หนังดีติดดาว

  มงคลเมเจอร์ ภูมิใจเสนอ “Paradise Hills” ที่ล่าสุดได้เนรมิต “โปสเตอร์เวอร์ชันใหม่” ออกมาต้อนรับแฟน ๆ ทุกท่านเข้าสู่ดินแดนสวรรค์สุดอลังการ โดยผลงานกำกับของ อลิซ แวดดิงตัน คว้านักแสดงแถวหน้า ไม่ว่าจะเป็น เอมมา โรเบิร์ตส, มิลลา โจโววิช, ไอซา กอนซาเลซ และ อควาฟินา เรื่องราวของ อูมา (เอมมา โรเบิร์ตส) เธอตื่นขึ้นมาใน “พาราไดซ์ ฮิลล์ส” ศูนย์พัฒนาบุคลิกภาพที่ตั้งอยู่บนเกาะเขตร้อน ซึ่งบรรดาครอบครัวชนชั้นสูงจะส่งลูกสาวมาเรียนรู้การเป็นสุภาพสตรีสมบูรณ์แบบ โดยมี “นายหญิง” (มิลลา โจโววิช) ผู้ทรงพลังคอยช่วยปรับบุคลิกภาพ พวกเธอต้องผ่านชั้นเรียนมารยาท เรียนร้องเพลง คอร์สความงาม ยิมนาสติก และการไดเอ็ตสุดเข้มงวด แต่ไม่นานอูมาก็ตาสว่างเมื่อค้นพบว่า ณ ที่แห่งนี้มีความลับดำมืดซ่อนอยู่ภายใต้ความงามอันผิวเผิน เธอและเหล่าเพื่อน ๆ จึงต้องหาทางออกจากพาราไดซ์ ฮิลล์สให้ทันเวลาก่อนที่ทุกอย่างจะสายเกินไป

 โดยหนังมีบรรยากาศแบบ dystopia ที่ผสมแฟนตาซีเยอะ ๆ ไซไฟนิด ๆ และความหลอน หน่อย ๆ แถมยังเปิดเรื่องด้วยการเล่าย้อนจากตอนจบไปยังจุดเริ่มต้นก็เลยดูยากนิด ข้อเสียก็คือปูมหลังของตัวละครรองและตัวร้ายที่ใส่มาน้อยเกิน พอพื้นฐานไม่แน่นก็เลยทำให้เราแทบจะไม่รู้จักตัวละครกลุ่มนี้ ถึงจะมีอะไรให้ติเยอะแยะ แต่ความดีของหนังก็คือพูดถึงค่านิยมของสังคมและตั้งคำถามว่า ในแต่ละระดับชั้นของสังคมที่มีค่านิยมที่แตกต่างกัน ตัวเราในฐานะที่เป็นสมาชิกของหลายสังคมและหลายระดับในตัวเราคนเดียวนั้น สิ่งที่แต่ละสังคมและแต่ละระดับชั้นนั้นคาดหวังจากเราให้ปฏิบัติตามนั้น แท้จริงแล้วมันคือตัวตนของเราจริง ๆ หรือไม่? เราเป็นเราเพราะตัวเรา หรือเราเป็นเรา เพราะสังคมบีบบังคับกันแน่

ติดให้ ***

   มงคลภาพยนตร์ อนิเมะสุดอลังการเรื่องChilden of the Sea” จากฝีมือผู้กำกับ อายูมุ วาตานาเบะ (Doraemon the Movie: Nobita’s Dinosaur) นักแสดง ฮาชิดะ มานะ, อิชิบาชิ ฮิอิโระ, เซชู ฮารากามิ, วิน โมริซากิ  สำหรับเพลงประกอบของเรื่องนี้ “Spirits of the Sea” แต่งและร้องโดย โยเนซุ เคนชิ เจ้าของเพลง “Lemon” ที่มียอดเข้าชมใน Youtube มากกว่า 441 ล้านครั้ง และเป็นเจ้าของรางวัล “Japan Record Awards, 96th Television Drama Academy Awards, Space Shower Music Awards” และอื่นๆ อีกมากมาย  เป็นเรื่องราวการผจญภัยของ รุกะ เด็กสาวมัธยมต้นที่มีปัญหากับเพื่อนร่วมชมรมแฮนด์บอลตั้งแต่วันแรกของวันหยุดฤดูร้อน รุกะจึงไปที่อควาเรียมที่เป็นที่ทำงานของพ่อ ในขณะที่เธอกำลังยืนอยู่หน้าอควาเรียมขนาดใหญ่ที่เต็มไปด้วยฝูงปลาเธอก็ได้พบกับพี่น้องปริศนา “อุมิ” และ “โซระ” ซึ่ง “พวกเขาถูกเลี้ยงดูโดยฝูงพะยูน”  รุกะ, อุมิ และ โซระ มีความสามารถสื่อสารกับสิ่งมีชีวิตในทะเลได้ ในเวลาเดียวกันก็มีอุกกาบาตตกลงมา และเกิดปรากฏการณ์ที่ปลาหายไปจากท้องทะเล ทั้งสามจึงร่วมมือกันออกผจญภัยไปในโลกใต้สมุทร เพื่อปกป้องเหล่าสัตว์น้ำ   จากมหันตภัย!

  หนังทำออกมาได้น่าเบื่อ เรื่องราวรายละเอียดมีมากเกินไป อธิบายเนื้อเรื่องได้ไม่ชัดเจน ทำให้ผู้ดูไม่รู้ว่าหนังต้องการจะสื่ออะไร ช่วงแรกเนื้อเรื่องยังพอเข้าใจได้ พอมาช่วงหลังรู้สึกไม่ค่อยเข้าใจ คิดว่าหนังไม่น่าจะเหมาะกับเด็ก เพราะเนื้อหาคลุมเครือและมีเนื้อหายืดเยื้อยาวเกินไป เด็กน่าจะดูไม่เข้าใจ แต่ละตัวละครสื่อไม่ถึงอารมณ์ ตัวเอกใช้อารมณ์ไม่ค่อยมีเหตุผล รวม ๆ คิดว่าหนังสวยแค่ภาพ ลายเส้น สีต่าง ๆ แต่เนื้อหาไม่เข้าใจเลย ลายเส้นการ์ตูนและภาพสีสวย ลายละเอียดภาพดี ทว่าจุดด้อยคือเนื้อหาของเรื่องไม่ชัดเจน ทำให้สับสน

ติดให้ *

 เดอะ วอลท์ ดิสนีย์ (ประเทศไทย) จำกัด ขอต้อนรับคุณสู่วันหลังวันพิกพากษา กับภาพยนตร์ไตรภาคที่ทุกคนชื่นชอบและรอคอย เรื่องTERMINATOR: DARK FATE – ฅนเหล็ก: วิกฤตชะตาโลก” จุดกำเนิดหุ่นยนต์สังหารโดย เจมส์ คาเมรอน กับการชุบชีวิตแฟรนไชส์หุ่นยนต์พิฆาตโลก งานนี้ดวลความบู๊ระห่ำกระจายนำทีมภายใต้การกำกับของ ทิม มิลเลอร์ (Deadpool) และนักแสดง ลินดา ฮามิลตัน ที่จะกลับมาอีกครั้งในฐานะ “ซาร่าห์ คอนเนอร์” หลังจากที่เธอปรากฎตัวครั้งล่าสุดใน Terminator 2: Judgment Day (1991) แต่ครั้งนี้เธอไม่ได้มาคนเดียว ยังพาฮีโร่หญิงเลือดใหม่ นาตาลี เรเยส มาแนะนำในฐานะ “ดานิ รามอส” พร้อมกับ “เกรซ” นักรบหญิงจากโลกอนาคต ที่รับบทโดย แม็คเคนซี่ เดวิส และที่ขาดไม่ได้เด็ดขาด ตำนานคนเหล็ก อาร์โนลด์ ชวาสเซเนเกอร์ ก็กลับมาร่วมภารกิจครั้งนี้ด้วย โดยมี เจมส์ คาเมรอน กลับมานั่งแท่นอำนวยการสร้างร่วมกับ เดวิด แอลลิสัน อำนวยการผลิตโดย ดาน่า โกล์ดเบิร์ก, ดอน แกรนเจอร์, บอนนี่ เคอร์ติส, จูลี่ ลินน์, ทิม มิลเลอร์, จอห์น เคลลี่ และเอ็ดเวิร์ด เฉิง เรื่องราวของ Terminator: Dark Fate ภาคนี้มาพร้อมหุ่นไฮเทคอย่าง Rev-9 ที่ทุกส่วนของร่างกายสามารถกลายเป็นอาวุธได้หมด แถมยังแบ่งร่างเพิ่มเป็นหุ่นอีกตัวได้ด้วย มันอาจน่าตื่นตาตื่นใจ เพื่อส่งมาตามล่าฆ่ามนุษย์ที่จะให้กำเนิดผู้ทำลายล้าง สกายเน็ต

 เนื้อหาจะต่อจากภาค 2 ผูกเรื่องได้ดี เดินเรื่องกระชับ ฉากบู๊มันสะใจจริง ๆ ตั้งแต่เปิดฉากไม่ถึงสิบนาทีก็บู๊ล้างผลาญ ได้ตัวละครมาเสริมทัพ ซึ่งมีพลังดึงดูด ทั้งหุ่นเหล็กตัวใหม่ที่หล่อขรึม กับหุ่นดัดแปลงเธอช่างเท่เหลือหลาย แม้เนื้อเรื่องจะพอเดาทางออก แต่ฉากแอ็คชั่นดีไซน์มาได้สวยงาม ตื่นตาตื่นใจ ซาร่าห์ก็ยังคงเป็นซาร่าห์ได้อย่างหนังเหนียว แม้อายุจะมากทว่านางก็เท่  ส่วนหุ่นเหล็กแนวตะกั่วเหลวยังไม่ฉีกรูปแบบเดิม และครั้งนี้บทเด่นจะเทไปที่สาวไซบอร์กโดดเด่นมาก เท่สุด ๆ ดูแล้วน่ามีภาคต่อแน่ ๆ

 ติดให้ ****

คำถามภาพยนตร์เรื่องTERMINATOR: DARK FATE” : ใครส่งสารถึงซาร่าห์เรื่องการปรากฎตัวของหุ่นยนต์พิฆาต?

คำถามภาพยนตร์เรื่องMALEFICENT: MISTRESS OF EVIL” : ใครรับบทมาเลฟิเซนต์

ทราบคำตอบเขียนชื่อ – ที่อยู่และคำตอบให้ชัดเจน ลงไปรษณียบัตร ส่งมาที่

หนังดีติดดาว

เลขที่ 32/15 ซ.ลาดพร้าว 23 แขวงจันทรเกษม เขตจตุจักร กรุงเทพฯ 10900 

ผู้ตอบถูก 3 ท่าน ได้ของรางวัลจาก วอลท์ ดิสนีย์ (ขอบคุณที่สนับสนุนของรางวัล)

  เดอะ วอลท์ ดิสนีย์ (ประเทศไทย) จำกัด เชิญคุณสัมผัสเรื่องราวที่เกินกว่าเทพนิยายที่คุณเคยรับรู้กับภาพยนตร์เรื่องMALEFICENT: MISTRESS OF EVIL – มาเลฟิเซนต์: นางพญาปีศาจ” โดย แอนเจลีนา โจลี่ กลับมารับบท มาเลฟิเซนต์ ที่สง่างาม ประชันบทบาท มิเชล ไฟเฟอร์ และ แอล แฟนนิง โดยการกำกับของ โยอาคิม รอนนิง ซึ่งภาคนี้เป็นเรื่องราวที่ซับซ้อนยิ่งขึ้นระหว่างนางพญาปีศาจ เจ้าหญิงออโรรา และผู้ที่กำลังจะเป็นราชินีของอาณาจักร ที่แสร้งยินดีเมื่อเจ้าชายฟิลิปขอเจ้าหญิงออโรราแต่งงาน แต่เบื้องหลังต้องการกำจัด มาเลฟิเซนต์ และเผ่าพันธุ์เดียวกับนางพญาปีศาจให้สิ้นซาก!

 เสียงตอบรับภาคนี้ดีกว่าภาคแรกมาก เพราะหลังดูจบเดินไปทางไหนก็มีแต่คนชื่นชมว่า มาเลฟิเซนต์ภาคนี้ได้เห็นความสามารถของนางพญาปีศาจ ที่ร่ายเวทย์สง่างามจนเชื่อว่าเธอมีเวทมนตร์จริง ๆ และภาคนี้ทั้ง โจลี่ และ มิเชล ดึงความโดดเด่นไปเสียหมด ทำลูกสาวบุญธรรมและเจ้าชายกลายเป็นตัวประกอบ แต่ที่โดดเด่นและน่ารักอีกตัวเห็นจะเป็นคนรับใช้ของมาเล   ฟิเซนต์ที่ภาคนี้หล่อขึ้น บทดี ถือเป็นหนังที่เด็กดูได้ เนื้อหาสนุก ตื่นตาตื่นใจกับฉากและกราฟฟิศเจ๋ง ๆ เนียนตา แต่ที่ตกใจคือ โจลี่ผอมกะหร่อง ทว่าใส่ชุดแม่มดออกมาสวยสง่า และเพิ่งรู้ว่าจากที่เห็นหน้านางนิ่ง ๆ จากหนังหลายเรื่อง ภาคนี้นางมีมุกตลกด้วยสิ

ติดให้ **** ครึ่ง

Doraemon The Movie : Nobita’s Chronicle of the Moon Exploration หรือชื่อภาษาไทยว่า โดราเอมอน เดอะมูฟวี่ ตอน โนบิตะสำรวจดินแดนจันทรา เป็นฉบับภาพยนต์เรื่องที่ 39 และเป็นเรื่องที่เขียนบทขึ้นใหม่และเนื้อเรื่องใหม่ พล็อตเรื่องที่แทบจะเป็นเสน่ห์ของโดราเอมอน เดอะมูฟวี่ คือ โนบิตะและพวกพ้องจะต้องไปผจญภัยในสถานที่ใดสถานที่หนึ่ง และเข้าไปพัวพันกับเรื่องราวของดินแดนนั้น ๆ ได้ช่วยเหลือและสร้างมิตรภาพกับเพื่อนใหม่ สำหรับการผจญภัยครั้งใหม่ของโนบิตะและพ้องเพื่อนยังต้องพึ่งพาของวิเศษจากโดราเอมอน และความกล้าหาญ, ความสามัคคีของกลุ่มโนบิตะ ซึ่งภาคนี้โนบิตะได้ออกไปสร้างอาณาจักรกระต่ายบนดวงจันทร์ เนื่องจากโดนล้อจากเพื่อนว่า กระต่ายบนดวงจันทร์ไม่มีอยู่จริง และบนดวงจันทร์นั้นโนบิตะได้พบกับ เอสพอล ซึ่งเป็นกลุ่มเด็กที่มีพลังพิเศษ แต่แล้วก็มียานปริศนาต้องการจับกลุ่ม เอสพอล โนบิตะและพองเพื่อนจึงต้องลุยไปช่วยเหลือ พร้อมกับไขปริศนาต่าง ๆ

ถือเป็นการ์ตูนที่มีควาสนุกไม่เคยเบื่อ แต่ส่วนที่หักไปน่าจะเพราะภาคนี้เนื้อเรื่องแต่งขึ้นใหม่ โดยอิงบางส่วนจากการ์ตูนสั้น ตอนเข็มกลัดชมรมต่างความคิดและตอนตะลุยดินแดนใต้พิภพ ทำให้ภาคนี้เนื้อเรื่องค่อนข้างซับซ้อนและมีความไซไฟมาก กลายเป็นว่ามันไม่ใช่หนังสำหรับเด็กเท่าไหร่กลายเป็นหนังการ์ตูนสำหรับผู้ใหญ่ซะมากกว่า แต่โดยรวมก็คือ เด็กดูได้ ผู้ใหญ่ดูเพลิน สำหรับจุดด้อยของโดราเอม่อนเดอะมูฟวี่ภาคหลัง ๆ จนถึงภาคนี้คือ ความซึ้งในตอนจบของหนังหายไป ไม่รู้สึกอิ่มเอมใจหรือน้ำตาคลอเหมือนภาคเก่า ๆ แต่สิ่งที่เราได้จากโดราเอมอนมาตลอดคือ ข้อคิดดี ๆ ที่มีทุกครั้งโดยเฉพาะเรื่องของมิตรภาพ และวัฒนธรรมญี่ปุ่น ที่ให้ความสำคัญกับหน้าที่ของตัวเอง เวลา และคุณค่าของการใช้ชีวิต

ติดให้ ****

มงคลเมเจอร์ พาคุณสัมผัสความลับรั่ว ขณะเจอเหตุการณ์ระทึกขวัญ ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของความผูกพันธ์อย่างไม่รู้ตัว “Can you keep a secret?” หนังที่สร้างขึ้นจากนิยายขายดีของ Sophie Kinsella เจ้าแม่นิยายแนว chick lit ที่มีผลงานชื่อดังอย่าง Shopaholic ซึ่งได้นักแสดงอาทิ อเล็กซานดรา แดดดาริโอ, ไทเลอร์ เฮอคลิน โดยเล่าเรื่องราวของ เอมมา สาวมาร์เก็ตติ้งโก๊ะ ๆ นางหนึ่ง ที่ไปเจอเหตุการณ์ระทึกขวัญเครื่องบินตกหลุมอากาศจนเธอคิดว่ามันกำลังจะตก และในตอนนั้นเธอก็ได้คร่ำครวญกับชายหนุ่มแปลกหน้าที่นั่งข้าง ๆ อย่าง แจ็ค พร้อมทั้งพรั่งพรูความลับบางอย่างให้เขาฟัง กว่าที่เธอจะรู้ตัว เครื่องก็แลนดิ้งแล้ว โดยที่ เอมมา ไม่รู้เลยว่าหนุ่มแปลกหน้าคนที่เธอตะโกนบอกความลับคนนั้นคือ ซีอีโอ คนใหม่ของบริษัทที่เธอทำงานอยู่นั่นเอง!

ชอบหนังเรื่องนี้ตรงที่ถ่ายภาพเมืองนิวยอร์กสวย และมีบรรยากาศ โรแมนติก คอมเมดี้ยุค 90’s ที่ไม่ค่อยได้เห็นกันแล้ว อีกหนึ่งความประทับใจคือ อเล็กซานดรา นางเอกของเรื่องสวยดี ส่วนที่ไม่ชอบก็คือหนังพยายามใส่ประเด็นเรื่องของตัวตนของกันและกันว่า เมื่อคน 2 คนมารู้จักกัน เรียนรู้ซึ่งกันและกัน ก็เป็นธรรมดาที่จะต้องรับทั้งข้อดีและข้อเสียของแต่ละฝ่ายให้ได้ ประเด็นดีนะ แต่มันขยี้ลงไปไม่ถึงแก่นแถมการปูพื้นฐานตัวละครก็ยังไม่แน่นพอ เลยพาให้ตามเรื่องไปได้ไม่สุด ถึงแม้จะมีมุกตลกที่ยิงมาทีไรก็ขำทุกทีแทรกมาเรื่อย ๆ ก็ตาม อีกความรู้สึกที่ตะขิดตะขวงใจคือ หนังใส่ความเป็น stereotype ให้กับตัวละครรองเรื่องของเพศสภาพ สีผิว ชนชั้น อาชีพการงาน ที่ดูแล้วไม่น่ารักเลย แม้มันเป็นมุกตลกทว่าค่อนข้างเหยียดสีผิวและเชื้อชาติแบบเบาบางน่ะ

ติดให้ * ครึ่ง

 มงคลภาพยนตร์ ภูมิใจส่งFarewell Song เพลงรักเราสามคน” ของผู้กำกับและเขียนบท ชิโอตะ อากิฮิโระ (ผลงานก่อนหน้านี้ที่ค่อนข้างเป็นที่รู้จักในไทย ภาพยนตร์ Dororo(2007) และ I Just Wanna Hug You(2014) ได้นักแสดงนำ  โคมัตสึ นานะ รับบทเป็น เรโอะ, คาโดวากิ มุกิ รับบทเป็น ฮารุ และ นาริตะ เรียว รับบทเป็น ชิมะ ร่วมด้วยนักแสดงสมทบ  ชิโนยามะ อากิโนบุ, มัตซึโมโตะ มาริกะ, อาโอยางิ ทากายะ, มัตซึอุระ ยูยะ, ชิโนฮาระ ยูกิโกะ, สปอร์ต มากิตะ หนังเล่าเรื่องราวของ ฮารุ (คาโดวากิ มุกิ ) และ เรโอะ (โคมัตสึ นานะ) ได้ร่วมกันฟอร์มวงดนตรีแนวอินดี้ชื่อ ฮารุเรโอะ HaruLeo แล้วก็เริ่มกลายเป็นวงที่โด่งดังขึ้นมา ทั้งสองตัดสินใจออกทัวร์แสดงคอนเสิร์ต ตอนนั้นเองก็ได้พบกับ ชิมะ (นาริตะ เรียว) อดีตโฮสต์เก่าที่มาขอสมัครเป็นผู้ช่วยวง ด้วยเหตุผลว่าเขาชอบเพลงที่ฮารุเป็นคนแต่ง ทั้งสามออกทัวร์ไปด้วยกัน พร้อมกับความรู้สึกบางอย่างที่ก่อตัวขึ้นในหัวใจ เรโอะเริ่มชอบชิมะ แต่ชิมะกลับชอบฮารุ ในขณะที่ฮารุก็รู้สึกดีกับเรโอะ ระหว่างที่วงมีชื่อเสียงขึ้นเรื่อย ๆ วันหนึ่ง ฮารุ และ เรโอะก็ตัดสินใจยุบวง ฮารุเรโอะจะออกทัวร์แสดงคอนเสิร์ตเป็นครั้งสุดท้ายที่ ฮาโกดาเตะ ฮอกไกโด พร้อมกับความรู้สึกแท้จริงที่ค่อย ๆ เปิดเผย

 เล่าเรื่องของสามตัวละครหลักที่มีความรู้สึกต่อกัน แต่ปิดบังกันไว้ จนวันหนึ่งทั้งคู่ก็ตัดสินใจยุบวง โดยจะแสดงคอนเสิร์ตเป็นครั้งสุดท้าย จังหวะการเล่าเรื่องทั้งอืดและเอื่อย เปิดเรื่องมาก็ยุบวงเลย จึงต้องเล่าเหตุการณ์ย้อนหลังตัดสลับ เพื่อเติมเต็มปูมหลังของตัวละครทั้งสาม แต่ปัญหาคือ อธิบายไม่ชัดเจนเรื่องความสัมพันธ์ที่ห่างเหินระหว่าง ฮารุ กับ เรโอะ ว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ และสาเหตุใดทำให้ต้องตัดสินใจยุบวง! พอดูแล้วไม่เข้าใจก็ตามเรื่องไม่ทัน ทว่าก็ชอบบทเพลง และเข้าใจถ่องแท้ว่า มันใม่ใช่ของที่นึกจะสั่งก็สั่งได้ตามใจชอบ แต่มันเป็นเรื่องของอารมณ์ที่จะกลั่นกรองออกมา ซึ่งเป็นบทเพลงที่ช่างไพเราะมาก ขนาดฟังภาษาญี่ปุ่นไม่ออกก็รู้สึกสะดุดหูสุด ๆ

ติดให้ **

Related posts