เข้าสู่รอบตัดสิน ในโครงการ “U Power: Digital Idea Challenge” ที่จัดต่อเนื่องเป็นปีที่ 4 โดยเปิดโอกาสให้เยาวชนนิสิต นักศึกษา ระดับอุดมศึกษาทั่วประเทศร่วมแสดงความสามารถ และความคิดสร้างสรรค์อย่างไร้ขีดจำกัด ด้วยแนวคิดการประกวดแผนการตลาดที่เน้นการประยุกต์ใช้ Digital Technology โดยน้องๆ จะได้ทดลองปฏิบัติจริงตามแผนการตลาด จาก 8 โจทย์อุตสาหกรรมชั้นนำของประเทศ ซึ่งแต่ละทีมที่ได้รับคัดเลือกเข้ารอบสุดท้าย จะมีงบประมาณให้ทดลองทำการตลาดจริงทีมละ 20,000 บาท ร่วมลุ้นทีมไหนสามารถนำแผนเข้าสู่เป้าหมายครองใจตัวจริง
นางสาวกัลยา แสวงหาบุญ เลขาธิการสมาคมผู้ใช้ดิจิทัลไทย เปิดเผยว่า “ “โครงการ “U Power: Digital Idea Challenge” จัดขึ้นโดยกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (MDES) ร่วมมือกับกระทรวงการอุดมศึกษาวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (MHESI) และสมาคมผู้ใช้ดิจิทัลไทย (DUGA) โดยในปีนี้มีนิสิตนักศึกษาเข้าร่วมแข่งขันกว่า 821 ทีม จาก59 มหาวิทยาลัยทั่วประเทศ ซึ่งทีมที่ผ่านการคัดเลือกในรอบแรกจะต้องเข้ามาอบรมกับวิทยากรผู้มีประสบการณ์จริงเพื่อเตรียมความพร้อมก่อนที่จะต้องไปรับโจทย์จากองค์กรเอกชนที่เข้าร่วมโครงการเพื่อให้น้องๆ เกิดไอเดีย ในการประยุกต์แผนการตลาดมาผนวกกับเทคโนโลยีดิจิทัล ได้อย่างรอบด้าน
การแข่งขันในครั้งนี้ ถือเป็นประสบการณ์ที่นิสิต นักศึกษาไม่สามารถหาได้จากในห้องเรียน และเพื่อรองรับแผน พัฒนาตามยุทธศาสตร์ Digital Economy ของรัฐบาล เพราะปัจจุบันการตลาดดิจิทัล เป็นสิ่งที่ทุกภาคส่วนในองค์กรธุรกิจมีความต้องการอย่างมาก ประกอบกับการแพร่ระบาดของ โควิด 19 ทำให้องค์กรเอกชนต้องปรับตัวมุ่งสู่แพลตฟอร์มดิจิทัล เพื่อสร้างโอกาสการแข่งขันในเชิงการตลาดทั้งในประเทศและต่างประเทศ ซึ่งการสร้างประสบการณ์ที่ให้ผู้เข้าร่วมโครงการได้คิดแผนการตลาด และลงมือทำจริงจากโจทย์ของผู้ประกอบการ ด้วยการนำเทคโนโลยีสมัยใหม่เข้ามาช่วยส่งเสริมจึงเป็นอีกโครงการที่จะเตรียมความพร้อมนิสิต นักศึกษา ที่จะได้ฝึกฝนทำงานจริง ก่อนที่จะเข้าสู่ตลาดแรงงาน ในอนาคต
ที่สำคัญโครงการนี้ยังได้รับความร่วมมือจากภาคธุรกิจเอกชน ที่เข้ามาสนับสนุน และให้โจทย์การทำงานจริงกับน้องๆ เช่นแบรนด์ SOLA Himalaya Wacoal และ Colly โดยผู้เข้าแข่งขันแต่ละทีม จะได้รับโจทย์ความท้าทายจากองค์กรธุรกิจ และเป็นการเรียนรู้จากผู้ประกอบการจริง ในภาวะที่โลกของธุรกิจมีการเปลี่ยนแปลงในการนำ
เทคโนโลยีมาใช้งาน และจะต้องนำเสนอกลยุทธ์ทางการตลาดที่เน้นการสื่อสารด้านดิจิทัล (Digital Marketing Objective and Strategy) พร้อมนำเสนอแนวทางการจัดทําแผนการดําเนินงาน ที่แสดงให้เห็นความคิดสร้างสรรค์ ที่มีความเป็นได้และใช้งานได้จริงซึ่งผลที่ได้จากโครงการนี้ นอกจากจะสร้างบุคลากรด้านการตลาดรุ่นใหม่แล้วองค์กรเอกชนที่เข้าร่วมก็จะได้เห็นถึงแผนการตลาดที่คนรุ่นใหม่คิด และสามารถนำไปประยุกต์ใช้ในการทำงานขององค์กรได้อย่างเหมาะสม ถือเป็นการเรียนรู้ แลกเปลี่ยนไอเดียระหว่างกัน เพื่อเสริมสร้างการทำงาน และความเข้มแข็งให้กับแบรนด์ในอนาคต” นางสาวกัลยา กล่าวและเพิ่มเติมว่า
โดยในรอบสุดท้าย จะมีทีมที่ผ่านการคัดเลือกทั้งหมด 12 ทีม และคณะกรรมการจะตัดสินว่าทีมไหนจะได้รับรางวัลชนะเลิศ ในวันศุกร์ที่ 26 มิถุนายน 2563 เวลา 11.00 -12.30 น. ณ ห้อง Jubilee A-B ชั้น 11 โรงแรมเดอะเบอร์เคลีย์ ประตูน้ำ โดยในวันประกาศผล และมอบรางวัล The Winner Award U Power Season 4 ทางโครงการได้รับเกียรติจาก นางสาวปิยนุช วุฒิสอน ผู้ตรวจราชการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม , นายเพิ่มสุข สัจจาภิวัฒน์ หัวหน้าผู้ตรวจราชการ กระทรวงอุดมศึกษาวิทยาศาสตร์วิจัยและนวัตกรรม และนางสาวกัลยา แสวงหาบุญ เลขาธิการสมาคมผู้ใช้ดิจิทัลไทย (DUGA) เป็นสักขีพยานในการมอบรางวัล พร้อมกับตัวแทนองค์กรเอกชนที่เข้าร่วมโครงการจาก บริษัท โซบิวตี้จำกัด ,บริษัท ดีเคเอสเอช(ประเทศไทย) จำกัด, บริษัท ไทยวาโก้จำกัด (มหาชน) , บริษัท พัฒน์พลัส จำกัด
สำหรับทีมที่ชนะเลิศ จะได้รับทุนการศึกษา จำนวน 50,000 บาท พร้อมประกาศนียบัตร และถ้วยรางวัลจากนายกรัฐมนตรี พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ส่วนรางวัลรองชนะเลิศอันดับ 1 รับทุนการศึกษา จำนวน 40,000 บาท พร้อมประกาศนียบัตรและถ้วยรางวัล จากกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (MDES) และกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (MHESI)
รางวัลรองชนะเลิศอันดับ 2 รับทุนการศึกษา จำนวน 30,000 บาท พร้อมประกาศนียบัตรและถ้วยรางวัลจาก กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (MDES) และกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (MHESI)
รางวัลชมเชย 3 รางวัล รับทุนการศึกษา จำนวน 10,000 บาท พร้อมประกาศนียบัตร จากกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (MDE) และกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (MHESI)
โครงการ “U Power: Digital Idea Challenge” จึงถือเป็นอีกเวทีที่จะบ่มเพาะนักการตลาดยุคใหม่ ที่สามารถประยุกต์ใช้เครื่องมือ และแนวทางการทำงานด้านดิจิทัล ที่สอดคล้องกับแผนยุทธศาสตร์ Digital Economy ของรัฐบาล ได้อย่างรอบด้าน และสามารถสร้างการแข่งขันบนเวทีธุรกิจในประเทศและต่างประเทศ ได้อย่างเท่าทันกับเทคโนโลยีในโลกอนาคต” นางสาวกัลยากล่าวสรุป
รายชื่อเข้ารอบชิงชนะเลิศทั้งหมด 12 ทีม จาก 8 โจทย์อุตสาหกรรม
- แบรนด์ Sola :
– ทีม แมวเหมียว จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
- แบรนด์ Himalaya :
– ทีม Leave it on us มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
– ทีม 4POWER จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
- แบรนด์ Wacoal :
– ทีม PYP Cloud มหาวิทยาลัยกรุงเทพ
– ทีม U So Cute มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ
- แบรนด์ Colly :
– ทีม Mitr มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
- แบรนด์ RII :
– ทีม บาบาบิ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโฒ
– ทีม Aiko มหาวิทยาลัยกรุงเทพ
- แบรนด์ Veldent :
– ทีม Unlimit มหาวิทยาลัยเชียงใหม่
– ทีม Push Up มหาวิทยาลัยกรุงเทพ
- แบรนด์ Jula’s Herb :
– ทีม ชาลาลา ลาลา มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ
- แบรนด์ Snowgirl :
– ทีม Red Panda มหาวิทยาลัยเชียงใหม่
รายชื่อคณะกรรมการตัดสิน โครงการ “U Power: Digital Idea Challenge ครั้งที่ 4th ”
- คุณสุภาวดี ตันติยานนท์
อุปนายก สมาคมผู้ใช้ดิจิทัลไทย
Founder Experience Matters Co., Ltd.
- คุณขนิษฐา ตั้งวรพจน์วิธาน
กรรมการ สมาคมการตลาดแห่งประเทศไทย
Deputy Managing Director INTAGE (Thailand) Co., Ltd.
- คุณโศรดา ศรประสิทธิ์
เลขาธิการสมาคมโฆษณาดิจิทัล (ประเทศไทย)
ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บริลเลียน แอนด์ มิลเลียน จำกัด
- คุณภารุจ ดาวราย
กรรมการ สมาคมโฆษณาดิจิทัล (ประเทศไทย)
Managing Director ,Digital
รายชื่อบริษัทเจ้าของโจทย์ที่เข้ารอบ
– บริษัท โซบิวตี้ จำกัด
– บริษัท ดีเคเอสเอช (ประเทศไทย) จำกัด
– บริษัท ไทยวาโก้ จำกัด (มหาชน)
– บริษัท พัฒน์พลัส จำกัด
– บริษัท เพิ่มพูนพัฒนา อุตสาหกรรม จำกัด
– บริษัท เอ็นบีดี เฮลท์แคร์ จำกัด
– บริษัท เจแอลซี กรุ๊ป จำกัด
– บริษัท สยามเนเชอรัล โปรดักซ์ จำกัด
ผลการตัดสินรางวัล The Winner Award U Power Season 4
รางวัลชนะเลิศ ได้แก่ ทีม Unlimit มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ได้รับทุนการศึกษา 50,000 บาท พร้อมประกาศนียบัตร และถ้วยรางวัลจากนายกรัฐมนตรี พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา
รางวัลรองชนะเลิศอันดับ 1 ได้แก่ทีม Red Panda มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ได้รับทุนการศึกษา 40,000 บาท พร้อมประกาศนียบัตร และถ้วยรางวัลจากกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (MDES) และกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (MHESI)