โรงงานปล่อยมลพิษ-ส่งกลิ่นเหม็น-ฝุ่นละออง อันตรายต่อสุขภาพ การทำมาหากินมีปัญหา-ทำธุรกิจไม่ได้ จนชาวบ้านหลายรายเป็นโรคระบบทางเดินหายใจ.!!
ก่อนหน้านี้ ชาวบ้านสุดทนเข้าร้องเรียนศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดนครปฐม ให้เข้าตรวจสอบและแก้ปัญหาโรงงานแห่งหนึ่งปล่อยมลพิษ ส่งผลกระทบกับชุมชนที่อยู่ใกล้เคียง จนชาวบ้านหลายรายเป็นโรคระบบทางเดินหายใจ การทำมาหากินมีปัญหา-ทำธุรกิจไม่ได้ ผู้ประกอบการรายหนึ่งอ้างว่าไม่สามารถเปิดทำการได้ เพราะมีผงฝุ่นละอองเต็มไปหมด ซึ่งมีผลกระทบต่อการดำเนินธุรกิจอย่างมาก
เมื่อวันที่ 18 ธันวาคม 2563 เวลา 10.30 น.ที่หมู่บ้านแห่งหนึ่งในตำบลทุ่งลูกนก อ.กำแพงแสน จว.นครปฐม ที่ผ่านมา ชาวบ้านเข้าร้องเรียนศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดนครปฐม ให้เข้าตรวจสอบและแก้ปัญหา โรงงานเผายางรถยนต์แห่งหนึ่ง ซึ่งผู้ร้องเรียนอ้างว่า โรงงานแห่งหนึ่งบริเวณใกล้เคียง ได้ปล่อยมลพิษฝุ่นละอองที่ปล่อยออกมาจากโรงงาน ส่งผลกระทบต่อชุมชนและชีวิตความเป็นอยู่ของผู้พักอาศัยและผู้ประกอบการธุรกิจในบริเวณใกล้เคียงเป็นอย่างมาก ทำให้ได้รับความเดือดร้อนต่อการทำมาหากินและเป็นอันตรายต่อสุขภาพอย่างมาก ทั้งส่งกลิ่นเหม็น-ฝุ่นละออง จนชาวบ้านหลายรายเป็นโรคระบบทางเดินหายใจ และบางธุรกิจไม่สามารถเปิดกิจการธุรกิจได้
โดยศูนย์ดำรงธรรมได้ประสานงานไปยังหน่วยงานภาครัฐหลายหน่วยงาน ลงพื้นที่เข้าร่วมตรวจสอบมี กอ.รมน.จว.นครปฐม, อุตสาหกรรม จว.นครปฐม, สิ่งแวดล้อม จว.นครปฐม, ฝ่ายปกครอง, องค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) และสื่อมวลชนเข้าร่วมตรวจสอบ
จากการเข้าตรวจสอบข้อมูลเบื้องต้น พบว่าโรงงานดังกล่าว ประกอบกิจการเกี่ยวกับการผลิตน้ำมันเชื้อเพลิงจากยางรถยนต์ที่ไม่ใช้แล้ว มีผลต่อมลพิษ และเนื่องจากการประกอบกิจการโรงงานดังกล่าว “มีความเสี่ยง” ที่จะก่อให้เกิดมลพิษมีผลกระทบต่อประชาชน และผู้อยู่อาศัยใกล้เคียงกับโรงงาน
แต่ในระหว่างหลายปีที่ผ่ามมา ใด้มีชาวบ้านที่ได้รับผลกระทบจากโรงงานนี้ และได้ร้องเรียนกันมาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งโรงงานแห่งนี้ได้ปรับปรุงและแก้ไขปัญหา.. แต่ปัญหาก็ยังเป็นปัญหาอยู่อย่างต่อเนื่อง.?? เวลาผ่านไปชาวบ้านยังคงได้รับผลกระทบ และยังพูดไม่ออก.?? ว่ามีการแก้ไขอย่างถูกต้องถาวรหรือไม่.?? ประชาชนและผู้ประกอบการธุรกิจบางราย มีความรู้สึกว่าอาจจะมีผู้มีอิทธิพลหนุนหลังหรือไม่ จึงกล้าเปิดโรงงานและกล้าทำได้อย่างนี้
ตอนนี้ประชาชนและผู้ทำธุรกิจในละแวกบริเวณใกล้เคียงโรงงาน ยังคงประสบปัญหาด้านสุขภาพ ที่พักอาศัยเต็มไปด้วยผงฝุ่นคราบดำของผงฝุ่นละอองที่รบกวนและเป็นอันตรายต่อสุขภาพอย่างมาก ทั้งบนหลังคาบ้าน และข้าวของเครื่องใช้จำเป็นในชีวิตประจำวัน บริเวณพื้น และต้นไม้ยังมีคราบฝุ่นผงดำปะปนเต็มไปหมด รวมไปถึงบ่อน้ำใหญ่ที่ชาวบ้านจำเป็นต้องใช้ (ยังไม่รวมถึงโรงงานข้างเคียง) ทำความสะอาดแล้ว วันรุ่งขึ้นก็มีอีก บ่งบอกถึงสารพิษที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพของประชาชนอย่างมาก???
ที่ผ่านมามีการร้องเรียนไปหลายครั้ง.?? แต่ทางท้องถิ่นยังคงแก้ปัญหาไม่ได้ ก็คงต้องฝากเป็นหน้าที่ของ “นายวราวุธ ศิลปอาชา” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และ “นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ทั้งสองท่านที่ต้องมาแก้ไขปัญหาในพื้นที่อย่างจริงจัง ทั้งต้องรับรู้ถึงปัญหาความเป็นจริงว่า “พื้นที่ตรงนี้สีอะไร” ที่มีความเสี่ยงเกี่ยวกับมลพิษทางอากาศโดยเฉพาะ “ผงฝุ่นคราบดำ” ที่ตกมาลงบนหลังคาบ้านอย่างต่อเนื่อง ว่ามีอันตรายต่อสุขภาพมากน้อยแค่ไหน และควรจะปิดโรงงาน หรือ ย้ายโรงงานไปที่อื่น หรือไปตั้งในเขตอุตสาหกรรม จะเหมาะสมกว่าหรือไม่ รวมถึงขอให้ส่งเจ้าหน้าที่สาธารณสุขมาตรวจสุขภาพคนงานของโรงงานที่มีปัญหาและประชาชนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ใกล้เคียง ว่ามีปัญหาสุขภาพต่อมลพิษหรือไม่อย่างไร เพื่อสุขภาพที่ดีของประชาชน, กรมโรงงานอุตสาหกรรม กรมควบคุมมลพิษ คงมีคำตอบให้กับประชาชนว่า ต้องปิดโรงงานทันทีไว้ก่อน เพื่อรอการแก้ไข แล้วค่อยเปิดใหม่ หรือปิดถาวรไปเลย
หากโรงงานแห่งนี้มีปัญหาจริงๆ ยังเปิดอยู่ได้อย่างไร ใครรับผิดชอบ ใครอนุญาตให้มาตั้งโรงงาน มีใบอนุญาตตั้งโรงงานถูกต้องหรือไม่ ผิดประเภทตั้งโรงงานหรือไม่ หรือใบอนุญาตหมดอายุหรือไม่ ผิดวัตถุประสงค์การขออนุญาตตั้งโรงงานหรือไม่ ผิดระเบียบกฏเกณฑ์การจดทะเบียนขออนุญาตจัดตั้งโรงงานหรือไม่อย่างไร การเผายางต้องทำในพื้นที่ห้องเผาเฉพาะที่ต้องอยู่ในห้องเผาของโรงงานโดยเฉพาะ เผากลางแจ้งผิดหรือไม่ ทำให้เกิดกลิ่นเหม็น ผงฝุ่นควัน อากาศเป็นพิษ มีสิ่งปกคลุมไม่ให้ผงฝุ่นละอองฟุ้งกระจายสู่ภายนอกโรงงานหรือไม่ ผิดกฎหมายข้อใดหรือไม่ และจะเป็นอันตรายต่อสุขภาพของประชาชนบริเวณใกล้เคียงแค่ไหน หากผิดกฏเกณฑ์ข้อบังคับของกฎหมาย ขอให้หน่วยงานรัฐตรวจสอบว่าบุคคลไหนหรือหน่วยงานใดอนุญาตให้ทำผิดกฎหมาย และโรงงานนี้ที่ปล่อยมลพิษโดยมีผู้มีอิทธิพลอยู่เบื้องหลังหรือไม่ เพื่อการอยู่ร่วมกันอย่างเป็นสุข
ดังนั้น ความเดือดร้อนของชาวบ้านในครั้งนี้ คงต้องฝากความหวังไว้ที่ฝีมือของท่านรัฐมนตรีทั้ง 2 ท่านแล้ว ว่าท่านจะมองเห็นทุกข์ของชาวบ้านอย่างแท้จริงหรือไม่…หรือท่านนายกรัฐมนตรี จะเห็นความทุกข์ร้อนและสุขภาพของชาวบ้านเป็นสำคัญ เพื่อสิ่งที่ดีขึ้น ถูกต้องและเป็นธรรมกับทุกฝ่าย