วันนี้ 29 กันยายน 2564 เวลา 11:00 น. รศ.ดร.สังศิต พิริยะรังสรรค์ ประธานคณะกรรมาธิการการแก้ปัญหาความยากจนและลดความเหลื่อมล้ำ วุฒิสภา ได้ทำหน้าที่ประสานและนำ Dr.Sok Sokrethya ที่ปรึกษาส่วนตัวของท่านนายกรัฐมนตรีสมเด็จฮุนเซน ผู้แทนรัฐบาลกัมพูชา และรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการท่องเที่ยว แห่งราชอาณาจักรกัมพูชา เข้าพบท่านจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ณ ห้องรับรอง ชั้น 9 กระทรวงพาณิชย์ เพื่อกระชับความสัมพันธ์อันดีระหว่างรัฐบาลของสองประเทศให้มั่นคงยิ่งขึ้น นอกจากนี้เพื่อสร้างความสัมพันธ์อันดีระหว่างนักการเมืองรุ่นใหม่ของกัมพูชากับของประเทศไทย ตลอดจนเพื่อให้มีการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นและแสวงหาความร่วมมือในด้านต่างๆในช่วงที่ทั้งสองประเทศเกิดโควิดและหลังจากสถานการณ์โควิดผ่านไปแล้วด้วย
ภายหลังจากที่ท่านรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ได้กล่าวต้อนรับท่านรัฐมนตรีจากกัมพูชาด้วยความยินดีเป็นอย่างยิ่งแล้ว
ท่านที่ปรึกษาส่วนตัวของนายกรัฐมนตรี สมเด็จอัครมหาเสนาบดี เดโซ ฮุนเซน และรัฐมนตรีช่วยการท่องเที่ยวของกัมพูชาได้ขอหารือในประเด็นสำคัญ 3 ประเด็นคือ
ประเด็นที่1 ให้ฝั่งไทยช่วยเร่งรัดในการแก้ปัญหาการจราจรหน้าด่านที่ฝั่งไทย เพื่ออำนวยความสะดวกให้สินค้าจากไทยข้ามไปกัมพูชาได้โดยเร็วและสะดวกขึ้น โดยเฉพาะในเรื่องของระบบการจัดทำเอกสารที่กัมพูชาเห็นว่าอาจสามารถลดลงได้ เพื่อความสะดวกในการทำการค้าระหว่างสองประเทศ
ประเด็นที่2 กัมพูชาใคร่ขอให้ไทยเร่งรัดการเปิดด่านหนองเอี่ยน เพื่อถ่ายเทการจราจรระหว่างสองประเทศอีกช่องทางหนึ่ง เพื่อให้เกิดความสะดวกในการค้าระหว่างสองประเทศมากยิ่งขึ้น
ประเด็นที่3 กัมพูชาใคร่ขอให้ฝั่งไทยอำนวยความสะดวกในเรื่องของการนำเข้าส่งออกสินค้าเกษตรระหว่างกันให้ได้รับความสะดวกมากขึ้นโดยเฉพาะข้อตกลงในเรื่องมาตรการด้านสุขอนามัยระหว่างกัน
ท่านรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ได้เรียนให้ท่านที่ปรึกษาส่วนตัวของสมเด็จฮุนเซนและผู้แทนของรัฐบาลกัมพูชาว่า
ประเด็นที่1 การเปิดด่านหนองเอี่ยนมีความเห็นตรงกันระหว่างสองประเทศคือไทยกับกัมพูชา เพราะเมื่อครั้งที่ตนไปเยือนกัมพูชาก่อนเกิดโควิด ได้เจรจากับท่านรัฐมนตรีการค้าท่านปาน สรศักดิ์ ที่พนมเปญ และมีความเห็นตรงกันว่าจะใช้วิธีการเปิดด่านหนองเอี่ยน โดยไม่ต้องรอให้ด่านฝั่งไทยสร้างเสร็จแบบถาวร แต่จะใช้ตู้คอนเทนเนอร์ไปพลางก่อนเพื่อการค้าระหว่างกันจะได้เดินหน้าได้ ซึ่งจะมีการหารือเพื่อเร่งรัดการแก้ปัญหา เช่น การติดขัดในบางส่วนให้เสร็จโดยเร็ว
ประเด็นที่2 ท่านรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ของไทยได้ขอให้ท่านที่ปรึกษาส่วนตัวของนายกรัฐมนตรีสมเด็จฮุนเซน และผู้แทนของรัฐบาลกัมพูชาได้ช่วยประชาสัมพันธ์สินค้าไทยที่ไปโพสต์ขายอยู่ใน klangthai.com ของกัมพูชาประมาณ 220 กว่ารายการ ให้ชาวกัมพูชาได้รับทราบเพิ่มเติม
ประเด็นที่3 ท่านรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ได้แจ้งให้ท่านที่ปรึกษาส่วนตัวของนายกรัฐมนตรีสมเด็จฮุนเซน ตัวแทนของรัฐบาลกัมพูชา และรัฐมนตรีช่วยว่าการการท่องเที่ยวของกัมพูชาทราบว่า หลังจากเลขาธิการอาเซียนของประเทศบรูไนหมดวาระ ลงในปีหน้า จะเป็นประเทศกัมพูชาที่จะทำหน้าที่เลขาธิการอาเซียนต่อไปประเทศไทยยินดีที่จะสนับสนุนชื่อบุคคลที่ประเทศกัมพูชาได้เสนอขึ้นมา และสุดท้าย
ประเด็นที่4 ท่านรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ได้เรียนว่าท่านประสงค์จะเห็นการประชุม JTC เพื่อส่งเสริมการค้าระหว่างไทยกับกัมพูชามากขึ้นโดยในปี 2561 กัมพูชาเป็นเจ้าภาพ ปี 2562 ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพ แต่เกิดสถานการณ์โควิดขึ้น ท่านจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ จึงได้เรียนให้ทราบว่า ถ้าเป็นไปได้อยากเห็นการประชุม JTC ระหว่างไทยกับกัมพูชา เพื่อส่งเสริมการค้าระหว่างกันในต้นปีหน้า
” หวังว่าจะช่วยเพิ่มการค้าระหว่างกันเพิ่มขึ้น เพราะกัมพูชาถือเป็นคู่ค้าสำคัญอันดับ 6 ของไทยในอาเซียนและอันดับที่ 26 ของโลกสำหรับประเทศไทย โดยช่วง 8 เดือนไทยสามารถส่งออกไปกัมพูชาได้ 141,000 ล้านบาท +10.8% และไทยได้ดุล 120,000 ล้านบาท
สินค้าส่งออกของไทยที่ไปกัมพูชาสำคัญเช่นน้ำมันสำเร็จรูป +67.5% น้ำตาลทราย +63.6% ยานยนต์ +36.2% เคมีภัณฑ์ +34.1% ส่วนสินค้าที่นำเข้าเป็นหลัก เช่น ผักผลไม้ มันสำปะหลัง เม็ดมะม่วงหิมพานต์ กล้วย พริก สินแร่และอัญมณี เป็นต้น” รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าว
ในท้ายที่สุดรัฐมนตรีทั้งสองท่านจากประเทศไทยและกัมพูชาได้แสดงให้เห็นถึงเจตจำนงและความมุ่งมั่นที่จะร่วมกันสร้างสันติภาพระหว่างประเทศทั้งสองจะร่วมมือกันส่งเสริมการค้าระหว่างสองประเทศให้เจริญก้าวหน้ายิ่งขึ้นท่านรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ของไทยได้ฝากความ ระลึกถึงและความเคารพอย่างสูงไปยังท่านนายกรัฐมนตรีแห่งราชอาณาจักรกัมพูชาสมเด็จฮุนเซน