วันที่ 24 ก.ย.64 เวลา 11.00 น. กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บช.สอท.) ภายใต้การนำของ พล.ต.ท.กรไชย คล้ายคลึง ผบช.สอท., พล.ต.ต.ภาณุมาศ บุญญลักษม์ รอง ผบช.สอท., พล.ต.ต.ชูฉัตร ธารีฉัตร รอง ผบช.สอท., พล.ต.ต.มนเทียร พันธ์อิ่ม รอง ผบช.สอท., พล.ต.ต.กานตพงศ์ ชัยรุ่งเรือง ผบก.สอท.2, พล.ต.ต.ฐิตวัฒน์ สุริยฉาย ผบก.สอท.4 และผู้ที่เกี่ยวข้อง ร่วมกันแถลงข่าวกรณีจับกุมผู้ต้องหารายสำคัญ 2 คดี ณ หอประชุม บช.ก. เมืองทองธานี
คดีที่ 1 ตามที่ปรากฏเป็นข่าวในสื่อออนไลน์กรณี เด็กนักเรียนชั้น ม.2 อายุ 14 ปี ถูกผู้ต้องหาหลอกลวงจำหน่ายโทรศัพท์มือถือ ยี่ห้อแอปเปิล ไอโฟน 7 ขนาด 32 กิกะไบต์ ในราคา 5,000 บาท ผ่านอินสตาแกรม Phonebymint ที่มีผู้ติดตามมากถึง 60,000 คน เหตุเกิดในพื้นที่ อ.นาหวาย จว.เชียงใหม่
พล.ต.ท.กรไชยฯ จึงสั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจสังกัด บก.สอท.2 และ บก.สอท.4 เร่งสืบสวนติดตามจับกุมผู้กระทำความผิดมาดำเนินคดีตามกฎหมายโดยเร็ว เนื่องจากเป็นการกระทำที่รับไม่ได้ และเป็นการฉวยโอกาสซ้ำเติมพี่น้องประชาชนในช่วงที่มีสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ยื่นคำร้องต่อศาลเพื่อขอหมายจับผู้ต้องหา จำนวน 2 ราย
ต่อมาเมื่อวันที่ 23 ก.ย.64 เวลา 17.30 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ทำการจับกุมตัว นางสาว น. (นามสมมุติ) อายุ 18 ปี และ นางสาว ส. (นามสมมุติ) อายุ 19 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดเชียงใหม่ ในความผิดฐาน “ฉ้อโกงประชาชน และโดยทุจริตหลอกลวง นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือน หรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน โดยประการที่น่าจะก่อให้เกิดความเสียหายแก่พี่น้องประชาชน” มีอัตราโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดีตามกฎหมาย
กระทั่งวันนี้ 24 ก.ย.64 เวลาประมาณ 09.00 น. จากการสืบสวนขยายผล เจ้าหน้าที่ตำรวจได้เข้าตรวจค้นบ้านพักหลังหนึ่งย่านราชพฤกษ์ อ.เมือง จว.นนทบุรี ซึ่งมีความเชื่อมโยงเกี่ยวข้องกับผู้ต้องสงสัยในคดีนี้ จากการตรวจค้นไม่พบตัวผู้ต้องสงสัยแต่อย่างใด พบเพียงครอบครัวของแฟนซึ่งพักอาศัยอยู่ในบ้าน จึงได้ทำการตรวจตรวจยึดแท็บเล็ต คอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะ ตู้เซฟนิรภัย กระเป๋าแบรนด์เนม ซิมโทรศัพท์มือถือ และรถยนต์เก๋ง บีเอ็มดับเบิ้ลยู ไว้เป็นของกลาง ตรวจสอบพบว่าผู้ต้องสงสัย เคยถูกจับกุมดำเนินคดีที่ สภ.คลองหลวง ในข้อหาฐานความผิดลักษณะเดียวกันนี้ ตามหมายจับของศาลเยาวชนและครอบครัวจังหวัดปทุมธานี พนักงานสอบสวนจะมีบันทึกไปยังเลขาธิการ ปปง. โดยคณะกรรมการเพื่อพิจารณา ตาม พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ.2542 ติดตามทรัพย์ และยึดทรัพย์ตามกระบวนการต่อไป
คดีที่ 2 จับหลอกขายเครื่องใช้ไฟฟ้า ให้คนพิการ
คดีที่ 2 ตามที่สื่อมวลชนได้นำเสนอข่าวกรณี ผู้เสียหายซึ่งเป็นสองสามีภรรยาพิการ ถูกผู้ต้องหาอ้างเป็นพนักงานไปรษณีย์หลอกลวงจำหน่ายเครื่องใช้ไฟฟ้าให้ในราคาถูกผ่านเฟซบุ๊ก “ตู้เย็นราคาถูก อนุมัติไว ส่งฟรีทั่วไทย” มีการจัดโปรโมชั่นซื้อ 2 แถม 1 และหากซื้อสินค้าครบ 30,000 บาท จะได้รับเครื่องปรับอากาศบริการติดตั้งฟรี ผู้เสียหายหลงเชื่อจึงโอนเงินให้ผู้ต้องหา รวมจำนวนเงิน 30,244 บาท เพื่อชำระค่าตู้เย็น คอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊ก และโทรศัพท์มือถือ หลังจากได้รับเงิน ยอมรับกับผู้เสียหาย ตรง ๆ ว่า “โกง” ต่อมาทราบว่าถูกหลอกลวง จึงได้ร้องเรียนผ่านสื่อมวลชนให้ช่วยเหลือ เหตุเกิดในพื้นที่ อ.เมือง จว.เพชรบูรณ์
พล.ต.ท.กรไชยฯ จึงสั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจสังกัด บก.สอท.2 และ บก.สอท.4 เร่งสืบสวนติดตามจับกุมผู้กระทำความผิดมาดำเนินคดีตามกฎหมายโดยเร็ว เนื่องจากเป็นการกระทำที่รับไม่ได้ และเป็นการฉวยโอกาสซ้ำเติมพี่น้องประชาชนในช่วงที่มีสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19
กระทั่งเมื่อวันที่ 23 ก.ย.64 เวลา 17.30 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ทำการจับกุมตัวหญิงอายุ 45 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดเพชรบูรณ์ ในความผิดฐาน “ฉ้อโกงประชาชน และโดยทุจริตหลอกลวง นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือน หรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน โดยประการที่น่าจะก่อให้เกิดความเสียหายแก่พี่น้องประชาชน” ซึ่งมีอัตราโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ นำตัวส่ง พงส.ดำเนินคดีตามกฎหมาย ผู้ต้องหาให้การรับสารภาพว่า เมื่อประมาณเดือน ส.ค.64 ตนได้รับการว่าจ้างจากหญิงไทยไม่ทราบชื่อ ให้ทำการเปิดบัญชีธนาคารให้ เป็นจำนวนเงิน 2,500 บาท
สมชาย..รายงาน