ในยุคที่เมืองฮ่องกง เป็นอาณานิคมของอังกฤษ ต้องนำเข้าข้าวสารจากไทย ปีละราวสองแสนตันเศษ เป็นข้าวชั้นดี ประเภทข้าวหอมมะลิ
ผู้นำเข้าข้าวไทยในเมืองฮ่องกง จะมีโรงงานคัดกรองคุณภาพข้าวจากไทยอีกรอบ ข้าวที่ส่งจากไทยอดีตจะใส่กระสอบป่านถุงละ 102 กิโลกรัม ต่อมาเหลือ 50.5 กิโลกรัม
เมื่อเรือเทียบท่าเมืองฮ่องกง ข้าวสารทั้งหมดจะถูกลำเลียงเข้าสู่โรงงานคัดแยกสิ่งสกปรก เจือปนในข้าว โดยจะเป็นท่อใสและจะมีลมเป่าพัดแยก เพื่อให้ได้ข้าวสารบริสุทธิ์ที่ปราศจากสิ่งเจือปน
ผมโชคดีที่ได้ไปยืนดูถึงสองโรงงานคัดแยก ไม่น่าเชื่อว่า ข้าวสารที่ผ่านโรงสีข้าวบ้านเราจะมีสิ่งเจือปนเยอะ. ทั้งขี้หนู ขนหนู ขนแมว ขนหมา ไม้กวาด ผงขยะ ที่ครั้งหนึ่ง ผมรายงานให้กับกระทรวงพาณิชย์ทราบ
ผลตอบรับคือ โดนด่ากลับ
จนท้ายสุด รัฐมนตรีพาณิชย์ คือ ดร.สุบิน ปิ่นขยัน และต่อมา คือ คุณอมเรศ ศิลาอ่อน พร้อม อธิบดีกรมส่งเสริมการส่งออก จเร จุฑารัตนกุล และนายกสมาคมผู้ส่งออกข้าวฯ ถ้าจำไม่ผิดคุณสมาน อดีตเจ้าของโรงแรมเมโทรโปลภูเก็ตไปเมืองฮ่องกง และขอเข้าไปตรวจสอบในโรงงานคัดแยกสิ่งเจือปน ถึงกับผงะ เหมือนที่ผมตกใจตอนเข้าไปเยี่ยมชม
ข้าวสารที่บรรจุถุงในยี่ห้อ ช้างทอง ของเมืองฮ่องกง จึงสะอาดปราศจากสิ่งเจือปน และเป็นข้าวหอมมะลิไทยที่ขายดีที่สุด
ทราบเพียงแค่ว่า ระยะหลัง ผู้นำเข้าข้าวไทยในเมืองฮ่องกง หันไปพัฒนาสายพันธ์ข้าวหอมมะลิในมณฑลกวางตุ้งแทน และมีมาตรฐานเทียบเท่า หรือ เหนือกว่าข้าวหอมมะลิไทย จนลดการนำเข้าจากประเทศไทยลง
ในยุคที่ผมนั่งทำงานในเมืองฮ่องกง มีการนำเข้าข้าวจากหลายประเทศ ของออสเตรเลีย ยี่ห้อแกงการูจะดังมาก ของญี่ปุ่นจะแพง ร้านอาหารญี่ปุ่นนิยม ข้าวสารฟิลิปปินส์ไม่เยอะ เวียดนามขณะนั้นรสชาติข้าวไม่ลื่นคอเหมือนของไทย ข้าวจากอเมริกา ซาอุดิอาระเบีย
ผมโชคดี สนิทกับผู้นำเข้าข้าวไทยอันดับสองในเมืองฮ่องกง ที่นำเข้าข้าวทุกชนิดจากหลายชาติทั่วโลก เขาจะเอาข้าวมาให้ผมหุงชิมทุกชาติ เพื่อนำผลการชิมไปนำเสนอต่อรัฐบาลไทย
ดินเป็นปัจจัยสำคัญต่อรสชาติจากเมล็ดข้าว
ข้าวหอมมะลิไทย ที่อร่อยที่สุด แพงที่สุด หอมที่สุด ปลูกที่ทุ่งกุลาร้องไห้ด้านสุรินทร์ สมัยนั้นกิโลกรัมละมากกว่า 50 บาท ปลูกแล้วส่งขายในโรงแรมชั้นหนึ่ง และภัตตาคารหรูในเมืองฮ่องกง เท่านั้น ชื่อ
พันธ์กิมเจียต้า
หุงในห้องกระจก และในหม้อหุงข้าว เก็บความหอมได้ 8 ชั่วโมง ข้าวไม่บูดข้ามคืน ทานแล้วลื่นคอ เพราะยางข้าวที่ปลายจมูกข้าวเยิ้มหลังหุงเสร็จ
ข้าวหอมมะลิไทย ทุกวันนี้ความหอมลดลง บูดเร็ว ยางข้าวน้อย เพราะ ดินในนา ใส่ปุ๋ย ใส่ยาฆ่าแมลง และสารเคมีมีพิษเหล่านี้ ทำลายมาตรฐาน คุณภาพ คุณสมบัติดั้งเดิมของข้าวหอมมะลิไทยจนหมดเสน่ห์การกินของเศรษฐีชาวจีน และ ลดการนำเข้า
สมัย ดร.สุบิน ปิ่นขยัน เป็นรัฐมนตรีพาณิชย์ ผมเคยนั่งสนทนาในโรงแรมไฮแอท รีเจ้นซี่ ย่านชิมชาจุ๋ยว่า รัฐบาลไทยน่าจะ ซื้อที่ดิน สร้างตึกสูง ในตัวเกาะฮ่องกง ลงทุนสักสองพันล้านบาท สร้างตึกสูง 40 ชั้น ในเนื้อที่ 100 -150 ตารางวา ทำที่จอดรถชั้นใต้ดิน 4 ชั้น ที่จอดรถบนอาคารอีก 4 ชั้น
ชั้นล่าง ถึงชั้นสาม เป็นร้านค้าขายสินค้าไทยล้วนๆ
ชั้น 4 -5 เป็นศูนย์อาหารไทย หรือ ไทยฟู๊ดคอร์ส
ชั้น 6-10 เป็นที่จอดรถ
ชั้น 11-20 เป็นอาคารสำนักงานการค้า หรือให้เช่า
ชั้น 21-25 เป็นสำนักงานของส่วนราชการไทยทั้งหมด
ชั้น 26-33 เป็นที่พักข้าราชการทั้งหมด รวมถึงรัฐวิสาหกิจจากไทย ส่วนชั้น 34-40 ทำเป็นโรงแรม ห้องประชุม ห้องแสดงสินค้า ประเภทอาหาร ผลไม้
โดนย้อนกลับมาว่า
จะเอาเงินจากไหน?
ถ้าวันนั้น เราซื้อที่ดิน และมีอาคารของตัวเอง มูลค่าในวันนี้มากมายมหาศาล และหากรัฐบาลจีนจัดระเบียบภายในเมืองฮ่องกงเสร็จสิ้น เมืองฮ่องกงจะกลับมาผงาดเช่นเดิม
จีนลงทุนทุกอย่างในเมืองฮ่องกงมากสุดๆแล้ว
มาไกลเกินกว่าจะทิ้งฮ่องกง
ดั่งที่คนไทยจำนวนมากประเมิน
สี จิ้นผิง ประธานาธิบดีจีน คงจะไม่ทิ้งจีนไปสร้างเมืองใหม่ อย่างที่ใครต่อใครคิดกันง่ายๆดอก
แทนที่รัฐบาลไทยจะเช่าตึกแฟร์มงเฮ้าส์มา 50 ปีจนถึงวันนี้ เงินค่าเช่าสถานที่ เงินค่าเช่าที่พักข้าราชการ มากกว่าเงินลงทุนครั้งเดียว แต่มีรายได้ตลอด แค่ค่าจอดรถอย่างเดียว เลี้ยงรายจ่ายในอาคารแถมมีกำไรเสียอีก
ผู้บริหารรัฐไทย ไม่เคยมองข้ามอนาคต
ข้อเขียนทั้งหมด 10 ตอน คงประเทืองความคิด สร้างวิธีคิดให้คนอื่น ไม่มากก็น้อย
เอวังด้วยประการะฉะนี้เทอญ…เจริญพร
ปัญญา ไกรทัศน์