เที่ยวทั่วไทยไปกับพี่หนุ่ม-สุทน ตามเส้นทางของการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยสำนักงานพระนครศรีอยุธยา  จาก อ.พระนครศรีอยุธยาถึง อ.ผักไห่ จ.พระนครศรีอยุธยา

เที่ยวทั่วไทยไปกับพี่หนุ่ม-สุทน ตามเส้นทางของการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยสำนักงานพระนครศรีอยุธยา  จาก อ.พระนครศรีอยุธยาถึง อ.ผักไห่ จ.พระนครศรีอยุธยา

ตามที่การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยสำนักงานพระนครศรีอยุธยา ได้นำคณะสื่อมวลชนชมรมนักข่าวท่องเที่ยวออนไลน์ เดินทางไปทำข่าววันอาสาฬหบูชาตรงกับวันอังคารที่ 16 กรกฎาคม 2562 เพื่อเก็บข้อมูลการแห่เทียนพรรษาในคลองลาดชะโด อ.ผักไห่ ด้วยบรรยากาศแห่เทียนพรรษาทางน้ำ วิถีชาวคลองลาดชะโด แห่งเดียวในประเทศไทย สุดยอดยิ่งหาชมไม่ได้ ต้องรอปีหน้าครับ

คณะสื่อมวลชนเริ่มออกเดินทางจากการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานใหญ่ ถนนเพชรบุรีตัดใหม่ กรุงเทพฯเวลา 07.30 น. ถึงร้านกาแฟสด NATURL COFFEE @BISTRO และมีอาหารเช้าด้วย ถูกใจพี่หนุ่ม-สุทน  ฟินๆ ตามภาษาวัยรุ่น แต่อมยิ้มในใจดีจุงเบย? ต้องแบบนี้ซิ  สำคัญสุดมีกาแฟสดออกรสชาติและอาหารเช้าถูกใจแต้ๆ ภาษาเหนือกันสักนิดนะ และชาวสื่อมวลชนก็สั่งอาหารตามใจชอบ คือข้าวต้มกุ้ง ข้าวต้มหมูรสชาติอร่อยกินได้ทั้งชาวไทยและต่างชาติค่ะ

ส่วนอาหารประเภทไข่กะทะบวกขนมปังเวียดนามนุ่มๆนิ่มๆ และร้อนๆ ทุกคนสั่งกันอย่างน้อยสองชุดเห็นแล้วอยากกิน? แต่ไม่น่าเชื่อ? ก็ต้องเชื่อครับ มีเพื่อนสื่อมวลชนหนึ่งคนฮ่าๆ สั่งข้าวผัดใบกะเพราหมู ห๊ะจิงดิ?ภาษาวัยรุ่นอีกแล้ว ไม่ผิดครับตามใจชอบ? ทางร้านจัดให้จนอิ่มกันเต็มที่เลยครับ ตามด้วยกาแฟสดแบบนี้แหละชิลๆ พลาดโอกาสไม่ได้ พี่หนุ่ม-สุทนขอบอกนะจ๊ะ เมื่อพนักงานยกกาแฟสดเสิร์ฟ พี่หนุ่ม-สุทน ได้กลิ่นหอมกรุ่น อดใจไม่ไหวจริงๆ ก็เลยถามเจ้าของร้านตามภาษาคนอยากรู้ และแล้วพี่หนุ่มก็มีเรื่องราวมาเล่าให้ฟังนะจ๊ะ

คุณธนพล พึ่งสว่าง Manager Director บอกว่าที่เขต อ.นครหลวง จ.พระนครศรีอยุธยา มีโรงคั่วกาแฟสดโดยได้นำเมล็ดพันธุ์กาแฟสดมาจากบนดอย จ.เชียงราย โอ้โฮ้ สุดยอดยกนิ้วให้ และนำผลิตภัณฑ์เมล็ดกาแฟเอามาให้บริการที่ร้านนี้แหละครับ ว้าวว้าว ขอบอกว่าต้องหาโอกาสไปเที่ยวอยุธยาและแวะร้านกาแฟ NATURL COFFEE @BISTRO ตั้งอยู่ถนนเดชาวุธ ต.หอรัตนไชย อ.พระนครศรีอยุธยา จ.พระนครศรีอยุธยา อยู่ฝั่งตรงข้ามวิทยาลัยอาชีวศึกษาพระนครศรีอยุธยา

ได้เวลาพอสมควรคณะสื่อมวลชนเดินทางต่อไป อ.ผักไห่ และทำข่าวแห่เทียนพรรษาในคลองลาดชะโด นักท่องเที่ยวมาเที่ยวชมขบวนแห่เทียนพรรษาเต็มพื้นที่สองฝั่งของตลาดเก่า 100 ปี ตลาดเก่าลาดชะโดน่าไปเที่ยวครับ สำหรับตลาดเก่าคลองลาดชะโดแห่งนี้มีมาตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 5 ครั้งนั้นสินค้ามาจากเมืองหลวงคือกรุงรัตนโกสินทร์ และส่งสินค้าต่างๆ ในตลาดคลองลาดชะโดแห่งนี้ และสินค้าส่งต่อทางเรือแล้วขายในคลองลาดชะโดไปถึงเมืองสุพรรณบุรีครับ ดังนั้นวิถีชีวิตกับสายน้ำยังคงผูกพันกันมาตั้งแต่ครั้งอดีตถึงทุกวันนี้ และเมื่อสมัยบ้านเมืองยังไม่เจริญชาวบ้านพายเรือค้าขาย มียกยอจับปลาในคลองลาดชะโดเรียกว่าในน้ำมีปลาในนามีข้าว ความอุดมสมบูรณ์ทำให้นกกระจิบ นกกระจาบมาทำรังตามต้นไม้ทิวคันนา และพอถึงวันเข้าพรรษาชาวบ้านจะพายเรือในคลองลาดชะโดและนำเทียนพรรษาไปที่วัดลาดชะโดเพื่อร่วมกันทำพิธีถวายเทียนพรรษา พร้อมกับทำบุญใส่บาตรและถือศีลสวดมนต์ช่วงวันอาสาฬหบูชาและวันเข้าพรรษา

 ที่วัดลาดชะโดมีเรือพายของชาวบ้านจอดเต็มหน้าวัดเมื่อถวายเทียนพรรษาจนแล้วเสร็จ พระภิกษุสามเณรจะนำเทียนพรรษามาจุดเทียนในพระอุโบสถและเรียกว่าลงโบสถ์เพื่อสวดมนต์หรือทำวัตรเย็นโดยมีองค์หลวงพ่อโตเมตตาเป็นพระประธานในพระอุโบสถวัดลาดชะโด นอกจากนี้ยังได้นมัสการขอพรหลวงพ่ออิ่มอดีตเจ้าอาวาสวัดนี้ และสมัยท่านยังไม่มรณภาพท่านเป็นพระวิปัสสนากรรมฐานเมตตาจิตสูงชาวบ้านในเขต อ.ผักไห่ ให้ความเคารพนับถือมาก

เสร็จแล้วเดินทางมาบ้านเขียวขุนพิทักษ์บริหาร เป็นข้าราชบริพารหรือสมัยนั้นชาวบ้านเรียกว่าข้าหลวงแต่ตำแหน่งท่านคือนายแขวงเสมาใหญ่สมัยรัชกาลที่ 5  ขุนพิทักษ์บริหารท่านอยู่เมืองหลวงกรุงรัตนโกสินทร์และหัวเมืองกรุงเก่าอยุธยา ท่านจึงได้ปลูกบ้านแบบโบราณไทยแท้ๆ หรือเรือนไทยพบตะวันตกมีอายุประมาณ 100  ปี  จุดเด่นดูสวยงามทั้งรูปแบบตัวบ้านมีประตูเปิดรับลมผ่านเข้ามาห้องทำงาน มีหน้าต่างและบานเฟี้ยมเล็กๆ ดูแปลกตาน่าชื่นชม และตัวบ้านทาสีเขียว จึงเรียกบ้านเขียวครับ บ้านพักสีเขียวหลังนี้อยู่ติดแม่น้ำน้อยเพื่อการเดินทางเข้าเมืองหลวงสะดวกสบายยิ่งขึ้นสมัยนั้นนะครับ นักท่องเที่ยวสนใจเดินทางไปเยี่ยมชมบ้านเขียวขุนพิทักษ์บริหารได้ทางเข้าวัดอมฤตสิทราราม อ.ผักไห่

ได้เวลาอีกแล้ว คณะสื่อมวลชนเดินทางมาเข้าชมพิพิธภัณฑ์เรือจำลองและเรือจริง สร้างด้วยไม้สักแบบโบราณ พี่หนุ่ม-สุทนได้พูดคุยกับคุณสุธี โตวรพันธุ์ เจ้าของบ้านริมแม่น้ำน้อยที่ซื้อตึกหลังนี้จากธนาคารกรุงไทยในปี 2532 แล้วปรับปรุงใหม่ทั้งหมด ทำให้ตึกกลายเป็นบ้านสวยงาม และด้วยความคิดครั้งหนึ่งของคุณสุธี โตวรพันธุ์ เคยนั่งเรือเมล์ 2 ชั้น จากท่าเตียนกรุงเทพฯ ถึง อ.ผักไห่ จ.พระนครศรีอยุธยา แต่จริงๆแล้วนั่งคิดอยู่ในใจ ถ้าประกอบกิจการประสบผลสำเร็จ จะจัดทำพิพิธภัณฑ์เรือจำลองให้เป็นเรื่องราวเล่าขานย้อนอดีตเมื่อ 60  ปีที่ผ่านมา และแล้วธุรกิจก็ประสบผลสำเร็จตามที่คิดไว้ จึงได้จัดบ้านให้เป็นพิพิธภัณฑ์เรือจำลองและเรือจริงสร้างด้วยไม้สัก

 

นักท่องเที่ยวเดินทางไปเยี่ยมชมได้และควรจะพาน้องๆ ไปเทียวด้วยจะได้เรียนรู้เรื่องของเรือในแม่น้ำน้อย เมื่อครั้งอดีตเรือแล่นฉิวตามแม่น้ำเจ้าพระยาเข้าแม่น้ำน้อยและแวะจอดตลาดบ้านแพน อ.เสนา และจอดท่าเรือ อ.ผักไห่แล้วเรือแล่นฉิวไปสุดทางแม่น้ำ จ.ชัยนาท แต่พี่หนุ่ม-สุทนขออนุญาตแนะนำคุณสุธี โตวรพันธุ์ นะครับ

1.เรือจำลองต้องมีเรือเมล์เล็ก ๆ และเรือเมล์ใหญ่ๆ หรือควรจะศึกษาเรื่องราวของเรือท้องถิ่นด้วย เช่นเรือพาย  เรือแจวและเรือเครื่องที่ชาวบ้านเริ่มใช้ในวิถีชีวิตประจำวันเมื่อครั้งยังไม่มีถนนตัดผ่าน

2.พิพิธภัณฑ์ควรจัดกิจกรรมทางเรือ โดยการนั่งเรือชมวิถีชาวบ้านริมแม่น้ำน้อย แวะบ้านเขียวขุนพิทักษ์บริหารและวัดหน้าโคก นมัสการหลวงพ่อแก่พระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ของวัดนี้

3.เส้นทางวัดย่านอ่างทองวัดเก่าแก่มีพระอุโบสถและวิหารเป็นศิลปะสมัยกรุงรัตนโกสินทร์ตอนต้น และชมพิพิธภัณฑ์ศิลปะชิ้นเอกสมัยรัชกาลที่ 3 น่าสนใจไปเยี่ยมชมมากๆนักท่องเที่ยวควรจะไปเที่ยวชมเพราะหาดูที่ไหนไม่ได้แล้วครับ

สำหรับนักท่องเที่ยวสนใจสถานที่ท่องเที่ยวในเขต จ.พระนครศรีอยุธยา สามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานพระนครศรีอยุธยาโทรศัพท์ 035 246 076-7 ทุกวันตั้งแต่เวลา 08.30-16.30 น. และขอบคุณนางอรสา อาวุธคม ผู้อำนวยการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย(ททท.) สำนักงานพระนครศรีอยุธยา ที่ได้เชิญคณะสื่อมวลชนชมรมนักข่าวท่องเที่ยวออนไลน์ เดินทางไปทำข่าวและเก็บข้อมูลสถานที่ท่องเที่ยวในเขต จ.พระนครศรีอยุธยา

#ชมรมนักข่าวท่องเที่ยวออนไลน์

#การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย

#สำนักงานพระนครศรีอยุธยา

#เก็บเรื่องมาเล่าโดยหนุ่มสุทน

#bigmaptravel #เที่ยวเพลิน

#goayutthaya #พระนครศรีอยุธยา

#อยุธยาไม่มาไม่ได้

Related posts