ศาลเจ้า หรือ อ้าม หรือ หมิว ในภาษากวางตุ้ง อดีตกาลจะตั้งตามสถานที่ที่คนจีนเข้ามาทำมาหากิน เพื่อเป็นที่ยึดเหนี่ยวทางกายและจิตใจ โดยมาก จะมีศาลเจ้าแม่กวนอิม หรือ ปุดจ้ออ้าม ศาลเจ้าพ่อกวนอู หรือเต๋กุ้นอ้าม ศาลบุ้นเถ่ากง เพราะเป็นเทพเจ้าที่เกี่ยวกับโชคลาภ หรือศาลเจ้าเหล่ากง เหล่าม่า
แต่ถ้าติดทางทะเลมักจะเป็นชาวประมงหรือเรือตังเก ที่ตั้งศาลม่าจ้อโป๋ หรือศาลเจ้าแม่ย่านาง เพื่อหันหน้าออกทะเลให้คุ้มครองปกป้องชาวตังเกที่ออกไปหาปลาให้หาปลากลับมาได้เยอะแยะ ศาลเจ้าม่าจ้อโป๋ โดยมากเมื่อเรือตังเกจะออกไปหาปลา พอผ่านศาลจะจุดประทัดเอาฤกษ์เอาชัย โยนไปทางหัวเรือ และห้ามอิสตรีเพศยืนตรงหัวเรือหรือเดินข้ามหัวเรือ เพราะคนจีนสมัยนั้นจะถือว่า โซ้ย หรืออับโชคอัปมงคล แต่ปัจจุบันคนรุ่นใหม่ไม่จุดประทัดเพื่อบอกกล่าวเอาฤกษ์เอาชัย เรือหลายลำมักเจอชตากรรมโดนคลื่นซัดล่ม หาปลาไม่ได้เพราะขาดความนับถือในเทพเจ้าม่าจ้อโป๋
บรรดาอ้ามหรือศาลเจ้าเล็ก จะมีม้าทรงประจำศาลเจ้า โดยมากในอดีตก็คือเจ้าของอ้ามนั่นแหละ ในระยะเวลาต่อมา จะมีม้าทรงจากที่อื่นเข้ามาร่วม แต่พอถึงหน้าเทศกาลกินผัก ผู้จัดการอ้ามหรือศาลเจ้าจะอุ้มพระจีนที่เป็นเจ้าอ้ามไปร่วมกินผักกับศาลเจ้าหลักและลงทะเบียนเป็นม้าทรง
ม้าทรงในอดีต จะไม่มีรายได้ นอกจากไปช่วยด้วยศรัทธา เจ้าของกิจการเป็นคนจีนโพ้นทะเล นับถือเทพเจ้า พอถึงหน้ากินผักจะอะลุ่มอล่วยให้ลูกจ้างคนจีนที่เป็นม้าทรงหยุดไปนอนที่อ้ามหรือศาลเจ้า
ม้าทรงเหล่านี้ จะอยู่กินหลับนอนในอ้าม หรือ ในศาลเจ้า ภายในห้องกว้าง ไม่มีการแบ่งเป็นสัดส่วน ไม่แตะต้องเนื้อสัตว์ ไม่ร่วมประเวณีไม่ว่าเมียตัวเองหรือหญิงอื่น ไม่แทะเล็มจีบสาว ไม่เสพของมึนเมาทุกชนิดสมัยอดีตจะห้ามรวมไปถึงสูบบุหรี่ด้วย จะไม่พูดจาด่าพ่อล่อแม่ พูดคำสบถคำ หญิงมีประจำเดือนจะเข้าไปด้านในไม่ได้เป็นอันขาด และเจ้าหน้าที่ในอ้ามจะยิ้มแย้มแจ่มใสชักเชิญคนเข้ามาทำบุญไหว้พระจีนเพราะในอ้ามหรือศาลเจ้า ไม่มีเทพเจ้ายักษ์ที่หน้าบึ้งคอยตะคอกคนมาทำบุญตั้งให้บูชา ดังนั้นคนมาช่วยในศาลจึงไม่ได้เข้าทรงพญามารนั่งตีหน้ายักษ์ตะคอกคนในสมัยอดีต
ม้าทรงในยุคสมัยนั้น จึงน่าเคารพเลื่อมใสศรัทธา และไม่มีปรากฏว่า พอแทงเชียมหรือเครื่องทรมานร่างกายอื่นใด จะได้รับบาดเจ็บหลังถอดเครื่องทรมานร่างกายถึงขั้นต้องไปเย็บแผลที่โรงพยาบาล หรือถึงขั้นนอนโรงพยาบาล หรือถึงขั้นเสียชีวิต รวมไปถึงการขึ้นบันไดมีดหรือการลุยไฟ
ม้าทรงที่เข้าทรงพระชรา อาทิ บุ้นเถ่ากงก็ดี ม่าจ้อโป๋ก็ดี จอซือกงก็ดี จะไม่ทิ่มแทงทรมานตัวเอง แต่จะสุขุมลุ่มลึก เดินไปในพิธีโปรดสัตว์ เยี่ยมชาวบ้าน มักจะเอาธงโบกลูบหัวผู้เลื่อมใสใส่ชุดขาวสองข้างทางตลอดเวลา ไม่มีพี่เลี้ยงคอยเดินบังหน้า บังข้างเหมือนเช่นวันนี้ สองข้างทางในอดีตจึงเนืองแน่นด้วยผู้คนที่ศรัทธาเข้ามาชมอย่างเนืองแน่น จุดธูปไหว้กันตลอดเส้นทาง มีคนใส่ชุดขาวเดินตามขบวนอย่างล้นหลาม ถือธูปยาวเกือบเมตรเดินขบวนยาวมาก
ภายในศาลเจ้าบางแห่งเป็นแค่ศาลเจ้าปกติ บางแห่งยกฐานะเป็นมูลนิธิ มีกรรมการศาลเจ้าที่ในอดีตมาจากคนที่เป็นนายเหมืองในละแวกนั้น มีฐานะการเงินมั่นคง เข้ามาสนับสนุน เมื่อรูปแบบการจัดการดี การจัดระบบน่าศรัทธาเลื่อมใส เงินทำบุญจะไหลมาเทมาใส่หีบเพชร หีบทองตอนทำบุญที่เรียกว่า ทินเนียอิ๋ว และใช้น้ำมันจากป๋านหรือกาเทใส่ตะเกียงน้ำมันพร้อมสั่นระฆัง
หลายศาลเจ้า เงินทินเนียอิ๋วมาก ครั้งละหลายแสนยันหลายล้านบาท
เงินตัวเดียวนี่แหละคือปัจจัยแห่งความโลภที่นำไปสู่การ
อม
แล้วสู่กระบวนการ
รวยแล้วแยกไปตั้งอ้ามใหม่
กรรมการบางคนเห็นความไม่ชอบมาพากล จึงรวบรวมสมัครพรรคพวกแยกออกไปตั้งอ้ามหรือศาลเจ้าใหม่ เพราะไม่อยากแปลกเปื้อนข้อกล่าวหาเรื่องเงินทำบุญ
แต่บางคนมองเห็นช่องทาง จึงรวบรวมสมัครพรรคพวกออกมาตั้งอ้ามใหม่ หวังเงินบริจาคก็มี
จึงเกิดศาลเจ้าใหม่ขึ้นทั่วทุกหัวระแหงแห่งอาณาจักรกินผักแห่งทุ่งคา หรือ ภูเก็ต
ม้าทรงจากต่างถิ่นเข้ามาปักหลักเยอะแยะมากมายก่ายกองจนงง ไม่รู้ใครเป็นใคร
หมายเหตุ…ภาพที่นำมาประกอบไม่เกี่ยวกับเนื้อหา และเป็นภาพที่ผมบันทึกเอง ไม่เกี่ยวข้องกับการเขียนทั้งหมดน่ะครับ ไม่ต้องเขียนมาด่า