3 หน่วยงานรัฐผนึกกำลังจัดเสวนาครั้งสำคัญ
สร้างการรับรู้ช่วยเผยแพร่ข้อมูลการบริหารจัดการน้ำที่ถูกต้อง
16 ส.ค. 61 สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) กรมประชาสัมพันธ์ และมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ จัดเสวนา “สร้างรู้…สื่อสาร…ทิศทางการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำแห่งชาติ” หวังให้การเผยแพร่ข้อมูลการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำสู่ประชาชนอย่างมีเอกภาพ ถูกต้องและทันต่อสถานการณ์ การเสวนาครั้งนี้จัดขึ้นที่ ห้องประชุม 1 อาคารหอประชุม กรมประชาสัมพันธ์
โดยมีวัตถุประสงค์หลักเพื่อให้กลุ่มเป้าหมาย ซึ่งประกอบด้วย สื่อมวลชน บุคคลกรของภาครัฐ และสถาบันการศึกษาที่ทำหน้าที่ด้านการประชาสัมพันธ์ให้ได้รับทราบถึงแนวทางการบริหารจัดการน้ำของประเทศตามนโยบายของรัฐบาล ซึ่งได้มีการตั้งสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติมาทำหน้าที่เป็นหน่วยงานกลางในการจัดทำแผนยุทธศาสตร์น้ำ การจัดการน้ำในช่วงฤดูฝน
นายสมเกียรติ ประจำวงษ์ เลขาธิการ สทนช. เปิดเผยว่า การสร้างการรับรู้เรื่องการบริหารจัดการน้ำให้ทุกคนได้รับทราบเป็นเรื่องที่มีความสำคัญที่ต้องดำเนินการ เพราะหากประชาชนได้รับข้อมูลที่ถูกต้องก็จะสามารถรับมือได้ทันต่อสถานการณ์ ดังนั้นสื่อมวลชนและเจ้าหน้าที่ของรัฐเป็นกลไกที่สำคัญในการส่งต่อข้อมูลข่าวสารไปสู่สาธารณะ โดยมี สทนช.เป็นหน่วยงานหลักที่จะบูรณาการแผนงาน งบประมาณและการจัดการน้ำในภาวะวิกฤติ ซึ่งสอดคล้องกับผลการวิจัยที่ สทนช. ได้ร่วมกับวิทยาลัยพัฒนศาสตร์ ป๋วย อึ๊งภากรณ์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ จัดทำโครงการวิจัยเพื่อศึกษาวิเคราะห์บริบททางความคิดและทัศนคติของหน่วยงานภาครัฐเกี่ยวกับการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำแห่งชาติขึ้น โดยผลการศึกษาจากการเก็บข้อมูลเชิงปริมาณทั้งสิ้น 520 ราย จากหน่วยงานภาครัฐ ทั้งส่วนกลางและส่วนภูมิภาค ได้ข้อสรุปว่า การที่รัฐบาลจัดตั้ง สทนช. เพื่อเป็นหน่วยงานหลักในการบริหารทรัพยากรน้ำของประเทศทั้งระบบเป็นสิ่งที่เหมาะสม โดยกลุ่มตัวอย่างส่วนหนึ่งที่เป็นหน่วยงานภาครัฐในส่วนภูมิภาค เห็นว่า สทนช. ควรเป็นหน่วยงานที่มีบทบาทสำคัญในการส่งเสริมสนับสนุน การกำกับดูแลและเป็นที่ปรึกษาด้านนโยบายเกี่ยวกับการบริหารทรัพยาการน้ำ
นอกจากนี้ ผลการวิจัยดังกล่าวยังได้กล่าวถึงยุทธศาสตร์การบริหารจัดการทรัพยากรน้ำทั้ง 6 ด้านของรัฐบาล โดยเฉพาะในยุทธศาสตร์ที่ 6 ด้านการบริหารจัดการ สทนช .ควรเข้ามามีบทบาทสำคัญในการบริหารงานที่มีเอกภาพ มีองค์กร กฎหมายรองรับ เพื่อให้การขับเคลื่อนนโยบาย รวมทั้งการติดตามประเมินผลเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ โดย สทนช. จะต้องเป็นผู้กำกับดูแลและบังคับใช้กฎหมายมากที่สุด ทั้งในประเด็นการบริหารจัดการ การกำหนดทิศทาง การจัดทำแผน การจัดทำระบบฐานข้อมูล และให้การสนับสนุนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมากกว่า 50 หน่วยงาน ใน 3 ด้าน ได้แก่ ด้านข้อมูล ด้านองค์ความรู้และเทคโนโลยี และด้านการเชื่อมโยงการทำงานระหว่างหน่วยงาน
อย่างไรก็ตาม เพื่อให้การบริหารงานมีประสิทธิภาพ และบรรลุผลตามภารกิจ สทนช.จะต้องทำหน้าที่ในการผลักดันให้เกิดกฎหมาย หรือ พ.ร.บ. เพื่อใช้เป็นเครื่องมือในการบริหารและเป็นที่ยอมรับ รวมทั้ง ควรทำหน้าที่เน้นหนักในด้านการดูภาพรวมของนโยบายการบริหารทรัพยากรน้ำ และบูรณาการทำงานร่วมกันระหว่างหน่วยงาน เพื่อก่อให้เกิดความเป็นเอกภาพ เป็นหนึ่งเดียวของข้อมูลข่าวสารด้านทรัพยากรน้ำของประเทศ และไม่ก่อให้เกิดความวิตกกังวลเกี่ยวกับการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำของประเทศอีกด้วย