ณ สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.)
วันที่ 15 มิถุนายน 2563 — สืบเนื่องจากปี พ. ศ. 2557 นายภูริพัฒน์ ดาลาดชัย กำนันตำบลโนนทัน อำเภอเมือง จังหวัดหนองบัวลำภู และไวยาวัจกร (อดีต นายกฯอบจ.) พร้อมชาวบ้านได้ร่วมกันตรวจสอบบัญชีเงินฝากของวัดถ้ำกลองเพล ธนาคารกรุงไทย สาขาหนองบัวลำภู ปรากฏว่า พระอธิการคำโพธิ์ ธนาคโม กับพวกรับสารภาพ ว่าได้ร่วมกันเบิกถอนเงินไปและมีการเบิกจ่ายไปซื้อที่ดินมูลค่าหนึ่งล้านบาท แต่ใส่ชื่อบุคคลอื่นเป็นเจ้าของที่ดิน(แทนที่จะใส่ชื่อเป็นทรัพย์สินของวัดถ้ำกลองเพล)
ทั้งยังมีการเบิกจ่ายเงินไปซื้อรถยนต์ อีกสามแสนห้าหมื่นบาท และใส่ชื่อบุคคลอื่นเป็นเจ้าของรถยนต์อีก แทนที่จะใส่ชื่อวัดถ้ำกลองเพล
รวมทั้งการเก็บตู้รับบริจาคเงินของวัด ไปนับเองและใช้จ่ายส่วนตัวฯ โดยไม่มีการตรวจสอบจากคณะกรรมการ ทั้งยังมีคดีการจับพระลูกวัดเสพยาเสพติดภายในวัดฯการขายวัตถุมงคลซึ่งกรณีวัดป่าเป็นเรื่องมิชอบฯ
รวมทั้งพฤติกรรมเจ้าอาวาสที่ไม่ปฏิบัติตามพระธรรมวินัย ขาดสมณสารูปที่สมกับเป็นพระภิกษุ อาทิ ไม่ออกรับบิณฑบาต ไม่รับกิจนิมนต์จากชาวบ้าน ฯลฯ ส่งผลให้วัดถ้ำกลองเพลปัจจุบันมีพระเพียงรูปเดียว คือ เจ้าอาวาส อาศัยอยู่กับแม่ชี 8 คน ทั้งที่เป็นวัดสายพระกรรมฐานของหลวงปู่ขาว อนาลโย ผู้ทรงศีลาจริยวัตรและปฏิปทา งดงาม และหลวงปู่บุญเพ็ง เขมาภิรโต พระผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบฯ ซึ่งในอดีต ได้รับพระมหากรุณาธิคุณจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 9 พร้อมทั้งพระบรมวงศานุวงศ์เสด็จพระราชดำเนินฯถึง 13 ครั้ง และพระองค์ท่านได้พระราชทานที่ดินทำกินแก่ชาวบ้าน
โดยสมัยก่อนมีพระภิกษุสงฆ์จำวัดอยู่กว่า 100 รูปสาธุชนและชาวบ้านต่างเคารพนับถือศรัทธาและมาทำบุญที่วัดถ้ำกลองเพลแห่งนี้เป็นจำนวนมาก
แต่หลังจากหลวงปู่บุญเพ็งละสังขารมีการตั้งเจ้าอาวาสรูปใหม่ขึ้นมาซึ่งไม่เป็นที่ยอมรับของชาวบ้านฯอะไรๆก็เปลี่ยนไป จนปัจจุบัน วัดถ้ำกลองเพลเกือบจะเป็นวัดร้าง อย่างไม่น่าเชื่อ ในที่สุดสาธุชนและชาวบ้านจึงรวมตัวกันร้องเรียนถึงพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมของเจ้าอาวาสฯ
ต่อมา ผู้ว่าราชการจังหวัดหนองบัวลำภู ได้มอบหมายให้ผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนา จังหวัดหนองบัวลำภู ติดตามกรณีดังกล่าวอย่างใกล้ชิด หลังจากที่มีคำสั่งเจ้าคณะจังหวัดหนองบัวลำภู ตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง เมื่อวันที่ 4 พฤษภาคม พ.ศ. 2563
ผลปรากฏว่า เจ้าอาวาสวัดถ้ำกลองเพลกระทำการอันบกพร่องต่อหน้าที่เจ้าอาวาสหลายประการ และมีมติให้พักหน้าที่ เจ้าอาวาสวัดถ้ำกลองเพลและให้เจ้าอาวาสวัดพร้อมผู้เกี่ยวข้องออกจากพื้นที่วัดภายใน 7 วัน และแต่งตั้งเจ้าคณะจังหวัดหนองบัวลำภู (ธรรมยุต) เป็นรักษาการเจัาอาวาสวัดถ้ำกลองเพล ซึ่งปัญหาก็ยังไม่ได้รับการแก้ไขอย่างจริงจังใดๆ
ประเด็นสำคัญที่ทำให้ชาวบ้านในพื้นที่เรียกร้องความเป็นธรรมมานานนับสิบปี และชาวพุทธผู้มีความศรัทธาในพระพุทธศาสนาตั้งคำถาม คือ
กรณีการทุจริต ประพฤติมิชอบของพระอธิการคำโพธิ์ ธนาคโม และพวก รวมถึงการไม่ปฏิบัติตามหลักพระธรรมวินัย เป็นสิ่งที่ได้มีการตรวจสอบชัดเจนและสรุปผลไปตั้งแต่ ปี พ.ศ. 2557 เหตุใดสงฆ์ฝ่ายปกครองสงฆ์ (เจ้าคณะจังหวัด) จึงปล่อยให้ขบวนการดังกล่าวยังคงปักรากฐานอยู่ในวัดต่อไป
คนเดิมๆยังคงอยู่ไม่มีการดำเนินการให้เป็นรูปธรรมไม่มีการให้ชาวบ้านเข้ามามีส่วนร่วมและตรวจสอบใดๆ สร้างความเสื่อมศรัทธาฯ มายาวนานกว่า 10 ปี
ปัจจุบันวัดถ้ำกลองเพล ซึ่งในอดีต มีพระจำพรรษาอยู่ กว่าร้อยรูป ปัจจุบันเหลือพระอยู่ไม่กี่รูปและสภาพปัจจุบัน เกือบจะเป็นวัดร้างแล้ว เพราะชาวบ้านเสื่อมศรัทธาฯซึ่งเป็นสิ่งที่น่าเสียดายมากๆ
จากข้อมูลเอกสารที่ชาวบ้านได้พยายามร้องเรียนไปยังสงฆ์ฝ่ายปกครอง ทั้งเจ้าคณะตำบล เจ้าคณะอำเภอ และเจ้าคณะจังหวัด หนองบัวลำภูฯ แต่คณะสงฆ์ในระดับจังหวัดกลับนิ่งเฉย รับทราบปัญหาแต่ไม่มุ่งมั่นที่จะจัดการปัญหาให้กับชาวบ้าน แม้แต่การรับหนังสือร้องเรียนแต่ เจ้าคณะจังหวัดฯกลับไม่ยอมเซ็นรับหนังสือ จากตัวแทนชาวบ้าน
ล่าสุดชาวบ้านจึงได้ร่วมกันยื่นหนังสือคัดค้านการแต่งตั้งเจ้าคณะจังหวัดหนองบัวลำภู (ธรรมยุต) เป็นรักษาการเจ้าอาวาสวัดถ้ำกลองเพล
จากพฤติกรรมที่เอื้อต่อผู้กระทำความผิดตลอดหลายปีที่ผ่านมา และการนิ่งเฉยต่อการร้องเรียนอย่างต่อเนื่อง เป็นเหตุให้คณะสงฆ์ได้มีการประชุมที่วัดถ้ำกลองเพล เมื่อวันที่ 17 พฤษภาคม 2563 โดยรักษาการเจ้าคณะภาค 8 (ธรรมยุต) กล่าวยอมรับว่า วัดถ้ำกลองเพลในอดีตมีคุณงามความดีสูงเสียดฟ้า เป็นที่ศรัทธาอย่างสูง แต่ในปัจจุบัน ต่ำเรี่ยดิน ไม่หลงเหลือความศรัทธา
ซึ่งเจ้าคณะจังหวัดอุดรธานี ชาวบ้านให้ความเคารพศรัทธาฯ ได้ขอให้ชาวบ้านและคณะศิษย์หลวงปู่บุญเพ็งได้อดทน ขอเวลาให้คณะสงฆ์ได้ ‘ล้างวัดให้สะอาด’ แต่จนถึงปัจจุบันเเป็นเวลากว่า ทศวรรษ ปรากฎว่า รักษาการเจ้าอาวาสไม่ได้ปฏิบัติตามมติสงฆ์แต่อย่างใด
โดยไม่มีการดำเนินการกับอดีตเจ้าอาวาส/พระและชีรวมถึงฆราวาสที่กระทำผิด ไม่มีการแจกแจงเงินในบัญชีวัดที่ปกปิดอย่างมีเงื่อนงำมาหลายปี จนชาวบ้านทนไม่ไหว ถึงกับพูดว่า
“นี่คือ วัด หรือ ซ่องโจร!”
จึงเป็นที่มาของการมาเรียกร้องขอความเป็นธรรม จากคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ขอให้ดำเนินการสอบสวนและดำเนินคดี ฯลฯ กรณีพระอธิการคำโพธิ์ ธนาคโม อดีตเจ้าอาวาสวัดถ้ำกลองเพล กับพวกและผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งหมด ซึ่งมีพฤติกรรมส่อไปในทางทุจริตและกระทำความผิดสำเร็จแล้วในหลายๆเรื่องมีหลักฐานชัดเจน และเชื่อว่ามีผู้ที่อยู่ในขบวนการทุจริตคอรัปชั่นประพฤติมิชอบเป็นจำนวนมากที่เกี่ยวข้องและ มีผลประโยชน์ฯร่วมกัน
จึงทำให้อดีตเจ้าอาวาสได้รับการแต่งตั้งเป็นเจ้าอาวาสอย่างเร่งรัดรวดเร็ว และยังครองผ้าเหลืองอยู่โดยไม่สะทกสะท้าน ท่ามกลางวิกฤตศรัทธาของชาวบ้าน และความสะเทือนใจของชาวพุทธทั่วประเทศ
ทั้งนี้ นายภูริพัฒน์ ดาลาดชัย กำนันตำบลโนนทัน และนายสมหมาย อัยแก้ว อดีตไวยาวัจกร วัดถ้ำกลองเพล เป็นผู้แทนชาวบ้านตำบลโนนทันฯ เข้ายื่นเอกสารหลักฐานร้องเรียน ป.ป.ช. เมื่อวันที่ 15 มิถุนายน พ.ศ. 2563
ที่ผ่านมา เพื่อขอให้สอบสวนและดำเนินคดีฯการทุจริตประพฤติมิชอบของบุคคลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเกี่ยวกับกรณีวัดถ้ำกลองเพล ซึ่งมีหลักฐานชัดเจนและอดีตเจ้าอาวาสได้รับสารภาพว่ากระทำผิดจริง แต่คณะสงฆ์ฝ่ายปกครองกลับไม่มีการดำเนินการใดๆ จนถึงปัจจุบัน
ล่าสุด กลองและฆ้องโบราณที่เป็นสมบัติล้ำค่าประจำวัดถ้ำกลองเพล ซึ่งมีอายุกว่าพันปี (มูลค่ามหาศาล) ก็อันตรธานหายไปจากวัดแล้ว พอชาวบ้านรวมตัวกันสอบถามก็ไม่ได้รับคำตอบที่ชัดเจนใดๆ กลับมีการนำกลองและฆ้องใหม่ซึ่งไม่ใช่ของเดิมที่มีคุณค่ามาทดแทน…
ใครสมควรต้องรับผิดชอบ
การเรียกร้องความเป็นธรรมและความโปร่งใสฯ ให้กลับมาสู่วัดถ้ำกลองเพล (วัดสายหลวงปู่มั่นฯ) ที่มีคุณค่าทางจิตใจของชาวพุทธทั่วประเทศและทั่วโลก
รวมทั้งโปรดพิจารณาฯกระบวนการบริหารของสงฆ์ฝ่ายปกครองในจังหวัดหนองบัวลำภู ในการดำเนินการด้วยความโปร่งใส เป็นธรรม มีคุณธรรมจริยธรรมหรือไม่
โดยทางกำนันภูริพัฒน์ ดาลาดชัยและนาย สมหมาย อัยแก้ว อดีตนายก อบจ.และอดีต ไวยาวัจกรวัดถ้ำกลองเพลได้กล่าวในตอนท้าย ว่าทั้งสองคนมาด้วยความบริสุทธิ์ใจ หลังจากที่เป็นตัวแทนชาวบ้านฯ
ในการร้องเรียนเรื่องดังกล่าวนี้ก็ถูกกลั่นแกล้งฯสารพัด..
จึงขอร้องให้ ข้าราชการทุกภาคส่วน โดยเฉพาะ ส่วนที่เกี่ยวข้องและพุทธศาสนิกชนฯทั่วประเทศไทย โปรดมาช่วยกัน “ปกป้องวัดถ้ำกลองเพล” ให้กลับมาเป็นที่เคารพศรัทธาของชาวพุทธและชาวบ้านเหมือนเดิมให้ได้
ที่สำคัญ ณ วัดถ้ำกลองเพล แห่งนี้ มีพระพุทธรูปโบราณและสิ่งที่มีคุณค่ามหาศาลเป็นที่เคารพศรัทธามากมาย
ปัจจุบัน ไม่เหมือนในอดีตแล้ว… จึงขอให้ชาวพุทธทั่วประเทศและทั่วโลกมาร่วมด้วยช่วยกัน…
การออกมาปกป้องวัดถ้ำกลองเพลในครั้งนี้ จึงเป็นสิ่งที่สังคมและพุทธศาสนิกชนทั่วประเทศ กำลังให้ความสนใจอย่างยิ่ง และเป็นหน้าที่ของพุทธบริษัทสี่ ที่ต้องช่วยกันดูแลปกป้องพระพุทธศาสนาให้มีความมั่นคงสืบไป ตามพุทธดำรัสขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าที่ทรงฝากหน้าที่สำคัญนี้ให้ชาวพุทธทุกหมู่เหล่า ก่อนเสด็จดับขันธปรินิพพาน
ศีลธรรมไม่กลับมาโลกาจะวินาศ #saveวัดถ้ำกลองเพล #saveพระพุทธศาสนา #saveหนองบัวลำภู
ขอบพระคุณที่ช่วยกันปกป้องพระพุทธศาสนา
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่
กำนันภูริพัฒน์ ดาลาดชัย เบอร์โทรศัพท์ 091-052-5809