สีเบเยอร์ เปิดตัว สีทาภายในสำหรับบ้าน ที่อยู่อาศัยและอาคาร เกรดอัลตร้าพรีเมี่ยม “เบเยอร์ชิลด์ แอนตี้ไวรัส โกลด์ ไอออน” (BegerShield Anti-Virus Gold Ion) มาพร้อมนวัตกรรมอันป็นเอกสิทธิ์เฉพาะของเบเยอร์ที่ให้มากกว่าสีทาภายใน ตอกย้ำความเป็นผู้นำสีนวัตกรรมตัวจริง ด้วยเทคโนโลยีสุดล้ำ “โกลด์ ไอออน” (Gold Ion Technology) รายแรกของวงการสี ให้ทั้งความสะอาดและกำจัดเชื้อโคโรนาไวรัส พร้อมผลการรับรองจากสถาบันสุขภาพระดับโลก
ดร.วรวัฒน์ ชัยยศบูรณะ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มบริษัท เบเยอร์ จำกัด กล่าวว่า “กว่า 60 ปีที่เบเยอร์เติบโต และดำเนินธุรกิจภายใต้ปณิธาน Eco-Wellness Innovation มุ่งมั่นรังสรรค์นวัตกรรมใส่ใจสุขภาพและสิ่งแวดล้อมเพื่อคุณภาพชีวิตที่ดี ได้เปิดเผยถึงแนวคิดการพัฒนาสินค้าและนวัตกรรมใหม่ภายใต้สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรค COVID-19 ที่เกิดขึ้นในขณะนี้ซึ่งมีผู้ติดเชื้อและเสียชีวิตมากขึ้นอย่างต่อเนื่องคนทั่วโลก กระตุ้นให้เกิดความท้าทายแก่องค์กรในการพัฒนานวัตกรรมใหม่ๆมาทดแทนเทคโนโลยีซิลเวอร์ ไอออน (Silver Ion) ที่กำลังจะล้าหลัง”
เพื่อนำมาซึ่งการดำเนินชีวิตวิถีใหม่ (New Normal) จึงทุ่มทุนวิจัยและพัฒนาคิดค้นนวัตกรรมสุดล้ำ สำหรับสีทาภายในได้สำเร็จ โดยเป็นรายแรกที่นำเทคโนโลยี โกลด์ ไอออน (Gold Ion Technology) มาผสานเข้ากับนวัตกรรมไฮเทคของเบเยอร์ ทำให้มีคุณสมบัติกำจัด Human Coronavirus NL63 ได้จริง โดย โกลด์ ไอออน (Gold Ion Technology) เป็นอนุภาคแร่ทองคำบริสุทธิ์ มีขนาดเพียง 30 นาโนเมตร และเล็กกว่าโคโรนาไวรัสถึง 4 เท่า จึงสามารถเจาะทะลุทะลวงผ่านเยื่อหุ้มที่เป็นผนังชั้นไขมันที่หนา เข้าไปทำลายสารพันธุกรรม (RNA) ถึงแกนกลาง ทำให้ไวรัสไม่สามารถเติบโตและแพร่เชื้อได้จึงสลายไปในที่สุด
ดร.วรวัฒน์ ยังกล่าวอีกว่า “เบเยอร์ ในฐานะผู้นำสีนวัตกรรมสำหรับทาอาคารในประเทศไทย และภูมิภาคอาเซียน ตระหนักถึงสุขภาพและความปลอดภัยของผู้ใช้เป็นสำคัญ แต่ด้วยข้อจำกัดของอุปกรณ์ เครื่องมือต่างๆในขณะนี้ ประเทศไทยยังไม่มีสถาบันรับทดสอบ Human Coronavirus NL63 ซึ่งเป็นโคโรนาไวรัสสายพันธุ์ที่ก่อให้เกิดโรคปอดอักเสบรุนแรงในมนุษย์ ทางเบเยอร์จึงได้ส่งผลิตภัณฑ์สี เบเยอร์ชิลด์ แอนตี้ไวรัส โกลด์ ไอออน (BegerShield Anti-Virus Gold Ion) ไปทดสอบประสิทธิภาพ การกำจัดเชื้อ Human Coronavirus NL63 ถึงประเทศอังกฤษ”
วิธีการทดสอบโดยการนำเชื้อ Human Coronavirus NL63 ไปทดสอบกับแผ่นจำลองผนังบ้านที่ทาด้วยสีทั่วไป เปรียบเทียบกับ สีทาภายใน เบเยอร์ชิลด์ แอนตี้ไวรัส โกลด์ ไอออน (BegerShield Anti-Virus Gold Ion) พบว่าฟิล์มสีที่เคลือบผนังจะมีโกลด์ ไอออน (Gold Ion) อัดแน่นเต็มแผ่นฟิล์ม โดยผลการทดสอบปรากฎว่า สีเบเยอร์ชิลด์ แอนตี้ไวรัส โกลด์ ไอออน (BegerShield Anti-Virus Gold Ion) สามารถกำจัดเชื้อ Human Coronavirus NL63 ได้ในเวลาแค่ 2 ชั่วโมงเท่านั้น ประสิทธิภาพการกำจัดเชื้อโคโรนาไวรัสได้ผลดีเกินกว่าค่ามาตรฐานถึง 12 เท่า (ค่ามาตรฐานทั่วไปให้ผลที่ 24 ชั่วโมง) ทดสอบและรับรองโดยสถาบันสุขภาพ Virology ประเทศอังกฤษ ซึ่งเป็นสถาบันที่มีชื่อเสียงด้านไวรัสวิทยา ระดับโลก
เทคโนโลยีล่าสุด โกลด์ ไอออน (Gold Ion) ที่เบเยอร์เลือกมาพัฒนานั้นเป็นแร่ทองคำบริสุทธิ์มีความเสถียรกว่า และปลอดภัยกว่า แร่เงิน (Silver Ion) ซึ่งเป็นเทคโนโลยีแบบเดิมๆ ปัจจุบันเทคโนโลยีล่าสุด โกลด์ ไอออน (Gold Ion) ถูกนำมาใช้อย่างแพร่หลายในหลากหลายอุตสาหกรรม อาทิ อาหาร เครื่องสำอาง และวงการแพทย์ที่นำมาใช้รักษาอาการอักเสบต่างๆ
จากการศึกษาวิจัยพบว่า ไวรัสโคโรนานั้นมีหลายสายพันธุ์ ซึ่งก่อให้เกิดโรคได้ทั้งในมนุษย์และสัตว์ เช่น Porcine Coronavirus เป็นสายพันธุ์ที่ก่อให้เกิดโรคท้องเสียรุนแรงในสัตว์ เช่น หมู โดยเฉพาะในลูกหมูที่เพิ่งคลอดทำให้เกิดความเสียหายแก่เกษตรกรผู้เลี้ยง แต่ปัจุบันเชื้อ Porcine Coronavirus มีวัคซีนป้องกันไม่ให้เกิดโรคในหมูได้ ส่วนเชื้อโคโรนาไวรัสที่ก่อให้เกิดโรคในมนุษย์ หรือ Human Coronavirus ที่สีเบเยอร์ชิลด์ แอนตี้ไวรัส โกลด์ ไอออน (BegerShield Anti-Virus Gold Ion )ได้รับการรับรอง ตามมาตรฐาน CDC (Centers for Disease Control and Prevention)และ WHO หรือองค์การอนามัยโรคได้แก่ ไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ NL63, 229E, OC43 และ HKU1 เป็นสาเหตุให้เกิดโรคติดเชื้อทางเดินหายใจ และปอดอักเสบรุนแรง ในปัจจุบันยังไม่มีวัคซีนป้องกัน
นอกจากนี้ สีเบเยอร์ชิลด์ แอนตี้ไวรัส โกลด์ ไอออน (BegerShield Anti-Virus Gold Ion) ยังมีคุณสมบัติพิเศษอื่นๆ อีกมากมาย เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพการใช้งานสูงสุด ถึง 3 คุณสมบัติ ได้แก่ แอร์คลีน (Air Clean) นวัตกรรมสีฟอกอากาศ สามารถดูดซับสารฟอร์มัลดีไฮด์ หรือ สารก่อมะเร็ง และยังฟอกอากาศได้ 24 ชั่วโมง อีกทั้งยังมีกลิ่นอ่อนสามารถเข้าอยู่ได้ภายใน 5 นาที หลังสีแห้ง ประกอบกับคุณสมบัติ ไบโอ คลีน (Bio Clean) นวัตกรรมสีที่สามารถกำจัดได้ทั้งเชื้อไวรัส แบคทีเรีย และเชื้อรา ไม่เพียงกำจัดเชื้อโคโรนาไวรัสได้เท่านั้น แต่ยังมีประสิทธิภาพในการกำจัดเชื้อไวรัส H1N1 และไวรัสที่ก่อให้เกิดโรคมือเท้าปาก โดยผ่านการรับรองจากสถาบันสุขภาพ Airmid ประเทศไอร์แลนด์ อีกด้วย และคุณสมบัติ วอลล์ คลีน (Wall Clean) นวัตกรรมสีทาภายในที่สามารถเช็ดล้างทำความสะอาดได้ง่าย ทนการเช็ดล้างกว่า 200,000 รอบ
สีเบเยอร์ชิลด์ แอนตี้ไวรัส โกลด์ ไอออน (BegerShield Anti-Virus Gold Ion) เป็นนวัตกรรมล่าสุดที่ได้รับมาตรฐานการรับรองจากสถาบันสุขภาพทั้งในและต่างประเทศ นอกเหนือจากคุณสมบัติกำจัดเชื้อไวรัสโคโรนาแล้ว ยังได้รับการรับรองมาตรฐานความปลอดภัยสำหรับผู้อยู่อาศัย จาก CDPH (California Department of Public Health) ผ่านมาตรฐาน U.S. FDA และผ่านการรับรองมาตรฐานอาคารสีเขียว (LEED v.4) จากสหรัฐอเมริกา อีกด้วย
“มูลค่าตลาดสีทาอาคารของปี 2020 ถูกประมาณการไว้ที่ 20,000 ล้านบาทซึ่งลดลงจากปีที่ผ่านมาประมาณ 10-15% จากสถานการณ์การเติบโตทางเศรษฐกิจในภาพรวม อีกทั้งการเกิดโรคระบาด โควิด 19 ที่ฉุดตลาดรวมของประเทศลงอย่างเห็นได้ชัด แต่กลับเป็นเรื่องดีสำหรับเบเยอร์ เนื่องจากพฤติกรรมผู้บริโภคมีการเปลี่ยนแปลงไปสู่การให้ความสำคัญกับสินค้านวัตกรรมสุขภาพ ซึ่งสามารถตอบโจทย์การใช้งานของลูกค้าได้อย่างตรงจุด ทั้งนี้เบเยอร์มีการเติบโตราว 4% ในช่วงครึ่งปีแรก จากปัจจัยการเป็นแบรนด์ที่แข็งแกร่งด้านนวัตกรรมสีทาอาคาร และจากผู้บริโภคที่เน้นสีทาอาคารที่มีคุณสมบัติมากกว่าเพื่อความสวยงาม และปกป้องอาคาร แต่เลือกซื้อสีนวัตกรรม ที่มีคุณสมบัติพิเศษอื่นด้วย อีกทั้งครอบคลุมด้วยตัวแทนจำหน่ายที่มากกว่า 3,000 จุดทั่วประเทศ พร้อมใช้กลยุทธ์การขายแบบ Consumer-Centric ให้ผู้บริโภคได้สอบถามรับข้อมูล คุณสมบัติพิเศษของสินค้าจากพนักงานขาย ทั้งนี้ เบเยอร์หวังว่า เราจะมีส่วนช่วยในการสร้างพื้นที่ปลอดโรค พื้นที่สะอาด ให้กับผู้บริโภค และคนไทยได้อีกช่องทางหนึ่ง” ดร. วรวัฒน์ กล่าวเสริม
“เพื่อตอบสนองวิถีชีวิตใหม่ (New Normal) ในยุคโควิด ซึ่งพฤติกรรมผู้บริโภคนั้นจะต้องระมัดระวังในการใช้ชีวิต รักษาระยะห่างทางสังคม และทำงานที่บ้าน หรือ Work from Home มากขึ้น ดังนั้น บ้านจึงต้องเป็นสถานที่ปลอดภัยแก่ผู้พักอาศัย ให้สามารถทำกิจกรรมได้อย่างมีความสุข คาดว่า สีเบเยอร์ชิลด์ แอนตี้ไวรัส โกลด์ ไอออน (BegerShield Anti–Virus Gold Ion) จะตอบโจทย์และเป็นอีกหนึ่งทางเลือกให้กับกลุ่มครอบครัว ผู้สูงอายุ และกลุ่มผู้รักสุขภาพ จัดเป็นผลิตภัณฑ์ใหม่ล่าสุดที่เข้ากับสถานการณ์ปัจจุบัน จะเรียกว่าเป็น New Normal Paint ก็ว่าได้ และเทคโนโลยีนี้ถือเป็นการตอกย้ำความเป็นผู้นำสีนวัตกรรมของเบเยอร์อย่างแท้จริง ยากที่ใครจะตามทัน” ดร.วรวัฒน์กล่าวทิ้งท้าย