สถาบันเครือข่ายไทยสร้างสรรค์(สคทส.)Thai Sangsan Institute มองประเทศไทยในยามวิกฤติ คนไทยต้องร่วมมือร่วมใจกันเพื่อให้ประเทศเดินหน้า เราเป็นประเทศที่โชคดีที่สุดในโลกแล้วในยามวิกฤติจากโรคไวรัสโควิด-19 ได้รับคำชมเชยจากนานาชาติว่าจัดการดูแลปัญหาโควิดได้ดีเป็นที่หนึ่งของโลก หลังโควิด-19นักธุรกิจจากต่างประเทศเลือกที่จะมาลงทุนและเป็นจุดหมายทางด้านการท่องเที่ยวที่ทุกคนอยากมาประเทศไทยมากที่สุด เหลืออย่างเดียวคือ ปัญหาทางด้านการเมืองในประเทศไทยเราต้องสงบ
นายสมชาย พหุลรัตน์ ประธานสถาบันเครือข่ายไทยสร้างสรรค์(สคทส.) Thai Sangsan Institute เผยถึงการแสดงความคิดเห็นของคณะกรรมการและเครือข่ายสถาบันฯที่ได้พบปะกัน อาทิ อดีตอธิบดีกรมอาเซียน และอดีตเอกอัครราชทูตในหลายประเทศ ท่านประดาบ พิบูลย์สงคราม, ศ.ดร.สุรพล บุญประถัมภ์ (นักวิชาการด้านศาสนา) อาจารย์นิดาวรรณ เพราะสุนทร เลขาธิการสถาบันฯ(ผอ.หลักสูตรนิติศาสตร์ ม.รังสิต) ,Prof.อิน นฤหล้า นักวิชาการนานาชาติ(อดีตคณะบดีคณะบริหารธุรกิจเอแบค)และทีมวิทยากรด้านภาวะผู้นำ(Leadership) Porf.สก็อต บัดเล่ย์ (Prof.ปีแอร์ เดอลาลองด์) ทีมอบรมโครงการเยาวชนรุ่นใหม่ทางการเมืองของสถาบันฯหรือ(Young Political Leadership) , พ.ต.อ.สุรโชค เจษฎาเดช “สารวัตรแรมโบ้” ประธานมูลนิธิป้องกันต่อต้านอาชญากรรมและยาเสพติด(ในฐานะที่ปรึกษาสถาบันฯ)และนายชนแดน พรหมเมศร์ (นักเรียนนอกและนักธุรกิจสมุนไพร)ได้ร่วมกันแสดงความคิดเห็นถึง สถานการณ์ในประเทศไทยในขณะนี้ว่า..”ประเทศไทยอยู่ในช่วงที่เจอวิกฤติโรคไวรัสโควิด19 มาถึงปัจจุบัน 7-8 เดือนแล้วและยังต้องเจอกับปัญญาเศรษฐกิจอีกด้วย เราส่งออกไม่ได้เต็มที่ติดลบ นักท่องเที่ยวจากต่างชาติไม่มีเข้ามา ซึ่งเป็นปัญหาให้เม็ดเงินในแต่ละไตรมาสหายไป 4-5 แสนล้านบาท ผู้คนในธุรกิจท่องเที่ยวกว่า 10 สาขาอาชีพในธุรกิจด้านนี้ได้รับผลกระทบอย่างรุนแรง ในด้านการแก้ปัญหารัฐบาลก็พยายามช่วยเหลือประชาชนและธุรกิจที่ได้รับผลกระทบอย่างเต็มที่
ประธานสถาบันฯ กล่าวว่า สถานการณ์ในขณะนี้คือ เราต้องเอาจุดแข็งที่ประเทศเราได้รับคำชมจากต่างประเทศในด้านการดูแลเรื่องโรคโควิดเป็นอย่างดี มาเป็นจุดขายในสถานการณ์หลังโควิดคลี่คลาย และที่สำคัญคนไทยก็ต้องร่วมมือร่วมใจกันเพื่อให้ประเทศขับเคลื่อนเดินหน้าไปได้ ทุกประเทศมีปัญหาหมด ปัญหาใหญ่โควิดทั้งโลกเราถือว่าจัดการได้ดี ดังนั้นเราต้องใช้โอกาสตรงนี้ให้เกิดประโยชน์กับประเทศมากที่สุด นักลงทุนต่างชาติต่างมีเป้าหมายจะมาลงทุนในประเทศไทยกันเป็นอันดับต้นๆและเป็นจุดหมายที่นักท่องเที่ยวทั้งโลกอยากมาประเทศไทยมากที่สุดอีกด้วยซึ่งล้วนเป็นข่าวดี แต่เราก็ต้องมาดูแลปัญหาทางด้านการเมืองในบ้านเราว่าจะสงบเรียบร้อยหรือเปล่าด้วย
ทางด้านอาจารย์นิดาวรรณฯ กล่าวว่าในฐานะที่เป็นแกนนำยุทธศาสตร์ด้านกฎหมายของสถาบันฯที่รวบรวมเอานักกฎหมายระดับปริญญาเอกมาร่วมกันทำความดีเพื่อแผ่นดิน มองในฐานะอาจารย์สอนกฎหมายและนักวิชาการด้านกฎหมายที่เคยทำงานด้านวิจัยมาหลายเรื่อง ก็มีความรู้สึกว่าในสถานการณ์วันนี้ของประเทศไทย เราขายแคมเปญที่เกิดจากจุดแข็งของประเทศได้อย่างเต็มที่ และปัญหาการเมืองนั้นสำคัญมาก เราต้องฟังปัญหาของคนรุ่นใหม่ ๆ ว่าสิ่งที่เขาเรียกร้องนั้นมันมาจากความเห็นหรือไม่พอใจในเรื่องใด เราก็ต้องเอาโจทย์ตัวนั้นมาแก้ไขด้วยความจริงใจและจริงจังที่ทำให้เขาเห็นว่า รัฐบาลรับฟังความคิดเห็นและตั้งใจที่จะแก้ไขในส่วนที่คนรุ่นใหม่เขาเรียกร้อง ..ดิฉันเชื่อว่า ปัญหาทุกอย่างมันย่อมแก้ไขได้ เพราะพื้นฐานแล้วทุกอย่างมันต้องทำให้เกิดความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย สังคมมันถึงจะอยู่ด้วยกันได้ ในขณะที่เราเจอวิกฤติถึงสองด้านถ้าจะมีเรื่องอื่นมาสมทบวิกฤติไปอีกก็ยิ่งหนักเข้าไปอีก
ส่วน พ.ต.อ.สุรโชคฯ หรือ”สารวัตรแรมโบ้” ได้แสดงความคิดเห็นว่า”..ในสถานการณ์ที่เรายังต้องรอวัคซีนโควิด19 ทุกคนต้องระมัดระวังเซฟตัวเอง เพราะในหลายๆประเทศยังติดเชื้อกันมาก ๆ ในเอเชีย อินเดียติดเชื้อจนน่ากลัว มีอดีตประธานาธิบดีติดเชื้อแล้วเสียชีวิต คนสูงอายุจึงต้องระวังมาก ปัญหาด้านนี้ในไทยผมเชื่อมือทีมศูนย์โควิด แต่ปัญหาการเมืองก็เป็นเรื่องใหญ่ภายในประเทศเรา ที่กลุ่มนักศึกษา-นักเรียน-เยาวชนปลดแอกออกมาเรียกร้องรัฐบาลเลิกคุกคาม แก้ไขรัฐธรรมนูญและยุบสภาฯ ขณะที่ก็มีอีกกลุ่มมาเป็นกองเชียร์และปกป้องสถาบันฯและไม่ยอมให้แก้รัฐธรรมนูญ ทุกคนกลัวจะเกิดม็อบชนม็อบถ้าการเมืองไม่นิ่ง ที่เราหวังจะเอาจุดแข็งของประเทศที่ได้รับคำชมจากนานาชาติเรื่องโควิด ก็อาจจะไม่เกิดประโยชน์กับประเทศดังนั้นปัญหาการเมืองจึงต้องวางแผนแก้ไขให้ดีครับ.