สมาคมผู้จัดพิมพ์และผู้จำหน่ายหนังสือแห่งประเทศไทย เผยเทรนด์ธุรกิจหนังสือโลกเปลี่ยน สำนักพิมพ์ไทยควรเร่งปรับตัวเพื่ออยู่รอด เดินหน้าใช้งานหนังสือเป็นเครื่องมือสำคัญกระตุ้นตลาด เตรียมจัดงานสัปดาห์หนังสือแห่งชาติครั้งที่ 49 ณ ไบเทค บางนา 17-25 เมษายนนี้ ชูกิมมิคขายคูปองล่วงหน้าในราคาพิเศษ ขนทัพหนังสือจากกว่า 223 สำนักพิมพ์ให้นักอ่านได้เลือกซื้อในราคาโปรโมชั่น พร้อมจัดควบคู่กับแพลตฟอร์มออนไลน์ ThaiBookFair.com
โดยนางสาวโชนรังสี เฉลิมชัยกิจ นายกสมาคมผู้จัดพิมพ์และผู้จำหน่ายหนังสือแห่งประเทศไทย (Pubat) กล่าวว่า “อุตสาหกรรมสิ่งพิมพ์ทั่วโลกมีการเปลี่ยนแปลงไปในทิศทางเดียวกัน จากปัจจัยหลักอย่างการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรน่าและการดิสรัปท์ของเทคโนโลยี ส่งผลให้ผู้ประกอบการธุรกิจสิ่งพิมพ์นั้นต้องปรับตัว โดยการเปลี่ยนแปลงที่เห็นได้ชัดคือการพิมพ์หนังสือด้วยตัวของนักเขียนเองโดยไม่ผ่านสำนักพิมพ์ หรือนักเขียนสร้างผลงานของตัวเองผ่านช่องทางอีบุ๊ค (eBook) มากขึ้น สำหรับนักเขียนที่สร้างผลงานของตัวเองเราก็คิดถึงเขา คิดถึงนักเขียนอิสระอยากชวนมาขายหนังสือในเว็บ ซึ่งได้ปรึกษากับกรรมการแต่มันต้องใช้เวลาในการปรับปรุงระเบียบของสมาคมค่ะ ซึ่งในขณะเดียวกันสำนักพิมพ์เล็ก ๆ ที่มีกลุ่มผู้อ่านชัดเจนในเนื้อหาเฉพาะทาง (Niche) ก็มีการเติบโตมากขึ้น ที่สำคัญคือความท้าทายใหม่ที่คู่แข่งขันไม่ใช่ธุรกิจเดียวกันอีกต่อไปแล้ว แต่คือกิจกรรมความบันเทิงอื่น ๆ ที่เข้ามาดึงดูดความสนใจของผู้บริโภค โดยเฉพาะโซเชียลมีเดียที่กินเวลาของนักอ่านไปเป็นจำนวนมากต่อวัน จึงจำเป็นมากที่สำนักพิมพ์หรือผู้ผลิตเนื้อหา (Content) ต้องสร้างเนื้อหาน่าสนใจมากพอที่จะดึงดูดความสนใจจากนักอ่าน ตลอดจนใช้เครื่องมือใหม่ ๆ กระตุ้นการขาย อาทิ ช่องทางโซเชียล มีเดียที่เข้าถึงผู้คนได้ทันที พอดแคสท์ หรือยูทูป เป็นต้น
มูลค่าตลาดรวมอุตสาหกรรมสิ่งพิมพ์ไทยปี 2563 มีมูลค่าประมาณ 12,000 หมื่นล้านบาท คาดว่าปีนี้เมื่อสถานการณ์โควิด-19 เริ่มคลี่คลายจากวัคซีนและ new normal ของการใช้ชีวิตผู้คน ปีนี้จะมีมูลค่ารวมประมาณ 15,000 ล้านบาท โดยกลุ่มประเภทหนังสือที่ได้รับความนิยมจากนักอ่านยังคงเป็น การ์ตูน วรรณกรรม รองลงมาคือ หนังสือเกี่ยวกับการพัฒนาตนเอง ความรู้ รวมถึงกลุ่มประวัติศาสตร์การเมือง โดยการจัดงานหนังสือถือเป็นอีกหนึ่งเครื่องมือทางการตลาดของผู้ผลิตสิ่งพิมพ์ ไม่ว่าจะในประเทศไทยหรือหลาย ๆ ประเทศในโลก เพราะทำให้เกิดการแลกเปลี่ยน ซื้อขาย และการหมุนเวียนของเศรษฐกิจในประเทศ โดยข้อมูลสำรวจเรื่องช่องทางการซื้อหนังสือในปี 2563 จากผู้ที่เข้าร่วมงานหนังสือพบว่า มีการซื้อจากร้านหนังสือ 81% งานหนังสือ 61% ออนไลน์แบบสั่งเป็นเล่ม 51% และแบบอีบุ๊ค 20% (1 คนตอบได้หลายช่องทาง) โดยกลุ่มที่มาร่วมงานส่วนใหญ่ยังเป็นขาประจำที่มาทุกครั้งที่จัดงาน และค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นจากการซื้อหนังสือต่อคนในช่วง 500-1,000 บาท มีจำนวนมากที่สุด”
ในปีนี้ทางสมาคมฯ ได้เตรียมจัดงานกระตุ้นตลาดในช่วงต้นปีกับ สัปดาห์หนังสือแห่งชาติ ครั้งที่ 49 และสัปดาห์หนังสือนานาชาติ ครั้งที่ 19 ตั้งแต่วันที่ 17-25 เมษายน 2564 ณ อีเว้นต์ ฮอลล์ 98 – 99 ศูนย์นิทรรศการและการประชุมไบเทค (BITEC) ภายใต้ธีม “อ่านเท่” เพื่อสร้างค่านิยมให้คนรู้สึกว่าการอ่านให้เป็นหนึ่งในไลฟ์สไตล์ของชีวิต เป็นความเท่ในแบบของคนอ่านหนังสือ โดยมีสำนักพิมพ์เข้าร่วมงาน 223 ราย จำนวน 615 บูธ ใน 7 โซนหนังสือ ได้แก่ Book Wonderland, หนังสือทั่วไป, การศึกษา, หนังสือเด็ก, หนังสือเก่า, หนังสือต่างประเทศ และนิยาย ซึ่งจะมีหนังสือใหม่ภายในงานกว่า 1,200 ปก ร่วมด้วยนิทรรศการ งานอบรมสัมมนา และกิจกรรมที่น่าสนใจบนเวทีที่หมุนเวียนกันไปทุกวัน ทั้งได้เพิ่มกิมมิคสำหรับนักอ่านเพื่อกระตุ้นการซื้อ โดยจัดทำอี-คูปอง (E-Coupon) สำหรับช้อปในงานมูลค่า 500 บาท จะจำหน่ายล่วงหน้าในราคาพิเศษ 400 บาท เร็ว ๆ นี้ ผ่านทาง www.ThaiBookFair.com พร้อมด้วยโปรโมชั่นส่วนลดสูงสุดจากสำนักพิมพ์ 60% และจุดบริการรับ-ส่งจากเคอรี่ เอ็กซ์เพรส พร้อมขยายช่องทางการช้อปบน ThaiBookFair.com เป็นต้น ซึ่งคาดว่าจะเกิดรายได้ประมาณ 250 ล้านบาท”
นอกจากนี้ยังมีนิทรรศการหลัก “เพราะฉันอ่านฉันจึง…” นำพาทุกคนไปอยู่ในห้วงความคิดของ Read Idols 49 คนจากหลากหลายวงการ อาทิ นักธุรกิจ นักเขียน นักการเมือง นักวิชาการ แพทย์ นักวิทยาศาสตร์ ศิลปิน และนักแสดง เป็นต้น ที่ได้ถ่ายทอดความรู้สึกต่อหนังสือซึ่งส่งผลต่อชีวิต จนกลายเป็นบุคคลที่ประสบความสำเร็จได้ในปัจจุบัน จัดแสดงอยู่ในบูธ “หนังสือยักษ์” อีกทั้ง นิทรรศการ “อ่านเท่ มหัศจรรย์นิทานพัฒนาสมอง” ในโซนกิจกรรมเด็ก ซึ่งรวบรวมหนังสือดีสำหรับเด็กจากหลากหลายสำนักพิมพ์ในประเทศไทย 5 ประเภท 5 มุม ที่จะตอบโจทย์พ่อแม่ที่พาลูก ๆ มา พร้อมกิจกรรมสนุก ๆ ของเด็กๆ สามารถลงทะเบียนเพื่อรับพาสปอร์ตก่อนทำกิจกรรม หลังจากนั้นจึงร่วมสนุกไปกับกิจกรรมมากมาย พร้อมฟังนิทานในแต่ละรอบ เมื่อประทับตราในพาสปอร์ตครบทุกจุดสามารถนำมารับของที่ระลึกได้
และในงานเปิดตัวหนังสือพระนิพนธ์ในสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารี รัตนราชกัญญา เรื่อง The Princess’ Dog Diary 2 : บันทึกคุณน้ำหอม สุนัขทรงเลี้ยงของเจ้าหญิง, LOTS & FOUND ของคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์, งานประจำสอนทำธุรกิจ จากเพจสมองไหล, More Than Words คำบันดาลใจ จากท้อฟฟี่ แบรดชอว์, นี่เงินเดือนหรือเงินทอน จาก TaxBugnoum – ถนอม เกตุเอม รวมทั้งมีการเสวนาเกี่ยวกับหนังสือของ ‘ฮิงาชิโนะ เคโงะ’ เปิดประตูสู่ป่านิทราในเมืองไร้ชื่อ, ลงทุนให้มีกำไร ด้วยวิธีคิดแบบสแกนหุ้น, Bitcoin a Holic 1-2-1 Model เพราะ Bitcoin ไม่ใช่หุ้นเทคนิคการเทรดจึงแตกต่าง และ กิจกรรม Happykids “ช่วยลูกรักรู้จักร่างกาย รู้ทันจิตใจ สร้างสายใยแห่งความสุข” โดย ผศ.นพ.วรวุฒิ เชยประเสริฐ (หมอวิน เจ้าของเพจเลี้ยงลูกตามใจหมอ) และคุณริสรวล อร่ามเจริญ กรรมการผู้จัดการ บริษัท แปลน ฟอร์ คิดส์ จำกัด, “โชคดีที่มึงได้อ่าน” โดย น้าเน็ก เกตุเสพสวัสดิ์ ปาลกะวงศ์ ณ อยุธยา เป็นต้น เรื่องของมาตรการป้องกันไวรัสโคโรน่า ทางสมาคมฯ ได้ประสานกับเจ้าของสถานที่ในเรื่องการจัดมาตรการป้องกันตามมาตรฐาน โดยมีการลงทะเบียนและสแกนไทยชนะ จุดบริการเจลแอลกอฮอล์ล้างมือ การตรวจวัดอุณหภูมิร่างกายก่อนเข้างาน และตรวจสอบเมื่อภายในงานมีจำนวนคนที่หนาแน่นมากเกินไป
ด้าน ThaiBookFair.com พบกับหนังสือจากกว่า 200 สำนักพิมพ์ และโปรโมชั่นจากการผนึกกำลังกับ 3 มาร์เก็ตเพลสรายใหญ่ของประเทศอย่าง ลาซาด้า ช้อปปี้ และ เจดี เซ็นทรัล เพื่อเพิ่มช่องทางการจัดจำหน่ายและมอบส่วนลดรวมมูลค่ากว่า 5,000,000 บาท นอกจากนี้ ยังได้เชื่อมโยงกิจกรรมแบบ O2O ด้วยการเผยแพร่งานสัมมนาที่น่าสนใจผ่านทางเว็บไซต์ และสามารถนำใบเสร็จจากการช้อปภายในงานไปแลกคูปองส่วนลดที่บูท ThaiBookFair เพื่อนำไปช้อปต่อในเว็บไซต์ได้อีกด้วย”
ขอเชิญร่วมอ่านเท่กันในงาน สัปดาห์หนังสือแห่งชาติ ครั้งที่ 49 และสัปดาห์หนังสือนานาชาติ ครั้งที่ 19 วันที่ 17-25 เมษายน 2564 เวลา 10.00 – 21.00 น. ณ อีเว้นต์ ฮอลล์ 98 – 99 ศูนย์นิทรรศการและการประชุมไบเทค (BITEC) และช่องทางออนไลน์ที่เว็บไซต์ www.ThaiBookFair.com ติดตามรายละเอียดกิจกรรม ภายในงานได้ทาง Facebook Fanpage: Thai Book Fair