตะเกียงน้ำมันเก่า ๆ เป็นต้น ซึ่งพิพิธภัณฑ์บ้านดงโฮจิมินห์แห่งนี้ เกิดขึ้นจากพลังแห่งศรัทธาและความมุ่งมั่นของทุกคนในชุมชนและหน่วยงานต่าง ๆ ที่ร่วมแรงร่วมใจทำออกมาให้สมบูรณ์แบบที่สุด”
พิพิธภัณฑ์บ้านดงโฮจิมินห์ ตำบลป่ามะคาบ อำเภอบ้านดง จังหวัดพิจิตร 66000 โทร.087-198-8699 เปิดทำการทุกวันอังคาร – อาทิตย์ เวลา 8.30 – 16.30 น. สามารถติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.bandonghochiminhmuseum.com