ย้อนอดีต สร้างอนาคตทางการท่องเที่ยวพระตำหนักเขาค้อ โดย….ปัญญา ไกรทัศน์

อดีต เขาค้อ ภูทับเบิก คนสวมเครื่องแบบราชการทุกประเภท ขึ้นไปได้ แต่ขากลับอาจจะนอนในรถพยาบาลทหาร เพราะโดนกระสุนปืนบาดเจ็บ หรือ ในสภาพไม่ยอมหายใจ เนื่องจากพื้นที่แถบนี้ คือ

สมรภูมิเลือดในสงครามประชาชน

ทหารต้องไปคว้าม้งที่มีความทรหดในการสู้รบ ชำนาญในป่าเขา ออกมาสู้รบกับเหล่าสหายในกองทัพปลดแอกแห่งประเทศไทย สังกัดพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทย

ตายเป็นเบือ

ดงป่าดิบทั้งป่ามะค่า ป่าประดู่ กลายเป็นสถานที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 9 เสด็จพระราชดำเนินไปประทับแรมปีละครั้ง และเยี่ยมพี่น้องประชาชนในแถบนั้น

      ชาวม้งที่เข้ามาร่วมสู้รบ ได้รับบำเหน็จให้ได้ที่ดินทำกิน ในรูป รอส. จนสร้างหมู่บ้าน ทั้งแถบเข็กน้อย และบนเขาค้อ หลังจากนั้นที่ดินไร้เอกสารสิทธิ์เปลี่ยนมือขายนายทุนจากทั่วสารทิศ จนสร้างเป็นรีสอร์ทล้นเขาค้อ และถากถางจนวันนี้ไม่มีแม้แต่วิญญานไม้ประดู่กับไม้มะค่า จนเทพยดาที่สิงสถิตย์ตามต้นไม้ลำบากยากแค้นหาที่ค้างแรมยาก นอกจากไร่เลื่อนลอยที่อัดยาปราบศัตรูพืชและปุ๋ยเคมี ยามฝนตก น้ำไหลผสมสารเคมีอันตรายลงมาให้ชาวที่ราบดื่ม ใช้ผ่านแม่น้ำป่าสัก ปีละมากมายมหาศาล

พระตำหนักเขาค้อ

จะวิ่งรถผ่านเขาหลายลูกลงไปทางสี่แยกรื่นฤดี เพื่อเข้าไปสู่เส้นทางหนองแม่นา ถนนถูกปรับปรุง ขยาย และทำจนสวยงาม กว้างขวาง

        ผมขับรถขึ้นไปตามถนนของเส้นทางสู่พระตำหนัก เป็นเส้นวันเวย์ ขึ้นทาง ลงทาง ไม่มีรถนำหน้า ไม่มีรถตามหลัง ไม่มีใครขับแซง และไม่มีรถคันใดให้ผมแซง เพราะทั้งเส้นทาง มี

รถของผมคันเดียว

ทหารประจำการอารักขาพระตำหนัก บอกกับผมว่า เข้าไปเดินข้างในได้ ถ่ายรูปได้

ผมหยิบเทียนแดงมีไม้ปักจากในรถ พร้อมกับธูป 3 ดอก จุดไหว้ศาลแม่ย่า เพื่อแสดงความนับถือและขอเจ้าที่เจ้าทางบันทึกภาพ

      บริเวณพระตำหนัก จะมีลานให้กางเต๊นท์ จะมีเรือนนอนให้เช่าพักค้างแรม โดยมีเบอร์มือถือให้ติดต่อสำรองที่พัก มีป้ายแผนที่แสดงแหล่งท่องเที่ยวบนเขาค้อ และมี

ห้องน้ำให้บริการฟรีไม่คิดเงินเหมือนเมืองท่องเที่ยว

ด้านบนมีร้านอาหารสวัสดิการของทหาร ร้านขายส้มตำปิ้งไก่ แต่ผมไม่ได้เดินขึ้นไปถึงข้างบน

เดินชมสักพัก ไม่ต้องใส่แมส เพราะว่า ไม่มีใครเดินตาม และเดินในพื้นที่นอกจากทหารประจำการแล้ว ก็มีผมเดินคนเดียว

ขับรถลงมาอีกทาง จะเห็นสระน้ำ สำหรับเก็บกักน้ำไว้ใช้ในพระตำหนัก ยามฝนตก น้ำฝนจะไหลลงสระหรืออ่างเก็บน้ำแห่งนี้

ทัศนียภาพสวยงามมาก โดยเฉพาะหน้าหนาว

      ผมจอดรถ ลงไปยืนมอง และคิดจินตนาการว่า หากกองทัพที่สามในฐานะผู้ดูแลพระตำหนัก ได้พัฒนาโดยปลูกต้นอะโวคาโด้ ต้นมะคาเดเมีย และต้นเสาวรส เพื่อสร้างเป็นซุ้มให้ร่มเงา ปรับพื้นที่ด้วยการใช้หญ้าสนามกอล์ฟมาปลูกบริเวณพื้นที่รอบอ่างหรือสระ ทำทางเดินให้ผู้ที่จะวิ่งหรือเดินออกกำลังกาย วางซุ้มกาแฟขายน้ำ และของทานเล่น

       ตรงนี้จะเป็นแลนด์มาร์คอีกแห่งสำคัญที่เป็นจุดขายเพิ่มเติม

และ เป็นสวนสุขภาพอย่างดี

ลงมาอีกนิดตรงทางแยกสิ้นวันเวย์และใช้ทางร่วมสวนทาง ก่อนถึงบ้านพักกรมทาง จะมีศาลาพักร้อน  ถ้ายกหลังคาให้สูงสักนิด เพื่อให้อากาศถ่ายเท ทัศนียภาพเบื้องหน้าจะเป็นจุดขายสำคัญอีกจุดหนึ่งที่จะดึงคนขึ้นมาเที่ยวและมาพัก

     ตรงข้ามศาลา จะมีศาลทหารที่ล้มตายในสงครามประชาชน ในยุทธการการสู้รบระหว่างคนไทยที่สวมชุดทหารต่างสังกัดเข้าห้ำหั่นกัน การตายเกลื่อนกลาดบนแผ่นดินเขาค้อที่กล่าวกันว่า ทุกตารางนิ้ว มีศพเรียงรายในแต่ละวัน

ถนนทางลง มีใบไม้เกลื่อนสองข้างทาง หากขับขี่มอเตอร์ไซด์ พอจะได้ลื่นวัดพื้นและทดสอบความหนาและเหนียวของผิวหนังคนขับขี่ได้ว่า คงกระพันจริงไหม ล้มแล้วไม่ถลอกจริงไหม

       ผมขับลงมาช้าๆ ระดับ 30-50 กม/ชม เพื่อชมวิวไป คิดไป

ถ้า อบจ เพชรบูรณ์ คิดได้ น่าจะทำเส้นทางวิ่งมาราธอน วิ่งขึ้นและวิ่งลง รวมถึง มินิมาราธอน วิ่งขึ้นอย่างเดียว จะถือเป็นการดึงการท่องเที่ยวกลับมาสำหรับเส้นทางสู่พระตำหนัก โดยผู้เข้าร่วมแข่งขันกางเต๊นท์ หรือ นอนเรือนรับรอง เพื่อหารายได้พัฒนาพระตำหนัก และส่งเสริมการท่องเที่ยวในดินแดนเขาค้ออีกทางหนึ่ง

      เพราะไม่ไกลจากทางขึ้นตรงสี่แยกรื่นฤดี จะมีร้านขายกาแฟสด และสมุนไพรของโครงการหลวง ที่มีตู้เอทีเอ็มให้บริการด้วย แถมมีปั้มน้ำมันให้บริการอีก

ถ้าชาวบ้าน ชาวเขารักอนาคต ช่วยกันคนละไม้คนละมือ นำพันธ์ต้นมะค่า ต้นประดู่ไปปลูก

ตรงนี้ จะทำเงินรายได้เข้าเพชรบูรณ์อีก

อบจ เพชรบูรณ์ ลองทำไหม?

Related posts