ศูนย์การเรียนรู้ผ้าจก ลาวซี ลาวครั่ง
การเดินทางออกจากราชบุรีในยามเช้า อากาศสดชื่นในช่วงหน้าหนาว เราเดินทางไกลจากราชบุรีเข้าผ่านนครปฐมแล้วเดินทางสู่ถนนมาลัยแมนสายเก่าแก่ เพื่อมุ่งหน้าสู่สุพรรณบุรีดินแดนสวยงามความเขียวขจีของท้องทุ่งนาป่าเขา เพื่อไปยังศูนย์การเรียนรู้ ผ้าจก ลาวซี ลาวครั่ง ที่ หมู่ที่ 5 ตำบลป่าสะแก อำเภอเดิมบางนางบวช จังหวัดสุพรรณบุรี ไปดูผ้าจกที่ขึ้นชื่อลือชาและยังมีราคาค่อนข้างแพง เพราะผ้าจกของป่าสะแก ส่งเข้าประกวดได้รับรางวัลชนะเลิศมามากมาย โดยเฉพาะผ้าจกลาย“นกเทศหัสดิน” จนกลายเป็นเอกลักษณ์ของผ้าจกป่าสะแก
การเดินทางสู่หมู่บ้านนวัตวิถีป่าสะแก ในอดีตชุมชนถิ่นนี้คือชุมชนโจร ในยุคที่มีโจรมากมาย เสือดำจะอยู่ในชุมชนแห่งนี้ และมีอีกหลายเสือเช่นเสือฝ้าย เสือใบ เสือมเหศวร ล้วนแล้วแต่เป็นเสือร้ายในสมัยเมื่อหกสิบปีก่อน แต่วันนี้ทิ้งร่องรอยในอดีตเอาไว้ให้เล่าขานเป็นตำนานของป่าสะแก อำเภอเดิมบางนางบวช ป่าสะแกเป็นชุมชนนวัตวิถีที่น่าสนใจเกี่ยวกับลาวซีลาวครั่ง
ลาวซี ลาวครั่งถูกต้อนมาในสมัยกบถเจ้าอนุวงศ์จากประเทศลาว การกระจัดกระจายของชุมชนลาวซี ลาวครั่งแม้จะไปปักหลักตั้งถิ่นฐานที่ไหน การนำเอาผ้าจกติดตัวไปด้วย การทอผ้าในสมัยก่อนทอผ้าเพื่อใช้เอง การสร้างลวดลายบนผืนผ้านั้น สืบทอดการทอมารุ่นต่อรุ่น แล้วการพัฒนาลวดลายให้แตกแขนงบนผ้าจก จากคนรุ่นใหม่ นำลายใหม่สร้างสรรค์ขึ้นมาจนกลายเป็นเอกลักษณ์เฉพาะผ้าจกจากป่าสะแก มีเงินไม่สามารถซื้อลายผ้าที่อยากไปต้องใช้เวลาทอนานมาก ผ้าจกลายสวยๆจึงถูกจองหมดสิ้น มีเงินก็ซื้อไม่ได้ ต้องจองอย่างเดียว
นางสาวกาญจนลักษณ์ ภาเรือง คนรุ่นใหม่ได้พัฒนาฝีมือการทอผ้าจกของลาวซี ลาวครั่ง จนกระทั่งสร้างลายนกเทศหัสดินขึ้นมา ส่งประกวดได้รับรางวัลมากมาย และเป็นศูนย์กลางรวมผ้าจกจากชุมชนของตำบลป่าสะแกเอาไว้ที่นี่เพื่อสะดวกแก่นักท่องเที่ยวที่จะเดินทางเข้ามาศึกษาวิถีชีวิตและเป็นศูนย์การเรียนรู้ผ้าจกลาวซีลาวครั่ง ซึ่งอีกกลุ่มอยู่อำเภอบ้านไร่ จังหวัดอุุทัยธานี ผ้าจกที่นั่นก็สวยงามเป็นเอกลักษณ์
เราเดินทางกลับมาพักผ่อนที่ในตัวเมืองสุพรรณบุรี เพราะยังมีโปรแกรมที่จะไปเยือนวัดอีกหลายวัด คืนนั้นพักผ่อนด้วยความสบายๆ รุ่งเช้าหลังจากทานอาหารที่โรงแรมแล้ว การเดินทางสู่วัดหน่อพุทธางกูร ซึ่งห่างจากตัวเมือง 3 กิโลเมตร เพื่อไปชมโบสถ์เก่าแก่ ที่มีภาพวาดศิลปกรรมโบราณ เพราะวัดนี้ไม่มีที่มาในการก่อสร้างในสมัยใด เพียงแต่เล่ากันมาว่าเคยเป็นสำนักสงฆ์มาก่อนจะสร้างเป็นวัดขึ้นมา เป็นวัดที่น่าสนใจเข้าไปค้นหาเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ลอง แวะไปสัมผัสวิถีของวัดดูจะเรียนรู้ถึงความศัก สิทธิ์เข้าสู่จิตใจได้อย่างน่าอัศจรรย์ใจจริงๆ
ถนนสายนี้ ยังมีอีกหลายวัดเช่นวัดพระลอยเป็นอีกวัดหนึ่งที่มีความหลากหลาย มีพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์อยู่หลายองค์ มีคนปิดทองกันเยอะมากทุกวันจะมีศรัทธาสาธุชน เข้ามากราบสักการะพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ และยังมีพระราหูรวมทั้งมีตลาดวิถีชุมชน เปิดอยู่ภายในวัดมีสินค้าพื้นบ้านและสินค้าโอท้อปมากมาย ลองแวะเข้าไปสัมผัสดูจะรู้ว่าวัดพระลอยมีอะไรน่าดูเยอะ
เดินทางต่อมายังวัดพระมหาธาตุ วัดนี้คือต้นแบบของพระผงสุพรรณ วัดพระมหาธาตุเป็นวัดเก่าแก่ตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา จนมาถึงวันนี้ เรื่องราวที่เล่าขานเป็นตำนานมากมาย เราอำลาวัดพระมหาธาตุ เพื่อเดินทางกลับกรุงเทพฯแวะซื้อของฝากจากสุพรรณบุรี ขอขอบคุณการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ททท.สำนักงานภูมิภาคภาคกลาง ทีมงานประชาสัมพันธ์ที่ให้การต้อนรับใส่ใจดูแลตลอดเส้นทางนวัตวิถีเพื่อตามหาผ้าทอผ้าจกของชุมชนไทยยวน, ลาวซี ลาวครั่ง ที่เราได้พบได้เห็นได้เรียนรู้และทึ่งในสิ่งที่ได้พบเห็นบนเส้นทางสาวยาวที่เราก้าวไปสัมผัสนวัตวิถีขอบคุณเพื่อร่วมทางผู้มีน้ำใจงามทุกคน.