“เชาว์” อัด นายกฯ เป็นใบ้ในวันที่คนทั้งชาติเดือดดาล หลังพบคณะทำงาน ธรรมนัส มีข่าวพัวพัน กักตุนหน้ากากอนามัย ชี้ ไร้ภาวะผู้นำ เสนอ ตั้งกก.คนกลางสาวถึงคนโกง เชื่อทำเป็นขบวนการ บี้ พาณิชย์ แจงสต๊อก 200 ล้านชิ้นหายไปไหน แนะ ปรับครม. ตัดเนื้อร้าย ก่อนวิกฤตศรัทธาลุกลาม ยก สมัย มาร์ค เป็น นายกฯ 2 รมต.ถูกกล่าวหา ตั้งกก.สอบทันที จบด้วยการลาออก พิสูจน์ ธรรมาภิบาลผู้นำ ได้มาจากการกระทำ ไม่ใช่แค่ลมปาก
นายเชาว์ มีขวด อดีตรองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ โพสต์ Facebook Chao Meekhuad เรื่อง อย่าปล่อยให้คนทุจริตโควิด-19 ลอยนวล มีเนื้อหาว่า
เห็นข่าวคณะทำงานร้อยเอกธรรมนัสพรหมเผ่า รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เข้าไปพัวพันกับการกักตุนหน้ากากอนามัย ในขณะที่คนทั้งประเทศจมอยู่กับความทุกข์ บุคลากรทางการแพทย์ขาดแคลนหน้ากากอนามัย แต่นายกกลับทำได้เพียงแสดงสีหน้าเคร่งเครียด ไม่ตอบคำถามผู้สื่อข่าว ยิ่งตอกย้ำให้เห็นถึงการไร้สภาวะผู้นำ เพราะในสถานการณ์เช่นนี้ สิ่งที่นายกต้องสื่อสารกับสังคมเป็นลำดับแรกคือ ไม่เก็บคนชั่วเอาไว้ และต้องตรวจสอบจัดการอย่างเด็ดขาดให้ถึงที่สุด
นายเชาว์ระบุต่อไปว่า เมื่อนายกทำตัวเป็นใบ้ในวันที่คนทั้งชาติเดือดดาล แต่ไม่คิดแก้ปัญหา ผมจึงขอเสนอทางแก้ ดังนี้
- ตั้งคณะกรรมการจากคนกลาง ตรวจสอบเรื่องนี้ให้ถึงที่สุด ว่ามีใครเกี่ยวข้องกับการกักตุนหน้ากากอนามัยบ้าง เชื่อว่าเรื่องนี้ต้องทำกันเป็นขบวนการอย่างแน่นอน จะตัดนายพิพิตนันท์ รักเอียด คณะทำงานของรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ออกจากการเป็นผู้สมรู้ร่วมคิดในเรื่องนี้ เพียงเพราะ มีการไปแจ้งความดำเนินคดี แบบขายผ้าเอาหน้ารอดไม่ได้โดยเด็ดขาด และต้องสืบสาวลงลึกด้วยว่าหน้ากากอนามัยที่อยู่ในความดูแลของกระทรวงพาณิชย์ หลุดรอดไปได้อย่างไรมีใครเข้าไปเอี่ยวกับการทุจริตบนความทุกข์ของประชาชนหรือไม่ ไม่ควรปล่อยให้เป็นเรื่องของเจ้าหน้าที่ตำรวจแบบคดีธรรมดา
- กระทรวงพาณิชย์ต้องชี้แจงว่า ก่อนหน้านี้เคยมีการให้ข่าว เกี่ยวกับสต็อค หน้ากากอนามัยในช่วงปลายเดือนมกราคมว่ามีสูงถึง 200 ล้านชิ้นเพียงพอต่อการใช้ภายในประเทศ 5-6 เดือน หน้ากากอนามัยในส่วนนี้หายไปไหน เหตุใดจำนวนจึงไปสอดรับกับการกักตุนหน้ากากอนามัยที่ ปรากฏข้อมูลอยู่ในขณะนี้ และทำไมในปัจจุบันจึงมีการพูดถึงแต่ปริมาณหน้ากากอนามัยที่ผลิตได้ในแต่ละวันเท่านั้น โดยไม่พูดถึงปริมาณหน้ากากอนามัยในสต๊อกเลย
- นายกรัฐมนตรีต้องรีบปรับครม. ตัดเนื้อร้ายทิ้ง ก่อนที่วิกฤตศรัทธาจะลุกลามมากไปกว่านี้ เพราะลำพังแค่ การบริหารจัดการหน้ากากอนามัยที่ล้มเหลว ก็ทำให้ประชาชนสิ้นหวังพอแล้ว ยังมีเรื่องการทุจริตถมทับเข้ามาอีก ถ้ายังไม่รีบจัดการรัฐบาลก็ไม่ควรอยู่ต่อไป เพราะไม่สามารถแก้ปัญหาให้กับประชาชนได้
“ผมจำได้ว่าในสมัยรัฐบาลนายกอภิสิทธิ์ มีการกล่าวหารัฐมนตรี 2 ท่านของพรรคประชาธิปัตย์ว่าทุจริต นายอภิสิทธิ์สั่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบทันที และให้รัฐมนตรีทั้ง 2 ท่านแสดงสปิริตลาออกจากตำแหน่ง เพื่อพิสูจน์ให้เห็นว่าจริยธรรมทางการเมืองอยู่เหนือกฎหมาย แม้ข้อกล่าวหาไม่ชัดแจ้ง แต่เป็นเรื่องที่กระทบกระเทือนความรู้สึกของประชาชน แม้สุดท้ายผลการสอบสวนของปปช.ออกมาว่ารัฐมนตรีทั้ง 2 ท่านนั้นไม่ผิดก็ตาม แต่สิ่งที่เราได้เห็นคือธรรมาภิบาลของผู้นำ ไม่ได้มาเพียงแค่คำพูด แต่ต้องมาจากการกระทำ” นายเชาว์ระบุทิ้งท้าย