MHC ผู้นำศัลยกรรมปลูกผมถาวรของไทย เร่งวางฐานธุรกิจให้เข้ากับวิถีปกติใหม่ เน้นส่งเสริมการวิจัยและนำเข้านวัตกรรมที่ทันสมัยรองรับตลาดปลูกผมโตต่อเนื่อง ย้ำไม่หวั่นเรื่องสงครามราคาพร้อมชูกลยุทธ์การสื่อสารการตลาดตรงไปตรงมา รับมือพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนไป
นพ.ธิติวัฒน์ วีรโรจน์รัชกุล ศัลยแพทย์ เจ้าของศูนย์ศัลยกรรมปลูกผมถาวร Million Hair Transplant Center หรือ MHC เปิดเผยว่า ตลาดปลูกผมยังคงทรงตัว และมีผู้ประกอบการ คลินิกใหม่ ๆ เกิดขึ้นมาก ทำให้ระดับคุณภาพของการบริการมีความหลากหลายมากขึ้น ทั้งคุณภาพที่ดี และพอใช้ได้ ซึ่งก็ขึ้นอยู่กับความพึงพอใจของผู้บริโภคที่จะเลือกใช้บริการ ในส่วนของ MHC เป็นอีกหนึ่งแบรนด์ทางเลือกให้กับคนไข้ที่ต้องการปลูกผม ซึ่งเปิดให้บริการครบวงจร ทั้งปลูกผม ปลูกคิ้ว และปลูกขนตา โดยผู้มาใช้บริการส่วนใหญ่ประมาณ 80% มีปัญหาผมร่วง และศีรษะล้านอันเนื่องมาจากพันธุกรรม ทั้งนี้ไม่หวั่นเรื่องสงครามราคาเพราะเชื่อว่าผู้บริโภคจะเลือกจากผลงานและคุณภาพที่ผ่านมา
“ตลอด 12 ปีที่ผ่านมาเราดำเนินธุรกิจด้วยการรักษาจริยธรรม จรรยาบรรณของแพทย์ไว้เป็นอย่างดี มุ่งเน้นการวิเคราะห์ในแต่ละบุคคลอย่างละเอียด ถี่ถ้วน ให้คำปรึกษาและคำตอบการแก้ปัญหาในแต่ละเคสแบบตรงไปตรงมา รักษาได้หรือไม่ได้ จะใช้วิธีไหนในการรักษา รวมถึงการดูแลคนไข้หลังการรักษา เฝ้าติดตามอาการ ที่สำคัญจะบอกถึงผลกระทบที่จะเกิดขึ้นในอนาคตอย่างละเอียด อย่างเช่น คนไข้ที่อายุไม่ถึง 30 ปี ก็จะไม่แนะนำให้ปลูกผมถ้าไม่ใช่เคสที่มีปัญหาหนักจริงๆ หรือคนที่ผมร่วงศีรษะล้านแบบพันธุกรรมก็จะบอกลูกค้าว่าการปลูกผมอาจช่วยได้ในระดับหนึ่ง พอถึงจุดหนึ่งอาจกลับมาเป็นเหมือนเดิมได้ โดยจะคำนึงถึงประโยชน์สูงสุดชองผู้มาใช้บริการ และเพื่อตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าอย่างแท้จริง เป็นที่เดียวที่บอกความจริงเรื่องผลลัพธ์นี้อาจจะไม่100 % เพราะยังมีปัจจัยอีกหลายอย่างที่นอกเหนือการควบคุม เช่น การปฎิบัติตัวหลังรับการรักษา สุขภาพของผู้รับบริการ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นมันคือการร่วมมือกันระหว่างให้บริการและผู้ใช้บริการเพื่อให้เกิดประสิทธิผลสูงสุด” นพ.ธิติวัฒน์ กล่าว
ต้องยอมรับว่าปัจจุบันนั้นพฤติกรรมผู้บริโภคเปลี่ยนไปจากเดิม ท่ามกลางข้อมูลข่าวสารที่มากมาย Fake news การสื่อสารการตลาดที่เกินจริง สร้างสรรคค์แต่งเติม เพื่อดึงความสนใจกับลูกค้านั้น ทำให้ก่อนที่จะมีการตัดสินใจมารับบริการ หรือเดินเข้ามารับคำปรึกษานั้น คนส่วนใหญ่จะศึกษา หาข้อมูลมาก่อนแล้ว ดังนั้นเรายังคงเชื่อมั่นในแนวทางที่ทำมาโดยตลอดคือการตลาดที่ต้องทำด้วยความจริงใจ ตรงไปตรงมา ไม่หลอกลวง ถึงจะชนะใจผู้บริโภคได้ ที่สำคัญจะไม่เน้นการทำโฆษณาเกินจริง เพราะเชื่อว่าแต่ละบุคคลการรักษาจะไม่เหมือนกัน และได้ผลที่แตกต่างกันออกไป มุ่งเน้นเรื่องคุณภาพการรักษาคนไข้เป็นหลัก ให้คนไข้ได้ความเป็นธรรมชาติ กลับไปใช้ชีวิตปกติให้เร็วที่สุด และจะดูแลคนไข้ตลอดในระหว่างการติดตามการรักษา
ทั้งนี้ MHC ยังคงเดินหน้าพัฒนาด้านบุคลากร การคิดค้นวิจัย และการลงทุนด้านวัตกรรม รวมถึงเทคโนโลยีใหม่ ๆ ที่ต้องนำมาใช้ในการให้บริการลูกค้าอย่างต่อเนื่อง พร้อมกันนี้ยังจะเดินหน้าจัดประชุมวิชาการในระดับนานาชาติเพื่อนำความรู้ใหม่ๆ เข้ามาใช้ในประเทศไทย นอกจากจะนำหุ่นยนต์ตัวแรกของโลกที่ใช้ในการทำศัลยกรรมปลูกผมโดยไม่ต้องผ่าตัด ที่เรียกว่า “ARTAS” มาใช้ในการรักษาเป็นรายแรกของไทยแล้ว ปัจจุบัน MHC ยังมีการปลูกผมด้วยเทคนิค FUE และ FUT (Strip) รวมถึงนวัตกรรมหัวเจาะต่าง ๆ และการปลูกผมด้วย สเต็มเซลล์ของตัวเอง สเต็มเซลล์เส้นผมของตัวเอง หรือเซลล์ร่างกายของตัวเอง ไขมัน พลาสม่าตัวเอง ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับข้อตกลงร่วมกับคนไข้ในการเลือกว่าจะทำแบบไหน ในอนาคตพร้อมที่จะลงทุนเรื่องเทคโนโลยีใหม่ ๆ หากมีอะไรใหม่ที่คิดว่าดี ลงทุนแล้วคุ้มค่า ก็จะลงทุน แม้จะมองว่าธุรกิจศัลยกรรมปลูกผมจะมีต้นทุนสูงกว่าการศัลยกรรมอย่างอื่นก็ตาม
ปัจจุบันตลาดปลูกผมในประเทศไทยมีมูลค่าตลาดรวมต่อปีกว่า 1,000 ล้านบาท ซึ่งมีอัตราการเติบโตต่อเนื่องมากกว่า 10% ในทุกปี โดยภาพรวมของบริษัทอัตราการเติบโตเพิ่มขึ้น 10% จากปีก่อน และคาดว่าในอีก 2 ปีข้างหน้า จะมีการนำเข้านวัตกรรมใหม่ล่าสุดเข้ามาเพื่อตอกย้ำการเป็นผู้นำด้านนวัตกรรมปลูกผมของไทยอีกด้วย” นพ.ธิติวัฒน์ กล่าวทิ้งท้าย