เมื่อวันที่ 22 มิ.ย.64 เวลา 13.00 น. นางสาวสาวิตรี นันท์ภิวัฒน์ ผู้รับมอบอำนาจจากบริษัท พงสะหวัน อุตสาหกรรมป่าไม้ จำกัด (Phogsavahn Wood Industry) หรือ โรงเลื่อยพงสะหวัน สาธารณประชาธิปไตยประชาชนลาว (สปป.ลาว) ได้จัดแถลงข่าวต่อสื่อมวลชนที่โรงแรม มิราเคิล แกรนด์ คอนเวนชั่น แขวงทุ่งสองห้อง เขตหลักสี่ กรุงเทพฯ
กรณี “ มหากาพย์ไม้พะยูง 11 ตู้คอนเทนเนอร์ กับระยะเวลา 15 ปี ” ขอทวงคืนไม้พะยูงที่ถูกทางการไทยยึดไว้ตรวจสอบ อัยการสูงสุดมีคำสั่งให้คืน ศาลฎีกายกฟ้อง ปทส.มีคำสั่งให้คืนไม้ แต่มีบุคคลแอบอ้างเป็นตัวแทนบริษัทฯ รับคืนไม้พะยูงแทน ในงานแถลงข่าวได้มีผู้แอบอ้างสิทธิ์เข้ามาก่อกวนแอบเข้าร่วมฟังการแถลงข่าวและแสดงเอกสารอ้างสิทธิ์ จึงถูกเชิญออกนอกห้องแถลงข่าว
นางสาวสาวิตรีฯ เปิดเผยว่าตนเป็นผู้รับมอบอำนาจจากบริษัท พงสะหวัน อุตสาหกรรมป่าไม้ จำกัด (Phogsavahn Wood Industry) หรือ โรงเลื่อยพงสะหวัน ตั้งอยู่ถนนเลขที่ 9 บ้านหัวเมืองเหนือ นครกรสรพรหมวิหาร จังหวัดสะหวันนะเขต สาธารณประชาธิปไตยประชาชนลาว (สปป.ลาว) ปัจจุบันนายสอนแก้ว สิดทิไช เป็นกรรมการผู้มีอำนาจ มีสิทธิและหน้าที่ตามกฎหมาย มีอำนาจลงลายมือชื่อแทน และประทับตราบริษัทแต่เพียงผู้เดียว ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2558 จนถึงปัจจุบัน ตลอดจนมีอำนาจกระทำการในกรณีไม้พะยูงจำนวน 11 ตู้คอนเทนเนอร์ ของบริษัทฯ และต่อมานายสอนแก้วฯ ได้แต่งตั้งและมอบอำนาจให้นางสาวสาวิตรี นันท์ภิวัฒน์ เป็นผู้มีอำนาจ มีสิทธิและหน้าที่ตามกฎหมาย ในการกระทำแทนบริษัทฯ ภายในขอบเขตอำนาจ ในงานแถลงข่าวครั้งนี้ได้มีนายสอนแก้ว สิดทิไช กรรมการผู้มีอำนาจ ได้ทำการวิดีโอคอนเฟอร์เรนซ์ร่วมแถลงข่าวด้วย
โดย นางสาวสาวิตรีฯ ผู้รับมอบอำนาจจากบริษัท พงสะหวัน จำกัด เปิดเผยว่า บริษัทฯ ได้เห็นข้อมูลจากสำนักข่าวต่างๆ ของประเทศไทย เมื่อวันที่ 25 มี.ค.64 ที่ผ่านมา ว่านาย ค.(นามสมมุติ) ได้ไปแสดงตัวแอบอ้างว่าเป็นตัวแทนของกลุ่มบริษัท พงสะหวัน จำกัด ซึ่งไม่ถูกต้อง ซึ่งอาจส่งผลเสียหายต่อบริษัทฯ
จากกรณีที่อัยการสูงสุดมีคำสั่งให้คืนไม้พะยูง 11 ตู้คอนเทนเนอร์ จำนวนไม้พะยูง 1,664 ท่อน มูลค่าประมาณ 160 ล้านบาท ให้แก่บริษัท พงสะหวัน อุตสาหกรรมป่าไม้ จำกัด เจ้าของ ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2553 แต่เนื่องจากยังมีคดีความที่เกี่ยวพันถึงเรื่องการปลอมแปลงเอกสารของบริษัทชิ้ปปิ้ง ทางหน่วยราชการจึงยังไม่สามารถคืนไม้พะยูงทั้งหมดให้แก่บริษัทฯ ได้ ต่อมาในปี พ.ศ. 2563 ศาลฎีกามีคำวินิจฉัยยกฟ้องผู้ต้องหา คดีความทุกอย่างจึงถือว่าเป็นอันยุติสิ้นสุด ซึ่งต่อมากองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ปทส.) ได้มีคำสั่งให้คืนไม้พะยูงทั้งหมดให้แก่บริษัท พงสะหวัน อุตสาหกรรมป่าไม้ จำกัด แต่มีนาย ค.(นามสมมุติ) เข้าแสดงตัวแอบอ้างว่าเป็นผู้รับมอบอำนาจจากบริษัท พงสะหวัน อุตสาหกรรมป่าไม้ จำกัด ในการรับคืนไม้พะยูงดังกล่าว ซึ่งการมอบอำนาจดังกล่าวไม่เป็นความจริง
บริษัทฯ ขอชี้แจงว่า ทางกลุ่มบริษัท พงสะหวัน จำกัด ขอยืนยันว่า
1.กลุ่มบริษัท พงสะหวัน จำกัด ขอปฎิเสธไม่รับรู้ ไม่รู้เห็น และไม่ยินยอมต่อการเคลื่อนไหวผ่านมาทั้งหมดของนาย ค.(นามสมมุติ) ในราชอาณาจักรไทย
2.บริษัทฯ ไม่เคยมอบสิทธิ์ หรือมอบอำนาจ หรือแต่งตั้งให้บุคคลอื่นใด ไปรับไม้ของกลางแทนบริษัทฯ
3.บริษัทฯ ไม่เคยมอบสิทธิ์ หรือมอบอำนาจ หรือแต่งตั้ง นาย ค.(นามสมมุติ) ไปเคลื่อนไหวทำงานใดๆ หรือให้ดำเนินการหรือทำเรื่องรับไม้พะยูงคืนแต่อย่างใดแทนกลุ่มบริษัท พงสะหวัน จำกัด
4. กลุ่มบริษัท พงสะหวัน จำกัด มีความเป็นห่วงและไม่สบายใจเป็นอย่างยิ่ง เกี่ยวกับการกระทำของนาย ค.(นามสมมุติ) ซึ่งอาจจะทำให้เกิดความเสียหายต่อบุคคลหรือนิติบุคคลอื่นๆ ที่อาจหลงเชื่อว่าเป็นผู้แทนของกลุ่มบริษัท พงสะหวัน จำกัด
5.ได้ไปร้องทุกข์กล่าวโทษผู้ที่แอบอ้าง ข้อหาปลอมแปลงเอกสารการรับมอบอำนาจ
สมชาย/อ๊อด..รายงาน