“ไกอะ คอร์ปอเรชั่น” ยืนยันไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับกรณีข่าวเจ้าหน้าที่ตำรวจบุกค้นโรงงานผลิตถุงมือทางการแพทย์ไม่ได้มาตรฐานที่จังหวัดชลบุรี เมื่อวันที่ 7 มิถุนายน 2564 และวันที่ 8 มิถุนายน 2564 พร้อมชี้แจง รายละเอียด และการเตรียมสู้คดีหลังบริษัทได้รับผลกระทบด้านความเชื่อมั่นในการจำหน่ายสินค้า
นายชูอิชิ โอซาวา ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ไกอะ คอร์ปอเรชั่น (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า ตามที่ได้มีการเสนอข่าวในสื่อต่างๆ เกี่ยวกับการที่เจ้าหน้าที่ตำรวจได้เข้าตรวจค้นโรงงานแห่งหนึ่งในอ.ศรีราชา จ. ชลบุรี และระบุว่าสถานที่ดังกล่าว บริษัท ไกอะ คอร์ปอเรชั่น (ประเทศไทย) จำกัด เป็นผู้เช่าสถานที่ เมื่อตรวจสอบข้อมูลการอนุญาต ไม่พบว่าบริษัทฯดังกล่าวได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นสถานประกอบการตาม พ.ร.บ.เครื่องมือแพทย์ พ.ศ.2551 และได้มีการลักลอบเปิดเป็นโรงงานผลิตและจำหน่ายถุงมือทางการแพทย์โดยไม่ได้รับอนุญาต และเป็นถุงมือทางการแพทย์ที่ไม่ผ่านเกณฑ์มาตรฐานมาบรรจุใส่กล่องใหม่ที่เป็นยี่ห้ออื่นเกรดมาตรฐานสากล เพื่อหลอกขายลูกค้าทั้งในประเทศและต่างประเทศ
จากประเด็นข่าวดังกล่าวส่งผลกระทบในด้านความเชื่อมั่นของ บริษัท ไกอะ คอร์ปอเรชั่น (ประเทศไทย) จำกัด เนื่องจากทางเราเป็นบริษัทที่ตั้งอยู่หลายประเทศทั่วโลก เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นบริษัทจึงขอชี้แจงว่า โรงงานดังกล่าวนั้น บริษัท ไกอะฯ เป็นผู้เช่าสถานที่ตามที่รายงานข่าวจริงโดยเช่าจากบริษัท เอเทคฯ แต่ บริษัท ไกอะฯ ยังไม่เคยเข้าไปประกอบธุรกิจหรือเข้าพื้นที่ที่บริษัทฯทำการเช่าที่ดินแม้แต่ครั้งเดียว เนื่องจาก บริษัท เอเทคฯ ผู้ให้เช่า ยังไม่ได้ส่งมอบพื้นที่การเช่าให้กับ บริษัท ไกอะฯ แต่อย่างใด
ส่วนกรณีที่เจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าตรวจค้นโกดังในหมู่ 11 ต.ห้วยใหญ่ อ.บางละมุง จังหวัดชลบุรี และพบถุงมือทางการแพทย์ ที่มีการกล่าวหาว่า ผิดกฎหมายนั้น บริษัทฯขอชี้แจงว่า โกดังดังกล่าวบริษัทฯไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้อง และไม่ได้มีการเช่าพื้นที่ดังกล่าวแต่อย่างใด
ดังนั้น ข้อมูลที่มีการเผยแพร่ข่าวในสื่อต่าง ๆ ในช่วงที่ผ่านมา บริษัท ไกอะ คอร์ปอเรชั่น (ประเทศไทย) จำกัด ขอยืนยันว่าบริษัทฯไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใด ๆ กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และงบจากเหตุการณ์ดังกล่าวทางบริษัทได้รับความเสียหายด้านชื่อเสียง และความน่าเชื่อถือทางธุรกิจ ขณะนี้ทางบริษัท ไกอะ คอร์ปอเรชั่น (ประเทศไทย) จำกัด ได้มีการปรึกษากับทีมกฎหมายเพื่อชี้แจง ความเป็นมาของเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และประเมินความเสียหายของบริษัทที่ได้รับจากกรณีดังกล่าว พร้อมทั้งจะดำเนินการทางกฎหมายอย่างถึงที่สุด
โดย ทางบริษัทไกอะ ฯได้ตั้งทีมทนายจากสำนักงานนิรันดร์และเพื่อนในฐานะที่ปรึกษากฏหมายเป็นผู้ดูแลเรื่องนี้ ซึ่งทีมทนายความได้กล่าวเพิ่มเติมว่า ทางบริษัทไกอะเองคงไม่เอาชื่อเสียงไปเสี่ยงกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นแน่นอน เนื่องจากบริษัทไกอะมี่ต้นทุนทางธุรกิจสูง และที่สำคัญอยากให้เจ้าหน้าที่ตำรวจทำการสอบสวน สีบสวนความจริงให้ชัดเจน เพราะไกอะไม่เกี่ยวข้อง ซึ่งทางทีมทนาย ยังบอกอีกว่าจะมีแนวทางในการดำเนินคดีตามแนวทางตามกฏหมายกับทาง บริษัทแห่งหนึ่ง ที่ได้บอกเลิกสัญญาโดยอ้างว่ามี บุคคลที่ 3 เข้าไปใช้พื้นที่ ต่อไป