งานแถลงข่าวการลงนามบันทึกข้อตกลงความเข้าใจระหว่าง กรมศุลกากร แห่งสาธารณรัฐ เกาหลีใต้ และสถาบันระหว่างประเทศเพื่อการค้าและการพัฒนา (ITD)
เมื่อวันที่ 24 มกราคม 2562 กรมศุลกากรเกาหลีใต้ และสคพ. ได้ร่วมลงนามอย่างเป็นทางการในบันทึกความเข้าใจ (MOU) ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของความร่วมมือด้านวิชาการ ณ โรงแรม เดอะ สุโกศล กรุงเทพฯ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อพัฒนาเศรษฐกิจอย่างยั่งยืนในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ก่อให้เกิดและใช้ความพยายามเพื่อสร้างความร่วมมือระหว่างทั้งสององค์กรในส่วนที่เกี่ยวกับการค้าระหว่างประเทศ การลงทุนระหว่างประเทศ และความร่วมมือทางเศรษฐกิจเพื่อประโยชน์ร่วมกันของทั้งสองฝ่าย นอกจากนี้ ความร่วมมือดังกล่าวจะเชื่อมโยงองค์กรพัฒนาภูมิภาคอื่นๆ ในภูมิภาคที่มีบทบาทและภารกิจสอดคล้องกัน เช่น คณะกรรมการเศรษฐกิจและสังคมของเอเชียและแปซิฟิกแห่งสหประชาชาติ
พิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความเข้าใจอย่างเป็นทางการเริ่มต้นด้วยการกล่าวต้อนรับจาก ดร.ปิยะพร เอี่ยมฐิติวัฒน์ รักษาการผู้อำนวยการ สถาบันระหว่างประเทศเพื่อการค้าและการพัฒนา (ITD) ตามด้วยการกล่าวสุนทรพจน์ของ นายชาน-คี ลี อธิบดีกรมศุลกากรเกาหลีใต้ เกี่ยวกับแผนการในอนาคต และประโยชน์ที่ภูมิภาคจะได้รับภายใต้ความร่วมมือนี้ โดยมีนางสาวอรุณี พูลแก้ว รองปลัดกระทรวงพาณิชย์ เป็นประธานในพิธีลงนามฯ ซึ่งบันทึกความเข้าใจดังกล่าวลงนามโดยนายชาน-คี ลี อธิบดีกรมศุลกากรเกาหลี สำนักวางแผนและประสานงาน และดร.ปิยะพร เอี่ยมฐิติวัฒน์ รักษาการผู้อำนวยการ สถาบันระหว่างประเทศเพื่อการค้าและการพัฒนา (ITD) โดยมีนายฮุน คิม รองผู้อำนวยการกองความร่วมมือระหว่างประเทศของกรมศุลกากรเกาหลีใต้ และ นางสาวดวงทิพย์ โฉมปรางค์ ผู้อำนวยการสำนักความร่วมมือระหว่างประเทศของสถาบันระหว่างประเทศเพื่อการค้าและการพัฒนา เป็นพยาน
บันทึกความเข้าใจเป็นโอกาสอันดีสำหรับสคพ. ที่จะช่วยผลักดันประเทศ และภูมิภาคให้มีการใช้มาตรการเพื่อส่งเสริมนโยบายการค้าที่ไร้อุปสรรค ซึ่งเป็นกฎระเบียบใหม่ภายใต้ข้อตกลงว่าด้วยการอำนวยความสะดวกทางการค้าขององค์การการค้าโลก (WTO) ซึ่งมีผลบังคับใช้ในช่วงต้นปี พ.ศ.2560 ดร.ปิยะพร เอี่ยมฐิติวัฒน์ กล่าวถึงความสำคัญ และบทบาทเชิงกลยุทธ์ของการบริหารศุลกากรยุคใหม่ ในการส่งเสริมการค้าข้ามพรมแดนในศตวรรษที่ 21 ซึ่งในปัจจุบันบริบทของศุลกากรได้เปลี่ยนแปลงไปโดยมีมิติที่มากขึ้นกว่าเดิม สืบเนื่องมาจากเป้าหมายของสหประชาชาติในการพัฒนาที่ยั่งยืน อาทิ การส่งเสริมและยกระดับคุณภาพชีวิตของสังคม โดยการพัฒนาห่วงโซ่อุปทานที่มีประสิทธิภาพสูง (ลดขั้นตอน ลดเวลา) การพัฒนาอุตสาหกรรม 4.0 ส่งเสริมให้มีความมั่นคงด้านอาหารมากขึ้น และมิติอื่นๆ ภายใต้แนวทางเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน 17 ประการของสหประชาชาติ นอกจากนี้ ระบบการบริหารศุลกากรต้องมีความทันสมัยและพร้อมที่จะปรับเปลี่ยนตามระบบการค้าในรูปแบบใหม่ๆ เช่น การค้าในรูปแบบดิจิทัล หรือออนไลน์ที่เพิ่มขึ้น และผลกระทบจากเทคโนโลยี เช่น ปัญญาประดิษฐ์ที่ส่งผลกระทบอย่างรุนแรงในหลายๆด้านต่อสังคม ดังนั้น การพัฒนาระบบศุลกากรในยุคใหม่จะต้องสามารถสนับสนุนการค้าที่ไร้พรมแดน และไร้รอยต่อ รวมถึงเมื่อมีการนำเทคโนโลยีใหม่ๆมาใช้ประกอบในกระบวนการระบบศุลกากร สามารถเปิดโอกาสให้มีการหาแนวทางใหม่ๆเชิงนวัตกรรมมาแก้ไขปัญหาอย่างสร้างสรรค์ ซึ่งทั้งหมดนี้ เสมือนการปฏิรูประบบ และระเบียบศุลกากรให้เหมาะสมกับบริบทที่เปลี่ยนแปลง และพร้อมที่จะสนองต่อบทบาทใหม่ของศุลกากรในอนาคต
คุณลี อธิบดีกรมศุลกากรเกาหลีใต้ กล่าวว่ากรมศุลกากรเกาหลีใต้ มีนโยบายเฉพาะเพื่ออำนวยความสะดวกการค้าระหว่างประเทศ โดยใช้มาตรการเพื่อลดความซับซ้อนของขั้นตอนการค้า และกำจัดอุปสรรคที่ไม่จำเป็นที่ลดประสิทธิภาพของการเคลื่อนไหวสินค้าข้ามพรมแดน เป็นต้น
การลงนามในบันทึกข้อตกลงความเข้าใจกับสคพ. มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อกรมศุลกากรเกาหลีใต้ เนื่องจากสคพ.เป็นองค์กรภูมิภาคที่มีศักยภาพ และความรู้ด้านนโยบายการค้าระหว่างประเทศ โดยใช้งานวิจัย และการจัดอบรมในระดับภูมิภาคเป็นกลไกในการส่งเสริมการค้า และการพัฒนาที่ยั่งยืน กรมศุลกากรเกาหลีใต้ เล็งเห็นโอกาสที่จะสามารถบูรณาการ และต่อยอดความรู้ และประสบการณ์ ในทางวิชาการต่างๆ เช่น ความเชี่ยวชาญด้านการอำนวยความสะดวกทางการค้า เพื่อยกระดับความรู้ ในภูมิภาคจะเป็นพัฒนาการที่สำคัญ ซึ่งมีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมการเติบโตทางเศรษฐกิจในภูมิภาค เป็นปัจจัยสนับสนุนเป้าหมาย และความเชี่ยวชาญของกรมศุลกากรเกาหลีใต้ ตามข้อตกลงความร่วมมือฉบับนี้