อาวาติ๊ฟ ไชยลาภ เกษตรกรสาว จาก นราธิวาส ที่หลังจากจบด้านนิเทศศาสตร์ จากมหาวิทยาลัย ในกรุงเทพ และทำงานเป็นเลขานุการให้กับผู้บรืหารโรงพยาบาลในเมืองหลวง ประมาณ 3 ปี หลังจากนั้น ได้กลับคืนสู่บ้านเกิด เพื่อมาทำงานเป็นประชาสัมพันธ์ให้กับโรงพยาบาลในพื้นที่อยู่ระยะหนึ่ง และต่อมาได้ลาออก มาแต่งงานกับ เจตน์ มาหามะ พร้อมกับได้ร่วมกันก่อตั้ง บริษัท ซัน โฟรเซ่น ฟรุ้ต จำกัด ขึ้นที่ เขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษ ตลาดกลางการเกษตรเพื่อการส่งออกจังหวัดชายแดนภาคใต้ อ. ยี่งอ จ. นราธิวาส เมื่อ 7 ปีที่แล้ว โดยมี ความตั้งใจและเล็งเห็นช่องทางในการช่วยเหลือเกษตรกรในสามจังหวัดให้มีรายได้และชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น
อาวาติ๊ฟ ไชยลาภ รองประธานกรรมการบริหาร บริษัท ซัน โฟรเซ่น ฟรุ้ต จำกัด กล่าวถึงการทำธุรกิจเกษตรอุตสาหกรรมและแปรรูปว่า “ซัน โฟรเซ่น ฟรุ้ต ได้ก่อตั้งขึ้น จากการที่มองเห็นความสำคัญของเกษตรกรในท้องถิ่น โดยได้เริ่มต้นทำธุรกิจ เพื่อประกอบกิจการค้า ผัก ผลไม้ และสินค้าทางการเกษตรทุกชนิด และยังดำเนินธุรกิจเกษตรแปรรูป ผลไม้แช่เยือกแข็ง เพื่อการส่งออกและภายในประเทศ โดยบริษัทได้ผลิตทุเรียนสดแช่แข็ง ลองกองสดแช่แข็ง มังคุดสดแช่แข็ง เงาะสดแช่แข็ง สับปะรดสดแช่แข็ง สะตอสดแช่แข็ง และอื่น ๆ ตามฤดูกาล นอกจากนี้ ยังมีผลิตภัณฑ์ที่ได้จากการแปรรูปผลไม้สด อาทิเช่น น้ำผลไม้กระป๋องเข้มข้น เวเฟอร์ผลไม้ ที่ใช้เนื้อผลไม้สดในการทำครีม ซึ่งต่างจากเวเฟอร์ทั่วไปที่ใช้ครีมแต่งกลิ่นเลียนแบบธรรมชาติ โดยบริษัทได้ส่งออกสินค้าภายใต้แบรนด์ที่มีชื่อว่า บูโด ( BUDO ) มาจากคำว่าเทือกเขาบูโด ซึ่งเป็นเทือกเขาที่เชื่อมกันระหว่างสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ นั่นคือ นราธิวาส ปัตตานี และยะลา เป็นการหลอมรวมวิถีชีวิตของคนในพื้นที่ โดยมีเป้าหมายหลักในการยกระดับคุณภาพชีวิตของเกษตรกรในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ซึ่งส่วนใหญ่เป็นชาวสวนปลูกไม้ผลหลายชนิด ด้วยการเพิ่มช่องทางการตลาดและเพิ่มรายได้ให้แก่เกษตรกร พร้อมกับ สร้างจิตสำนึกให้แก่ผู้บริโภค ที่รู้สึกอยากจะช่วยเหลือประชากรหรือครัวเรือนในสามจังหวัดให้มีรายได้เพียงพอต่อการใช้จ่ายในแต่ละวันเมื่อได้อุดหนุนสินค้า”
“ปัจจุบันเราอยากจะพัฒนาและต่อยอดธุรกิจจากเดิมให้เติบโตยิ่งๆ ขึ้นไป โดยการคิดค้น พัฒนาสินค้า เพื่อการสร้างแบรนด์ และสร้างความยั่งยืนให้กับธุรกิจ โดยได้มีการนำ ทุเรียนหมอนทอง จากป่าฮาลาบาลา “อเมซอนแห่งเอเชีย” บนเทือกเขาบูโดที่มีความอุดมสมบูรณ์ ที่มีพืชพรรณ ธัญญาหาร และแหล่งน้ำธรรมชาติอุดมสมบูรณ์ และมีประวัติศาสตร์อันยาวนานกว่า 100 ปี จากรุ่นสู่รุ่น ของ จ.นราธิวาส มาพัฒนาผลิตภัณฑ์รวมทั้งบรรจุภัณฑ์ใหม่ที่ผ่านการวางวิสัยทัศน์ในการออกแบบและพัฒนาบรรจุภัณฑ์ ให้กับ 10 สุดยอดไอดอลนักธุรกิจเกษตรไทยจากทั่วประเทศ ในโครงการพัฒนาเกษตรอุตสาหกรรมต้นแบบอัจฉริยะ หรือ จีเนียส เดอะ ครีเอชั่น โดย กองพัฒนาเกษตรอุตสาหกรรม กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม ซึ่งผลิตภัณฑ์ใหม่เป็น ทุเรียนหมอนทองเฟรชคัท ระดับพรีเมี่ยม
จากป่าฮาลาบาล คัดเฉพาะเนื้อกรอบนอก นุ่มใน พร้อมการันตีคุณภาพ เก็บแช่ตู้เย็นได้ 7-14 วัน ภายใต้แบรนด์ที่ชื่อว่า “ฮาลาบูลัน ( HALABULAN )” เพื่อที่จะได้สื่อสารกับลูกค้าทั้งเก่าและใหม่ รวมทั้งผู้บริโภคที่ชื่นชอบใน ทุเรียนเฟรชคัท ได้ตรงจุดว่าเราเป็นทุเรียนของดี ที่คัดสรรมาแล้ว โดยเฉพาะรสชาติที่โดดเด่น หอมแบบนุ่มมาก มีกลิ่นอ่อนๆ เหมือนดอกไม้ หวานน้อย กำลังดี สัมผัสได้ถึงความสุขทางใจ พร้อมส่งมอบความสุขถึงมือผู้บริโภคทั่วไทยจากป่าที่อุดมสมบูรณ์ของ 3 จังหวัดภาคใต้”
“ในส่วนของการวางแผนด้านวัตถุดิบหลักที่เป็นทุเรียนมาจากป่าฮาลาบาลา เราได้มีการทำคอนแทคท์ ฟาร์มมิ่ง กับเกษตรกรที่เป็นเจ้าของสวนทุเรียนในพื้นที่ และเครือข่ายสหกรณ์วิสาหกิจชุมชน เพื่อเป็นตัวการันตีถึงคุณภาพและปริมาณของวัตถุดิบหลักของเราสามารถบริหารจัดเก็บให้มีใช้ และขายได้ตลอดทั้งปี พร้อมทำการตลาด และประชาสัมพันธ์ ทั้งแบบออฟไลน์และออนไลน์ ผ่านสื่อโซเชียลต่างๆ โดยผลิตภัณฑ์ใหม่นี้ จะเป็นตัวสร้างงาน สร้างรายได้ และสร้างอาชีพให้กับชุมชน ตามที่บริษัทได้ตั้งเป้าหมายไว้เพื่อช่วยเหลือเกษตรกร และ ประชากรในสามจังหวัด ให้มีรายได้มากขึ้น” อาวาติ๊ฟ เกษตรกรสาวกล่าวสรุป
สนใจ ทุเรียนเฟรชคัท แบรนด์ ฮาลาบูลัน ( HALABULAN ) ติดต่อได้ที่ บริษัท ซัน โฟรเซ่น ฟรุ้ต จำกัด โทร.081-599-0010