ในวันจันทร์ที่ ๑๙ สิงหาคม ๒๕๖๒ เวลา ๑๐.๐0 นาฬิกา นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม เดินทางเข้าตรวจเยี่ยมกรมราชทัณฑ์ พร้อมรับฟังคำบรรยายสรุปผลการดำเนินงาน และปัญหา อุปสรรคในการปฏิบัติงานของกรมราชทัณฑ์ โดยมีพันตำรวจเอก ณรัชต์ เศวตนันทน์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ ผู้บริหารและเจ้าหน้าที่ในสังกัดกรมราชทัณฑ์ ให้การต้อนรับ ณ กรมราชทัณฑ์ ตำบลสวนใหญ่ อำเภอเมือง จังหวัดนนทบุรี
พันตำรวจเอก ณรัชต์ เศวตนันทน์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ เปิดเผยว่า นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ได้เดินทางเข้าตรวจเยี่ยมกรมราชทัณฑ์ พร้อมผ่านระบบการประชุมทางไกลผ่านจอภาพ (Video Conference System) ไปยังผู้บัญชาการเรือนจำ ผู้อำนวยการทัณฑสถานทั่วประเทศ เพื่อร่วมรับฟังคำบรรยายสรุปผลการดำเนินงานของกรมราชทัณฑ์ ซึ่งประกอบด้วยนโยบาย 3 ส. ในการปฏิบัติหน้าที่ คือ สะอาด สุจริต และเสมอภาค รวมถึง 7 ก. ได้แก่ กักขัง แก้ไข ยึดหลักกฎหมาย วางกรอบ กลั่นกรอง ให้กำลังใจ และกลับตัว โดยระยะเวลา ๑ – ๒ ปีที่ผ่านมา การดำเนินงานของกรมราชทัณฑ์เกิดผลอย่างมีประสิทธิภาพ และสามารถสร้างการรับรู้ให้กับประชาชนได้เป็นอย่างดี เป็นผลทำให้กรมราชทัณฑ์ได้รับรางวัลจากหน่วยงานต่างๆ อาทิเช่น รางวัลการประเมินผลระดับคุณธรรมและความโปร่งใสในการดำเนินงานของหน่วยงานในการบริหารจัดการด้านการเงินการคลังของกรมบัญชีกลาง กระทรวงการคลัง ซึ่งได้รับประกาศเกียรติคุณด้านการจัดซื้อจัดจ้างระดับดีเด่น จาก ฯพณฯ นายกรัฐมนตรี เมื่อวันที่ ๔ เมษายน ๒๕๖๒ รวมถึงรางวัลหน่วยงานบริหารทรัพยากรบุคคลดีเด่น ประจำปี ๒๕๖๒ (ด้านความโปร่งใสด้านการบริหารทรัพยากรบุคคล) จากมูลนิธิพันเอกจินดา ณ สงขลา สำนักงาน ก.พ.
นอกจากนี้ยังได้รับฟังปัญหาอุปสรรคต่างๆ ซึ่งปัจจุบันกรมราชทัณฑ์กำลังเผชิญกับปัญหาพื้นฐานในกระบวนการยุติธรรม ๓ ประการ ได้แก่
๑.ปัญหาคนล้นคุก โดยปัจจุบันมีผู้ต้องขัง จำนวน ๓๗๐,๗๓๖ คน ซึ่งมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ในขณะที่มีจำนวนเจ้าหน้าที่และสถานที่คุมขังไม่เพียงพอ อันเนื่องจากกระบวนการยุติธรรมของไทยได้ถูกออกแบบมาให้มีโทษทางอาญาถึงขั้นจำคุกมากเกินไป
๒. ปัญหาสุขภาวะในเรือนจำ อันเป็นผลมาจากปัญหาคนล้นคุกทำให้การกินอยู่หลับนอน การรักษาพยาบาล และกิจกรรมต่างๆในเรือนจำไม่เป็นสุขภาวะเป็นผลทำให้การฝึกอบรมแก้ไขพัฒนาพฤตินิสัยมีประสิทธิภาพลดลง และ
๓. ปัญหาการกระทำผิดซ้ำ ซึ่งหากสามารถลดจำนวนผู้ต้องขังด้วยการบริหารโทษการกระทำผิดทางอาญาให้มีโทษจำคุกน้อยลง เช่น คดียาเสพติดที่มีอยู่ประมาณ ๓๐๐,๐๐๐ คน หรือคิดเป็นร้อยละ ๗๕ ของจำนวนผู้ต้องขังทั้งหมดได้ด้วยการให้ผู้เสพ ผู้จำหน่ายรายย่อยเป็นผู้ป่วยมิใช่อาชญากร และเข้ารับการบำบัดแทนโทษจำคุก อาจเป็นหนทางแก้ไขปัญหานี้ได้ ตลอดจนการไม่มีงานทำ หรือขาดอาชีพ จึงทำให้ขาดรายได้ และหวนกลับไปกระทำผิดซ้ำ นำไปสู่การก่ออาชญากรรมหรือทำผิดกฎหมายเหมือนเดิม
พันตำรวจเอกณรัชต์ฯ กล่าวเพิ่มเติมว่า การตรวจเยี่ยมในครั้งนี้ของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ยังได้สร้างขวัญกำลังใจให้กับผู้บริหารและเจ้าหน้าที่ในสังกัดกรมราชทัณฑ์ในการปฏิบัติงานราชทัณฑ์ให้มีประสิทธิภาพ พร้อมมอบนโยบายเกี่ยวกับการหาทางกำหนดมาตรการภาษี เพื่อให้สิทธิประโยชน์แก่นายจ้างและเจ้าของผู้ประกอบการ ร่วมกับกรมสรรพากร และกระทรวงการคลังในการผลักดัน เพื่อให้เกิดแรงจูงใจในการจ้างงานผู้พ้นโทษและเป็นการส่งเสริมผู้พ้นโทษได้มีโอกาสทางสังคมมากยิ่งขึ้น และขอให้กรมราชทัณฑ์ดำเนินการพัฒนาศักยภาพของผู้ต้องขังให้สามารถคืนคนดีสู่สังคมได้อย่างแท้จริงต่อไป