สนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต สังเวียนความเร็วระดับโลกของไทย พร้อมเต็มร้อยรองรับศึกมอเตอร์สปอร์ตระดับตำนานของญี่ปุ่น “ช้าง ซูเปอร์จีที เรซ 2019” ขณะสหพันธ์ยานยนต์นานาชาติ (เอฟไอเอ) ตรวจแทร็กผ่านฉลุย ด้านรถแข่งซูเปอร์คาร์ชั้นนำโลกกว่า 39 คัน เข้าเซ็ตอัพเรียบร้อย ฝ่ายจัดการแข่งขัน เผยอัดกิจกรรมแน่น เอาใจแฟนมอเตอร์สปอร์ตทั้ง “ไทย” และ “ญี่ปุ่น”
ศึกรถยนต์ทางเรียบระดับตำนานจากประเทศญี่ปุ่น ซูเปอร์ จีที 2019 มีคิวดวลความเร็ว สนาม 4 วันที่ 29-30 มิ.ย.นี้ ที่ สนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต จ.บุรีรัมย์ ภายใต้ชื่อรายการ “ช้าง ซูเปอร์จีที เรซ 2019” นับเป็นสนามเดียวที่แข่งขันนอกญี่ปุ่น และเป็นปีที่ 6 ติดต่อกัน ที่ดวลความมันส์ในไทย
ล่าสุดสุดยอดทีมแข่งทั่วโลกได้เดินทางถึง สนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต พร้อมกับเคลื่อนย้ายรถแข่งซูเปอร์คาร์สุดล้ำทั้งสิ้น 39 คัน เพื่อเข้าเซ็ตอัพตามพิตตัวเองอย่างเรียบร้อย
ขณะเดียวกัน สหพันธ์ยานยนต์นานาชาติ หรือ เอฟไอเอ ได้ส่งคณะตัวแทนตรวจความเรียบร้อยของสภาพแทร็ก เพื่อมาตรฐานสูงสุดสำหรับการแข่งขัน ที่เน้นความปลอดภัยเป็นหลัก โดยมีเจ้าหน้าที่ สนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต เข้ารับการชี้แจงอย่างใกล้ชิด ปรากฏว่าสภาพแทร็กผ่านมาตรฐาน อย่างไร้ปัญหา พร้อมรองรับการแข่งขัน “ช้าง ซูเปอร์จีที เรซ 2019” สุดสัปดาห์นี้ร้อยเปอร์เซ็นต์
นายตนัยศิริ ชาญวิทยารมณ์ กรรมการผู้อำนวยการ สนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต เปิดเผยว่า “วันนี้เจ้าหน้าที่จาก เอฟไอเอ นำคณะลงตรวจความเรียบร้อยของแทร็ก ตามมาตรฐานการแข่งขันรถยนต์ทางเรียบทั่วโลก เพื่อให้การแข่งขันมีความปลอดภัยสูงสุดสำหรับนักขับ โดยหลังจากลงตรวจสอบแทร็กโดยละเอียดก็ไม่มีปัญหาอะไร น่ากังวล แทร็กของเราพร้อมเต็มร้อยสำหรับ ช้าง ซูเปอร์จีที เรซ ปีที่ 6”
นายตนัยศิริ กล่าวถึงสีสันการแข่งขันว่า “ปีนี้ ซูเปอร์จีที มีความคึกคักมากขึ้นเป็นพิเศษ เพราะเป็นปีที่พวกเขาต้องเตรียมตัว เพื่อขยับกฎการแข่งขันให้เข้ากับ ดีทีเอ็ม จากเยอรมนี ทำให้ทุกๆ สนามมีความเข้มข้นขึ้นอย่างมาก ล่าสุดรถแข่งทั้ง 39 คัน ทั้งในรุ่น จีที 500 และจีที300 ก็ถูกเคลื่อนย้ายเข้าพิต เพื่อประกอบและเซ็ตอัพครบทุกคน เรียกว่าสร้างความคึกคักให้กับสนาม และ จ.บุรีรัมย์ เป็นพิเศษจากจำนวนทีมงานของ จีทีเอ, ทีมแข่ง และแฟนๆ จากญี่ปุ่นที่เดินทางมาชมการแข่งขัน”
ด้านกิจกรรมที่จะมาเติมเต็ม ความมันส์แบบมอเตอร์สปอร์ตใน “ช้าง ซูเปอร์จีที เรซ 2019” นายตนัยศิริ กล่าวว่า ปีนี้ไฮไลต์หลักๆ ของกิจกรรมในแทร็กจ จะยังคงความสนุก และตื่นตาตื่นใจเหมือนเดิม เริ่มจาก พิตวอล์ค และกริดวอล์ค เปิดโอกาสให้แฟนๆ ได้สัมผัสนักขับระดับโลก อย่างใกล้ชิดแล้ว ยังมีเรซควีนน่ารักๆ ส่งตรงมาจากญี่ปุ่น และยังมีเซอร์กิต ซาฟารี กิจกรรมที่ให้แฟนๆ นั่งบนรสบัสขับในแทร็ก พร้อมกับรถแข่งจีที500 และจีที300 ที่สร้างความเร้าใจมา 5 ปีติดต่อกัน
นอกจากนี้มีเทศกาลวัฒนธรรม “ช้าง ไทย-เจแปนีส สตรีท เฟสติวัล” รวมเอา 2 วัฒนธรรมอย่างงานวัดไทย และตลาดนัดญี่ปุ่นมาไว้ในงานเดียว โดยมีไฮไลต์อยู่ที่ สตรีทฟู้ด สุดหลากหลาย พร้อมขบวน Food Truck, เกมงานวัด, โชว์รถแต่งสไตล์ญี่ปุ่น, เปิดท้ายขายของแต่งรถ Car Swap Meeting และรถแห่ King of ซาวด์ซิ่งสุดอลังการ “ช. ช้าง มิวสิค ชัยภูมิ” ผู้ชนะจากรายการ est Castle 12 ซาวด์ซิ่ง Contest
สำหรับรายการนี้มีจุดเด่นอยู่ที่การรวบรวมสุดยอดรถแข่งระดับโลก ซึ่งเต็มไปด้วยเทคโนโลยีสุดล้ำ รุ่นจีที500 เป็นคลาสสูงสุดที่มีรถแข่ง ที่สร้างขึ้นด้วยเทคโนโลยีสูงสุดของค่ายผู้ผลิต
นอกจากยอดนักขับชั้นนำของญี่ปุ่นแล้ว ยังมีชื่อนักขับซูเปอร์สตาร์ระดับโลกหลายคน แข่งขัน อาทิ เจนสัน บัตตัน อดีตแชมป์โลกฟอร์มูล่าวัน ชาวอังกฤษ, เฮคกิ โควาไลเนน อดีตนักขับเอฟวัน ชาวฟินแลนด์ รวมถึง คาซูกิ นากาจิม่า อดีตนักขับรถสูตรหนึ่งชาวญี่ปุ่น
ส่วนรุ่น จีที300เป็นการรวมรถแข่งซูเปอร์คาร์ชั้นนำโลกแทบทุกแบรนด์ไว้ด้วยกัน โดยทีมแข่งไทยหนึ่งเดียวอย่าง แพนเธอร์ อาร์โต้ ทีม ไทยแลนด์ ที่ลงแข่งขันแบบเต็มฤดูกาลเป็นปีที่ 3 ติดต่อกัน มีความเปลี่ยนแปลงที่ดีในทีมอย่างมาก ทั้งรถแข่งที่พัฒนาขึ้นอย่างต่อเนื่อง และการใช้บริการนักขับฝีมือดีอย่าง ณัฐพงษ์ ห่อทองคำ ที่มีประสบการณ์สูงกับรายการชิงแชมป์ประเทศไทยและซูเปอร์จีที จับคู่กับทีมเมทลูกครึ่ง สก็อตติช-เบลเจี้ยน อย่าง ฌอง วัลกินชอว์ ที่สร้างผลงานอย่างโดดเด่นในระดับนานาชาติ