หว่องไตสิ่น (Wong Tai Shin) เป็น ศาลเจ้าจีนใหญ่ ที่คนจีนฮ่องกงนับถือ อดีตที่ผ่านมา จะอยู่โดดเดี่ยว ไม่มีย่านอาคารสูง และ ย่านการค้าแบบทุกวันนี้
มีร้านของคนไทยที่ได้ผัวฮ่องกงขายธูปเทียน ทางขึ้นมีสองด้าน ด้านนึงขึ้นทางปกติ อีกด้านหนึ่งจะผ่านดงโหราศาสตร์ หรือ หมอดู
อดีตสามารถเดินเข้าไปไหว้ข้างในได้ ปัจจุบันมีรั้วกั้น แค่ไหว้ด้านนอก และบางจุดเริ่มห้ามจุดธูปและเทียนไข โดยมากระยะหลังจะมีคนไทยไปไหว้เยอะขึ้น เจ้าหน้าที่คนนึงที่ดูแล หลงใหลพระเครื่องมาก มาเช่าที่เมืองไทยบ่อย บางครั้งได้พระแท้จากวัด บางครั้งได้พระแท้ที่ปั้มจากมือเซียนที่เอามาขาย แต่ผมให้พระผงพ่อท่านแช่มรุ่นปี 2539 ที่คนภูเก็ตกำลังควานหาให้ไปแขวนคอ เพื่ออวดสรรพส่ำเซียนพระ
ใกล้ท่ารถตู้ จะมีร้านขายก๋วยเตี๋ยว ก๋วยเตี๋ยวหลอด โจ๊ก อร่อยราคาถูกอยู่ร้านนึง ผมจะไปนั่งประจำ ทุกอย่างใส่จนพูนชาม มิใช่ใหญ่แต่ชาม ชามใหญ่แต่ของอยู่ก้นชาม อย่างในไทยบ้านเรา
ในยุคการเมืองที่ไม่มั่นคงของไทย เจ้าสัวชิน โสภณพนิช เจ้าของธนาคารกรุงเทพในครั้งกระนั้น หลบภัยการเมืองออกไปยังเมืองฮ่องกง และตั้งสาขาธนาคารกรุงเทพที่เมืองฮ่องกง ที่บริเวณย่าน Central และย่าน MongKok ถือเป็นการคิดถูกที่สุดของแบ๊งก์กรุงเทพฯเพราะในเวลาต่อมา แบ๊งก์กรุงเทพฯ สาขาเมืองฮ่องกง กลายเป็นฐานการเงินของแบ๊งก์กรุงเทพฯในการระดมเงินตราต่างประเทศ
และเรียกได้เต็มปากว่า นักการทูตของไทยทุกคน ไปใช้บริการเงินฝากจากธนาคารกรุงเทพฯ ได้อัตราแลกเปลี่ยนที่ดีกว่า แบ๊งก์หรือสถานรับแลกเงิน ผมจึงเป็นลูกค้าสำคัญรายหนึ่ง เพราะเงินเดือนจะเข้าบัญชีของธนาคารแห่งนี้ เสียดายตอนผมย้ายกลับ ไปปิดบัญชี ไม่งั้นคงจะได้ดอกเบี้ยเงินฝากเป็นเงินเหรียญสหรัฐฯไปทุกปี ปีละหลายเหรียญสหรัฐฯ
เมืองฮ่องกง ไม่ต่างจากเมืองหลักสำคัญในชาติพัฒนาทั้งหลาย การก่อสร้างถนน จะไม่มีการปิดถนนให้เดือดร้อน มักจะค่อยๆขุดทีละจุด ปิดเฉพาะจุดที่จะทำ ระมัดระวังในการก่อความเสียหาย ไม่ขุดถนนพร่ำเพรื่อ เพื่อผลาญงบรัฐ เจ้าหน้าที่รัฐไม่ทำตัวเป็น
เศรษฐีเงินหลวง
ที่งบประมาณแต่ละปีเอามารื้อทำทางเดิน ขุด กลบถนนจนกลายเป็น
รอยปะผุที่ไร้อารยธรรมแห่งความด้อยพัฒนาทางความคิด
ไม่ต่างจากรถขนขยะ จะไม่มีน้ำไหลย้อย ขยะปลิว รถขนขยะคือรถขนขยะ ไม่ใช่รถบรรทุกมาสมอ้างเป็นรถขนขยะ รถเก็บขยะของเมืองฮ่องกงจะเก็บตอนเช้ามืดในห้วงเวลาที่ชาวบ้าน กำลังหลับใหล ไม่ออกมาเก็บให้เกะกะและทำให้รถติดเล่น และไม่ยอมปล่อยให้ขยะถุงดำตั้งวางจนกลายเป็น
อนุสรณ์สถานแห่งความมักง่าย
แผงวางขายหนังสือ ยังคงวางขายตามปกติ หนังสือพิมพ์แจกฟรียังคงแจกฟรีตามปกติ แม้ว่า ระยะหลัง คนจะอ่านข่าวทางออนไลน์ แต่ยังมีคนอ่านข่าวจากสื่อสิ่งพิมพ์อยู่ ยอดขายตกไปบ้าง ยอดแจกตกไปบ้าง แต่ไม่ถึงกับเละเทะและเจ๊งระเนระนาดอย่างประเทศไทย
ผมสาวเท้าเดินไป มองไป บางจังหวะที่กลัวจำไม่ได้ จะบันทึกเป็นรูปภาพ วันไหนอยากจะวิเคราะห์ก็ขยายภาพมองไปรายรอบที่บันทึกไว้ เพื่อฝึกสมองประลองวิธีคิดในการหวนย้อนกลับมาถามว่า
จะเอามาพัฒนาประเทศไทยอย่างไร
ในวันที่หากเราจะต้องมีโอกาส
อ่านต่อวันพรุ่งนี้
ปัญญา ไกรทัศน์