ตามนโยบายของรัฐบาล ในการพัฒนาเศรษฐกิจและความสามารถในการแข่งขันของไทย โดยเน้นขับเคลื่อนการท่องเที่ยวซึ่งเป็นหนึ่งในปัจจัยขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศไทยในปัจจุบัน พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. มอบหมายให้ พล.ต.ท.สมพงษ์ ชิงดวง ผบช.สตม. ดำเนินการตรวจสอบชาวต่างชาติที่มีพฤติกรรมไม่เหมาะสมในขณะที่พำนักอยู่ในประเทศไทย กระทำผิดกฎหมาย ก่อเหตุอันตรายต่อความสงบสุขและความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน เกิดความเสียหายต่อภาพลักษณ์ของประเทศ อันจะมีผลกระทบต่อการท่องเที่ยว
จากเหตุการณ์ประท้วงในสนามบินฮ่องกง ในวันที่ 12 ส.ค.62 จนมีการยกเลิกเที่ยวบิน ก่อให้เกิดปัญหาผู้โดยสารตกค้าง ณ ท่าอากาศยานในประเทศไทยเป็นจำนวนมาก และปัญหาผู้โดยสารแถวยาวที่ช่องตรวจซึ่งได้ถูกนำเสนอผ่านทางสื่อโซเชียลเมื่อเร็วๆ นี้นั้น อีกทั้งรัฐบาลได้ให้ความสำคัญและมีนโยบายในการส่งเสริมการท่องเที่ยว เพื่อให้มีการใช้จ่ายในระบบ กระตุ้นเศรษฐกิจในประเทศ ซึ่ง พล.ต.ท.สมพงษ์ ชิงดวง ผบช.สตม. ได้ให้ความสำคัญกับปัญหาดังกล่าวและถือเป็นนโยบายเร่งด่วนที่ต้องแก้ไข
โดยวันนี้ ผบช.สตม. จึงได้เดินทางไปตรวจการปฏิบัติงานของข้าราชการตำรวจในสังกัดกองบังคับการตรวจคนเข้าเมือง 2 ณ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ผบช.สตม. ได้ให้ความสำคัญเรื่องภาพลักษณ์การอำนวยความสะดวกการตรวจหนังสือเดินทาง โดยไม่กระทบต่อหลักความมั่นคง เน้นย้ำให้ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ท่าอากาศยานดอนเมือง และท่าอากาศยานอื่นๆทั่วประเทศ ปฏิบัติตามแผนรองรับสถานการณ์ผู้โดยสารในช่วงเที่ยวบินหนาแน่น และเที่ยวบินล่าช้า และยังสั่งการให้ใช้กำลังพลที่มีอยู่อย่างเต็มอัตรา เพิ่มเจ้าหน้าที่มาเสริมเวรนอกเวลาเพื่อให้เต็มทุกช่องตรวจ จัดเจ้าหน้าที่เกลี่ยผู้โดยสารไปโซนที่มีปริมาณน้อยกว่า และจัดช่องทางสำหรับกลุ่ม priority เช่น คนพิการ เด็กเล็ก หญิงมีครรภ์ คนชรา เพื่อไม่ให้แถวยาวสะสม
ส่วนคนไทย สามารถใช้ช่องตรวจอัตโนมัติ (Automatic Channel) ซึ่งใช้เวลาเพียง 20 วินาทีได้เลย โดยมีเจ้าหน้าที่คอยอำนวยความสะดวก อีกทั้งการนำระบบ Biometrics มาใช้ก็ช่วยเพิ่มความรวดเร็วและแม่นยำในการตรวจผู้โดยสารได้มากขึ้น รวมถึงการเตรียมแผนรองรับสถานการณ์ฉุกเฉินอื่นๆที่อาจเกิดขึ้น เช่น การรองรับเหตุการณ์ระงับเที่ยวบินชั่วคราวจากสภาพอากาศ และกำหนดให้มีการประเมินผลหลังจากเกิดเหตุ เพื่อนำข้อบกพร่องมาปรับปรุง และพัฒนาไปสู่การปฏิบัติงานที่มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น
จากการที่ สตม. ได้มีการรับกำลังพลจากข้าราชการตำรวจและบุคคลภายนอก มาปฏิบัติงานเพิ่มที่สนามบิน หลังจากได้รับการอนุมัติกรอบอัตรากำลังเพิ่ม ขณะนี้ สตม.มีกำลังพลเพิ่มขึ้นกว่าช่องตรวจ 30% ซึ่งจะทำให้การปฏิบัติงานมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
ทั้งนี้ พล.ต.ท.สมพงษ์ฯ ได้สั่งการให้ตำรวจระดับผู้บังคับการ รองผู้บังคับการ ลงไปควบคุมดูแลการปฏิบัติและแก้ปัญหาที่อาจจะเกิดขึ้นโดยใกล้ชิด นอกจากนั้นจะมีการประชุมหัวหน้าหน่วยระดับสารวัตรขึ้นไปที่รับผิดชอบดูแลการปฏิบัติงานในสนามบินทั่วประเทศ เพื่อนำเสนอแนวทางการแก้ไขปัญหาและการปฏิบัติร่วมกัน ในวันพฤหัสบดีที่ 22 สิงหาคม 2562 ณ สตม.(สวนพลู) ต่อไป