“เดวิด เอฟ” ให้กำเนิดฮีโร่ “Shazam! ชาแซม!”

“เดวิด เอฟ” ให้กำเนิดฮีโร่ “Shazam! ชาแซม!”

 

รู้หรือไม่! ว่าซูเปอร์ฮีโร่ที่ตอนนี้รู้จักกันในชื่อ ชาแซม ในร่างของหนุ่มน้อย บิลลี่ แบทสัน ปรากฎตัวครั้งแรกในหนังสือการ์ตูนปี 1940 เรื่อง Whiz Comics #2 ตีพิมพ์โดย Fawcett Comics ซึ่งเป็นหนังสือการ์ตูนซูเปอร์ฮีโร่เรื่องแรกที่ได้รับการดัดแปลงเป็นภาพยนตร์ และรู้หรือไม่ว่านักแสดง แซ็คคารี เลวี ที่มารับบท ซูเปอร์ฮีโร่ชาแซม ในภาพยนตร์เรื่องShazam! ชาแซม!”  ต้องใช้เวลาราว 20 นาที เพื่อสวมชุดซูเปอร์ฮีโร่ของเขา ไม่เพียงแค่นั้น เขายังต้องออกกำลังกาย 5-6 วันต่อสัปดาห์ และต้องไดเอทด้วยการคุมโปรตีน 35% ไขมัน 55% คาร์โบไฮเดรต 10% พร้อมด้วยการกินน้ำมันตับปลา 1 ช้อนโต๊ะเป็น “ของหวาน” อีกด้วย

 

1shzm-04238r

 

Shazam! ชาแซม! เป็นผลงานการกำกับของ เดวิด เอฟ. แซนด์เบิร์ก ร่วมด้วยทีมนักแสดง แอชเชอร์ แองเจล รับบท บิลลี่ แบทสัน และ มาร์ค สตรอง มารับบทวายร้าย ดร.แธดดีอุส ไซวาน่า, แจ็ค ดีแลน เกรเซอร์ รับบท เฟรดดี้ ฟรีแมน, เกรซ ฟุลตัน รับบท แมรี่, เฟธ เฮอร์แมน รับบท ดาร์ล่า, เอียน เชน รับบท ยูจีน, โจแวน อาร์แมนด์ รับบท เปโดร เป็นต้น

โดย เดวิด เอฟ แซนด์เบิร์ก (ผู้กำกับ) กล่าวถึงผลงานอย่าง Lights Out และ Annabelle: Creation ที่สร้างชื่อเสียงในฐานะผู้กำกับหนังสยองขวัญ ก่อนจะสนใจทำหนังซูเปอร์ฮีโร่ Shazam ว่า

“ก็เพราะว่าเป็นเรื่องราวความเป็นมาของชาแซมนี่แหละครับ เพราะนี่คือเรื่องราวที่สมบูรณ์แบบของซูเปอร์ฮีโร่ ในเรื่องนี้มีเด็กตัวเล็กๆ ที่มีโอกาสได้กลายมาเป็นซูเปอร์ฮีโร่วัยผู้ใหญ่ แค่นี้ก็เป็นแนวคิดที่สุดยอดแล้ว เพราะมันเป็นการบรรลุความปรารถนาขั้นสูงสุดที่เขาได้มีความสุขไปกับการค้นพบพลังของตัวเอง ผมเป็นแฟนหนังสือคอมิกมาตั้งแต่เด็กและผมอยากเป็นซูเปอร์แมน และนี่ก็เป็นเรื่องของเด็กคนหนึ่งที่ได้เป็นคล้ายๆ ซูเปอร์แมนเหมือนกัน สำหรับความแตกกต่างของหนังสยองขวัญกับซูเปอร์ฮีโร่ก็มีการเปลี่ยนแปลงอยู่บ้าง แต่ผมชอบหนังทุกแนวและผมเองก็คุ้นเคยดีกับหนังแนวอื่นๆ ด้วย ตัวอย่างเช่น หนังเรื่องนี้มีอารมณ์ขันสอดแทรกอยู่ตลอด และตัวผมเองก็พยายามสอดแทรกอารมณ์ขันลงไปในหนังเรื่องก่อนๆ ของผมเหมือนกัน นอกจากนี้การได้ทำงานในหนังที่มีสเกลใหญ่ขึ้นก็เป็นประสบการณ์ที่ดีครับ ทุกคนก็น่าจะเคยฝันอยากเป็นซูเปอร์ฮีโร่กันทั้งนั้นครับ แต่บิลลีเป็นเด็กที่ถูกรับมาเลี้ยง ดังนั้นคุณจะรู้สึกเห็นใจเขา เขาพยายามตามหาแม่ซึ่งเขาเชื่อว่ายังมีชีวิตอยู่ ในขณะที่คนอื่นๆ คิดว่าเขาถูกแม่ทิ้งไปแล้ว แต่เขาก็ยังคงมีความหวังและพยายามค้นหาครอบครัวของตัวเอง ส่วนคำถามทำไมแซ็คจึงเหมาะกับบทชาแซม เพราะแซ็คก็คิดว่าตัวเองเป็นเด็กโข่งครับ! [หัวเราะ] เราตั้งใจค้นหาคนที่เหมาะสมกับบทนี้อย่างจริงจัง และอยากให้ทุกคนเข้ามาทดสอบบท บทนี้น่าสนใจเพราะเราจะต้องให้ผู้ใหญ่มาเล่นเป็นเด็ก ผมว่ามีหลายคนเข้าใจผิดว่าเวลารับบทเป็นเด็ก คุณจะต้องลดไอคิวให้ต่ำลง แต่แซ็คไม่ทำแบบนั้น เขาเพิ่มความอยากรู้อยากเห็นและความกระตือรือร้นลงไปมากกว่า และแซคกับแอชเชอร์มีหน้าตาคล้ายกันอยู่แล้วครับ แต่เราต้องหารายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ ที่จะให้สองคนนี้แสดงเหมือนกันด้วย ที่จริงก็ค่อนข้างท้าทายเพราะตอนคนดูได้เห็นบิลลีเป็นครั้งแรก เขาไม่ใช่เด็กที่มีความสุขนัก แต่พอเขากลายเป็นชาแซม เขากลับมีความสุขมาก เขาเป็นตัวละครที่มีความเปลี่ยนแปลง ดังนั้น เราจึงต้องพยายามหารายละเอียดบางช่วงบางตอนเพื่อมาถมช่องว่างนั้น สำหรับการได้จินตนาการภาพเพื่อถ่ายทอดเรื่องราวออกมาสนุก เป็นเรื่องสนุกที่ได้ทำงานในสเกลที่ใหญ่ขึ้น เพราะในหนังแบบนี้คุณแทบจะจินตนาการอะไรขึ้นมาก็ได้ แล้วก็สามารถทำให้มันกลายมาเป็นความจริง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อสภาพแวดล้อมสร้างขึ้นด้วยซีจีทั้งหมด แม้กระทั่งการวางกล้องเวลาที่คุณมีนักแสดงเพียงคนเดียวอยู่ในพื้นที่นั้นซึ่งหมายถึง ว่าทุกสิ่งที่เหลือขึ้นอยู่กับจินตนาการ ดังนั้น ผมจึงพยายามคิดหาอะไรที่มันดูเข้าท่า จากนั้นก็มอบความไว้วางใจให้ทีมงานวิชวลเอฟเฟ็กต์สร้างสภาพแวดล้อมนั้นขึ้นมาระหว่างกระบวนการตัดต่อ แต่โชคดีที่การถ่ายทำส่วนใหญ่เกิดขึ้นในสถานที่จริงหรือในฉากที่เราสร้างขึ้น เพราะฉะนั้นส่วนใหญ่แล้วจึงมีแค่ฉากการเหาะครับที่ต้องอาศัยบลูสกรีน นอกจากนี้เราสร้างฉากจริงขนาดใหญ่หลายฉากครับ อย่างเช่น ฉาก The Rock of Eternity ฉากงานคาร์นิวัล ฉากบ้านสงเคราะห์ และแม้กระทั่งฉากร้านขายของเล่นในศูนย์การค้า เรื่องราวของเราเกิดขึ้นในฟิลาเดลเฟีย ซึ่งการจำลองเมืองนี้ก็เป็นเรื่องน่าสนุกทีเดียว ผมคิดว่าทุกสิ่งมาประกอบกันในรูปแบบที่แตกต่างไปจากหนัง DC เรื่องอื่นๆ แน่นอนว่าต้องมีฉากที่ตัวละครเหาะไปมา ผมได้ทดสอบการบินมาด้วยตัวเอง เพราะผมอยากลองสัมผัสประสบการณ์เดียวกันกับที่นักแสดงจะต้องเจอ ผมอยากให้ผู้ชมได้รับประสบการณ์ที่สนุกในทุกๆ แง่ครับ ไม่ใช่เพียงเพราะว่ามันตลก แต่ยังเป็นประสบการณ์ของการดูหนังสนุกๆ แบบสมัยก่อนด้วย เป้าหมายของผมคือให้หนังเรื่องนี้มีบรรยากาศแบบหนังยุค 80 อย่างเช่น The Goonies หรือ Back to the Future ซึ่งผมคิดว่าเราทำได้ค่อนข้างใกล้เคียงเลย แม้กระทั่งคนที่ได้ดูตัวอย่างหนังก็ยังพูดว่า “อืม มันดูคล้ายๆ หนังของจอห์น ฮิวส์หรืออะไรเทือกนั้นเลย” สำหรับผม นั่นถือว่าเป็นความสำเร็จแล้วครับ!!”

 

1shzm-04741rv2

 

ด้าน แอชเชอร์ เอนเจิล เล่าถึงการรับบท บิลลี แบตสัน ว่า

       “มีเรื่องราวเยอะแยะในชีวิตของเด็กคนนี้ครับ บิลลีไม่ได้อยู่กับแม่ เพราะฉะนั้นเขาจึงเป็นเด็กข้างถนน ใช้ชีวิตอยู่โดดเดี่ยว ไม่มีครอบครัว เขาอยู่ตามลำพังบนโลกใบนี้ แล้วเขาก็ได้พบว่าตัวเองสามารถใช้พลังพิเศษอันน่าทึ่งได้ด้วยการพูดแค่คำว่า “ชาแซม!” มันเปลี่ยนให้เขากลายเป็นซูเปอร์ฮีโร่วัยผู้ใหญ่ และผมมองว่าไม่ว่ากับใครก็ตาม เหตุการณ์แบบนี้จะต้องเปลี่ยนแปลงคุณและส่งผลต่อความคิดจิตใจของคุณ แล้วคุณก็ต้องตัดสินใจด้วยว่าจะทำอย่างไรกับพลังพิเศษนี้ จะเป็นคนดีหรือเป็นคนเลว จะทำอะไรต่อไป พอเขาหายตกใจเรื่องที่ตัวเองมีพลังพิเศษและกลายเป็นผู้ใหญ่ซึ่งเป็นเรื่องที่เพี้ยนสุดๆ เขาก็เริ่มมาคิดหาหนทางกับเฟรดดี เฟรดดีเป็นเหมือนผู้จัดการส่วนตัวให้เขา และทั้งคู่ก็ต้องมาหาวิธีควบคุมพลังนี้ด้วยกัน เรื่องนี้เข้าถึงได้ตรงที่บิลลีได้พบครอบครัวและเขาคงไม่นึกมาก่อน ว่าครอบครัวนั้นก็คือเด็กๆ ที่เขาได้พบในบ้านเด็กกำพร้านั่นเอง สำหรับกับแซคคารี ในการรับบทเป็นตัวละครเดียวกันนั้น เราไม่ค่อยมีเวลามากนักเพราะผมไปถ่ายทำซีรีส์อีกเรื่องหนึ่งอยู่ครับ รู้สึกว่าเรามีเวลาอยู่สองวันเพื่อหาวิธีการ ผมอัดเทปตัวเองส่งไปให้เขา แล้วเขาก็อัดเทปตัวเองส่งมาให้ผม คือเรามีลักษณะท่าทางและการแสดงสีหน้าคล้ายกันอยู่แล้ว แต่เราก็ต้องเลือกวิธีการทำหน้าทำตาที่เราทั้งคู่จะทำเหมือนกันด้วย แต่หลักๆ แล้วเราต้องเชื่อมั่นในตัวอีกฝ่ายหนึ่งและเชื่อมั่นในตัวเดวิดด้วยครับ ส่วนความรู้สึกที่ได้เป็นส่วนหนึ่งในจักรวาลซูเปอร์ฮีโร่ของ DC อย่างเป็นทางการ น่าเหลือเชื่อครับ เป็นโอกาสครั้งหนึ่งในชีวิตเลย ผมใฝ่ฝันที่ได้จะเข้าไปในโรงหนังแล้วดูตัวอย่างหนังหรือดูหนังเรื่องนี้ ผมบอกไม่ถูกเลยว่ารู้สึกอย่างไรตอนที่ได้เห็นเป็นครั้งแรก มันน่าตื่นเต้นมาก ผมยังไม่อยากเชื่อสายตาตัวเองเลย”

 

1shzm-07187r

 

และ แซ็คคารี เลวี กล่าวถึงการรับบทซูเปอร์ฮีโร่ ชาแซม ว่า

“ตัวละครในเรื่องนี้ได้ทำตามความใฝ่ฝันแบบเดียวกับที่ผมใฝ่ฝันในชีวิตเลยครับ เป็นเรื่องที่น่าเหลือเชื่อจริงๆ น่าเหลือเชื่อที่ผมหลงใหลคลั่งไคล้ซูเปอร์ฮีโร่ คอมิก และวิดีโอเกมมานาน ผมใฝ่ฝันมาตลอดว่า “บางทีเราน่าจะมีโอกาสได้เล่นเป็นซูเปอร์ฮีโร่ตัวจริงสักวันหนึ่ง” แล้วพออายุ 37 ผมก็เริ่มคิดว่า“ไม่รู้สิ เราอาจพลาดโอกาสไปแล้วก็ได้” แล้วจู่ๆ ก็ได้มาเล่นเรื่องนี้ ตลอดหลายปีที่ผ่านมามีบทอยู่สองสามบทที่ผมหวังว่าจะได้ไปทดสอบบท หรือผมเกือบจะได้บทแล้วแต่ก็พลาดไป แต่สุดท้ายผมก็ได้มารับบทนี้และต้องเล่นเป็นเด็กอายุ 14  ในร่างผู้ใหญ่ แน่ล่ะครับว่าผมจะไม่ยอมแลกบทนี้กับอะไรทั้งนั้น ผมรู้สึกว่าโชคชะตากำหนดให้ผมมารับบทนี้ เพราะผมเองก็เป็นพวกเด็กในร่างผู้ใหญ่เหมือนกันในหลายๆ แง่ [หัวเราะ] เพราะฉะนั้นบทนี้จึงดีมากเลยสำหรับผม เหมือนฝันที่เป็นจริงเลย และเขามีพลังเจ๋งๆ เพียบเลยครับ! มีอะไรสนุกๆ หลายอย่างซึ่งเราจะต้องเพิ่มวิชวลเอฟเฟ็กต์เข้าไปภายหลัง แต่แค่ได้จินตนาการภาพฉากนั้นในขณะที่แสดงอยู่ก็สนุกมากแล้วครับ การทำงานกับแอชเชอร์ เอนเจิล ส่วนใหญ่แล้วเป็นการทำงานกับเดวิดครับ เพราะแอชเชอร์ยังถ่ายทำซีรีส์ทีวีอยู่เลยตอนที่เราเริ่มถ่ายทำหนังเรื่องนี้ เพราะฉะนั้นผมกับแอชจึงมีเวลาได้เจอกันสองสามวัน ไปหาอะไรกินกัน ทำความรู้จักกัน และได้ซ้อมบทร่วมกับเดวิดอยู่บ้าง จากนั้นเขาก็ต้องไปถ่ายซีรีส์ทีวี ส่วนผมก็มาถ่ายหนัง หลังจากนั้นเราก็ไม่ได้อยู่ในกองถ่ายพร้อมกันเลย ดังนั้นคุณต้องเชื่อมั่นในตัวผู้กำกับ ว่าจะคอยเชื่อมประสานให้ทุกอย่างสอดคล้องกันได้ แต่นั่นก็เป็นสิ่งที่คุณต้องทำร่วมกับผู้กำกับอยู่แล้ว เพราะผู้กำกับเป็นคนที่มองเห็นองค์ประกอบทั้งหมดของงาน เราแค่เข้าไปช่วยทำงานส่วนของเราในจุดที่กำหนด และแอชเชอร์ก็เป็นเด็กที่เก่งมาก แจ็คก็เช่นเดียวกัน ผมยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้ทำงานร่วมกับเด็กที่มีความสามารถและมีพรสวรรค์อย่างแท้จริง รวมถึงมีครอบครัวที่น่ารักด้วย นับเป็นโชคดีอย่างยิ่งเลยครับ สำหรับการฝึกซ้อมเพื่อเล่นคิวบู๊ ผมขอบคุณมากเลยที่ไม่มีทีมงานของ Warner Bros., DC หรือ New Line มาบอกว่าคุณต้องฟิตหุ่นให้ได้แบบนั้นแบบนี้นะ ทีมงานแค่อยากให้แน่ใจว่าผมพร้อมที่จะทำสิ่งต่างๆ ที่ทีมงานต้องการให้ทำ ซึ่งผมก็จะบอกว่า “ใช่เลย ผมก็ว่าอย่างนั้นเหมือนกัน” แต่ผมเองก็อยากจะให้ตัวเองดูสมบทบาทเพื่อเสริมสร้างความมั่นใจและช่วยให้ผมได้ซึมซับประสบการณ์อย่างเต็มที่ในฐานะนักแสดงที่มาสวมบทบาทเป็นตัวละครตัวนี้ ผมอยากให้ตัวเองได้ปรับเปลี่ยนสภาพร่างกายด้วยเหมือนกัน เพราะฉะนั้นผมจึงไปฟิตร่างกายสัปดาห์ละหกวันตลอดหนึ่งปีที่ผ่านมาหรืออาจนานกว่านั้นด้วยซ้ำ น่าจะราว 14 เดือนได้ครับ นอกจากนี้ ผมต้องกินอาหารให้ได้หลายต่อหลายพันแคลอรีในแต่ละวัน ส่วนนั้นน่าจะยากที่สุด เรื่องการไปโรงยิมนั้นเป็นส่วนที่ผมชอบและผมก็ตั้งตารอที่จะได้ไปโรงยิมทุกๆ วัน ผมรู้สึกได้ว่ามันช่วยให้คุณมีสุขภาพดี ซึ่งรวมไปถึงสุขภาพจิตด้วย ผมรู้สึกว่าตัวเองแข็งแรงและสุขภาพดีมากกว่าที่เคยเป็นมาในชีวิตนี้ ผมยกน้ำหนักเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ และร่างกายก็มีความฟิตมากขึ้นเรื่อยๆ ด้วย การไปโรงยิมช่วยให้ร่างกายเราหลั่งสารเอ็นดอร์ฟินซึ่งช่วยให้เราหัวโล่งและจิตใจปลอดโปร่ง การเปลี่ยนแปลงสภาพร่างกายโดยรวมนั้นให้ความรู้สึกที่สุดยอดและผมก็ยังคงออกกำลังต่อไปเรื่อยๆ ตอนนี้ผมน่าจะหนักราว 220 ปอนด์ ขณะที่ตอนเริ่มต้นผมหนัก 200 ปอนด์ เพราะฉะนั้นผมจึงมีน้ำหนักเพิ่มขึ้นมาราว 20 ปอนด์ ลึกๆ แล้วผมแอบคิดว่าถ้ามีงานที่เขาจ้างผมให้ฟิตร่างกายให้แข็งแรงที่สุดในชีวิตแล้วจ่ายเงินให้ก็คงจะดีสินะ! สำหรับชาแซม ผมอยากให้คนดูทุกคนออกจากโรงไปพร้อมความรู้สึกเบิกบานใจ ผมอยากให้พวกเขาเดินออกจากโรงไปโดยคิดว่า “หนังเรื่องนี้สนุกมาก ทำดีมาก แล้วก็เป็นหนังที่ดี ไม่สิ เป็นหนังที่สุดยอดไปเลย” แต่จากมุมมองของแฟนคนหนึ่ง ผมก็อยากให้แฟนๆ ทุกคนได้รู้สึกว่าเราคำนึงถึงและเคารพความรู้สึกของแฟนๆ เวลาที่เรานำเอาตัวงานดั้งเดิมมาใช้และเราก็ให้เกียรติงานดั้งเดิมเหล่านั้น มันอาจทำได้ยาก และผมก็ได้พูดคุยทางสื่อออนไลน์กับแฟนๆ บางคนในประเด็นนี้เหมือนกัน ตัวละครตัวนี้มีมานานแล้วและได้รับการนำมาทำใหม่ให้แตกต่างกันไปหลากหลายรูปแบบ มีแฟนรุ่นเก่าที่ชื่นชอบตัวละครซึ่งแตกต่างจากชาแซมในยุคปัจจุบัน สมัยก่อนบิลลีจะพูดว่า “ชาแซม!” แล้วแปลงร่างเป็นผู้ใหญ่ไปเลย เขาไม่ใช่แค่เด็กที่แฝงอยู่ในตัวชาแซม สติปัญญาของโซโลมอนจะยึดครองร่างนั้นและเขาก็จะพูดแบบผู้ใหญ่ เดินแบบผู้ใหญ่ และกลายเป็นผู้ใหญ่ไปเลย สำหรับผม ตัวละครมีความน่าสนใจและมีแรงขับเคลื่อนมากกว่าเวลาที่เขายังมีความเป็นเด็กอยู่ภายใน และแน่นอนว่าเป็นการรับบทบาทที่สนุกมากด้วย ดังนั้นเราจึงหวังว่าจะสามารถเรียกแฟนๆ หลายรุ่นมาดูผลงานที่เราสร้างขึ้น และหวังว่าพวกเขาจะบอกว่า “เอาจริงๆ นะ ไม่ว่าจะยังไงก็ตาม ทีมงานได้พยายามทำให้ตรงใจพวกเราเท่าที่ทำได้ เพราะทีมงานใส่ใจแฟนๆ และใส่ใจเนื้อหาหลักของตัวละครตัวนี้”  ในฐานะที่เป็นแฟนของผลงานคอมิกเรื่องต่างๆ หรือจักรวาลต่างๆ มากมาย เวลาผมไปดูหนังแล้วเห็นว่าคนทำหนังไม่ได้สนใจต้นฉบับดั้งเดิม ผมเองก็จะรู้สึกว่าคนทำไม่เคารพความรู้สึกของแฟนๆ ดังนั้นผมจึงหวังว่าแฟนๆ จะเดินออกจากโรงพร้อมกับคิดว่า“พวกเขาตั้งใจทำงานกันตัวเป็นเกลียวเพื่อให้หนังเรื่องนี้ยังคงรักษาแก่นแท้ของตัวละครที่เราทุกคนชอบและหลงรัก” เพราะเราทำอย่างนั้นกันจริงๆ ครับ”

4 เมษายนนี้ พบซูเปอร์ฮีโร่ ที่จะทำให้คุณรักและจดจำเขาShazam! ชาแซม!” ในโรงภาพยนตร์

 

1shzm-11351r     1shzm-16021r

 

Related posts