เจ้าของนามปากกา “หนูแดง” หรือ “หนูแดงตัวน้อย” เคยได้สัมภาษณ์นานมากแล้วในฐานะนักเขียน คราวนี้มีโอกาสสัมภาษณ์อีกครั้งเพราะนักเขียนทำงานหลายอย่างมาก เรียกว่าใช้ความชอบ ความถนัดของตนมาเป็นโอกาสสร้างเม็ดเงิน และที่น่าสนใจคือนำประสบการณ์การเขียนนิยายมาหลายปีแบ่งปันเพื่อน ๆ ด้วยการเปิดคอร์สสอนเขียนนิยายชื่อ “Write on me” ซึ่งได้รับความสนใจจากคนที่มีฝันเดียวกัน สำหรับการสอนนั้นไม่มีกั๊กหรือเก็บงำถามมาตอบไป แต่คำถามที่พบบ่อยคือ ‘เขียนยังไงให้จบ’ สำหรับคนที่เรียนคงรู้หนูแดงตอบว่าอะไร แล้วนอกจากงานเขียน งานสอนแล้ว นักเขียนยังตามฝันอีกอย่างคือ การเป็นนักร้อง ถ้าอยากรู้ว่าเส้นทางจับไมค์เป็นอย่างไร ต้องไปฟังหนูแดงเปิดใจอย่างหมดเปลือกทุกเรื่องราว
“สวัสดีค่ะ ชื่อ บุญญานี จงทวีพรมงคล ชื่อเล่น หนูแดงค่ะ แต่บางทีคนอื่น ๆ ก็เรียกว่าบุนนี่ เป็นชื่อย่อที่มาจากชื่อจริง ชอบเรียกแทนตัวเองบ่อย ๆ คนเลยเรียกตามกันหมดค่ะ (หัวเราะ) นอกจากเป็นนักเขียนนิยายอาชีพแล้ว ก็มีงานสอนเขียนนิยายในนาม Write on me งานวิทยากรเกี่ยวกับการเขียน งานวีเจในแอปฯ หนึ่ง ทำเพลงกับเพื่อน กำลังเริ่มเข้าสู่วงการเขียนบทภาพยนตร์ แล้วก็ธุรกิจส่วนตัวเล็ก ๆ น้อยๆ ค่ะ ส่วนนิยายที่เขียนนี่ บอกเลยว่าเขียนทุกแนว แต่หลัก ๆ จะเขียนนิยายรักประเภทชาย – หญิงกับแนววาย นามปากกาที่ใช้อยู่ตอนนี้มี 3 นามปากกาด้วยกัน ก็จะมี “หนูแดง” เอาไว้เขียนชาย – หญิง “หนูแดงตัวน้อย” เอาไว้เขียนแนววาย ส่วน “บุญญานี จงทวีพรมงคล” เอาไว้เขียนงานประเภทสร้างสรรค์สังคมหรือทำงานประกวด หรือเขียนแนวอื่น ๆ ที่ไม่ใช่แนวบันเทิงค่ะ
ปัจจุบันมีอายุงานเขียนเข้าปีที่ 12 นับจากนิยายเรื่องแรกที่ได้ตีพิมพ์นะคะ ส่วนการสอนเนี่ย สอนจริง ๆ จัง ๆ เพิ่งจะเริ่มปีนี้ แต่ก่อนหน้านั้นมีรับงานวิทยากรไปบรรยายตามสถานศึกษาต่าง ๆ อยู่หลายครั้ง ช่วงนั้นก็จะมีอายุงานราว 9-10 ปี ถ้าถามว่าเปิดสอนเขียนนิยายมีดราม่าบ้างไหม มันก็มีบ้างค่ะ แต่บางทีเราก็รู้ บางทีเราก็ไม่รู้ ตอนที่รู้ก็แกล้งทำเป็นไม่รู้ (หัวเราะ) เพราะเราต้องยอมรับว่าทุกวงการย่อมมีกระแสตอบรับทั้งทางบวกและลบตามมาเสมอ ไม่ใช่แค่วงการนักเขียนอย่างเดียว ส่วนตัวหนูแดงเวลาได้รับฟีดแบ็กในทางลบก็ไม่ได้อะไรค่ะ แค่น้อมรับผลตอบรับในทุก ๆ ทาง อะไรที่เห็นว่ามีประโยชน์ก็เอาไปปรับปรุงในการสอนครั้งต่อ ๆ ไปค่ะ จากที่ทำงานมาหลายอย่างที่กล่าว หนูแดงชอบงานเขียนที่สุดค่ะ ย้ำว่างานเขียนนิยายหรือพวกวรรณกรรมด้วยนะคะ เพราะรู้สึกว่าเป็นตัวเองมากที่สุด ยุ่งกับคนอื่นน้อยสุดด้วยค่ะ บางครั้งเราก็ต้องการชาร์จแบตฯ ด้วยการใช้เวลาอยู่กับตัวเองคนเดียวเงียบ ๆ ใช้ความคิด ใช้จินตนาการไปเรื่อยเปื่อย มันเป็นการบำบัดตัวเองอย่างหนึ่งด้วยงานเขียนเนี่ย ส่วนพวกงานสอน จริง ๆ ตอนแรกที่สอน สอนเพราะอยากคุยกับคนค่ะ ช่วงโควิดที่ผ่านมาไม่ได้ออกจากบ้านไปเจอสังคมที่ไหนเลยผุดไอเดียที่จะทำให้ได้คุยกับคนขึ้นมาด้วยการเปิดสอน ให้คนที่สนใจในเรื่องเดียวกันมาพูดคุยกัน สอนเป็นงานอดิเรกไป ๆ มา ๆ นักเรียนมีการบอกต่อกัน ก็เลยเปิดสอนจริง ๆ จัง ๆ ไปเป็นงานเสริม ส่วนงานเพลง จริง ๆ แล้วเป็นความฝันตั้งแต่วัยเด็กเลยค่ะ หนูแดงเคยจะเดบิวท์อยู่ครั้งหนึ่งตอนสมัยวัยรุ่นแล้วไม่ได้ไปต่อ เพิ่งกลับมาสานต่อความฝันในช่วงอายุนี้ แล้วก็ต้องยอมรับว่าเราร้องเพลงไม่เหมือนเดิมแล้วนะ ด้วยข้อจำกัดทางร่างกาย น้ำเสียงที่เปลี่ยนไป และปัจจัยอื่น ๆ อีก เลยคิดว่างานเขียนนี่แหละเป็นตัวเองที่สุดแล้วในช่วงอายุนี้ค่ะ มาคุยถึงงานสอนเขียนนิยายถ้านับตั้งแต่ที่เริ่มได้รับเชิญไปเป็นวิทยากรก็ราว 5 ปีแล้วค่ะ แต่ถ้าสอนจริง ๆ จัง ๆ ก็ยังไม่ถึงปีเพราะเพิ่งเริ่มปีนี้ ช่วงแรก ๆ ไม่มีค่าใช้จ่ายในการสอนอะไร สไลด์ทำเอง เพจทำเอง ประชาสัมพันธ์คลาสเรียนเอง ซึ่งช่วงหลังมีทีมงานเข้ามาช่วยงานก็จะมีค่าใช้จ่ายส่วนนี้เข้าไปด้วย ระยะแรกเริ่มรับสอนคลาสเล็ก ๆ 10-15 คน เป็นพวกคลาส Workshop ก็จะรับนักเรียนได้น้อย แต่ถ้าเป็นคลาสบรรยาย จำนวนนักเรียนสูงสุดก็ราว 100 กว่าคน ตอนนั้นไปเป็นวิทยากรแล้วบรรยายให้นักศึกษาปี 1 – ปี 4 ฟังน่ะค่ะ คลาสที่ทำเอง จำนวนนักเรียนสูงสุด 50 กว่าคนได้ คลาสนั้นก็บรรยายเหมือนกัน ช่วงเวลาที่สอนเป็นเสาร์ – อาทิตย์ แรก ๆ สอนช่วงมืดแต่เลิกดึกกันทุกที ตอนนี้เลยสอนแค่ช่วงเช้ากับบ่าย แนวนิยายที่สอนไม่จำกัดเลยค่ะ นักเรียนบางท่านก็ไม่ถนัดแนวที่หนูแดงถนัด (ตัวหนูแดงถนัดแนวนิยายรัก) เลยต้องสอนแบบกว้าง ๆ แล้วเจาะเข้าไปทีละส่วน แล้วแต่ความถนัดของนักเรียนด้วยค่ะ ท่านใดสนใจเรียนเขียนนิยายติดต่อไปทางเพจชื่อ Write on me ในเฟซบุ๊กได้เลยค่ะ มีคลาสเรียนทุกเดือน มีทีมงานแอดมินสแตนด์บายคอยตอบตลอดค่ะ สำหรับคำถามที่เจอบ่อยเวลาสอนเขียนนิยายคือ ‘เขียนยังไงให้จบ’ (หัวเราะ) โดนถามบ่อยที่สุดแล้ว แล้วคำตอบก็จะกำปั้นทุบดินทุกทีเลยค่ะว่า “เขียน” เดี๋ยวมันก็จบเอง แต่ตอนตอบในคลาสก็ไม่ได้ตอบแบบห้วน ๆ นะคะ มีให้เทคนิคต่าง ๆ ให้นักเรียนได้ไปฝึกทำเพื่อเขียนงานให้จบด้วย เรียกว่าเป็นไกด์ไลน์ ส่วนนักเรียนจะเขียนจบหรือไม่จบอยู่ที่นักเรียนแล้วค่ะ หนูแดงได้สอนเทคนิคเขียนนิยายอย่างรวดเร็ว ที่พูดบ่อย ๆ ก็จะเป็นการวางโครงเรื่อง เตรียมรายละเอียดข้อมูลต่าง ๆ ทั้งเรื่องตัวละคร ฉาก ทรีตเมนต์ อะไรประมาณนี้ค่ะ ช่วงโควิดที่ต้องเว้นระยะห่างงานสอนก็ใช้วิธีสอนออนไลน์ผ่านโปรแกรม Zoom เอาค่ะ ส่วนงานเพลงจริง ๆ ทำเป็นงานอดิเรก (แต่มันดันเป็นงานอดิเรกที่ได้ตังค์) ซึ่งพอติดช่วงโควิดระบาดงานที่ไปร้องตามร้านรวงต่าง ๆ คือพักยาวไปเลย งานของวงก็เช่นกัน ไม่ได้เข้าห้องอัดเลย มีแต่งานวีเจที่ร้องออนไลน์ได้ เพราะมันไลฟ์สดผ่านแอปฯ แต่ช่วงนี้ก็พักไปเหมือนกันค่ะ งานล้นทำไม่ไหว งานเพลงเลยยกยอดไปปีหน้าหมดเลยค่ะ
มนุษย์เราจะมีช่วงเวลาทองที่ Productive หรือพร้อมแก่การทำงานมาก ๆ โดยเฉลี่ย 4 ชั่วโมงต่อวัน ซึ่งของหนูแดงจะเป็นช่วงตื่นนอนตอนเช้านั้นเป็นเวลาเขียนนิยายเขียนไม่เกิน 1 ชั่วโมงค่ะ ช่วงนั้นแหละจะเป็นนาทีทองของการเขียนนิยาย หนูแดงเขียนนิยายมาหลายปี ความชำนาญในการใช้แป้นพิมพ์หรือการคิดอะไรต่าง ๆ มันมีติดตัวอยู่แล้ว เลยจะวางแผนเอาไว้ว่าวันหนึ่ง ๆ ต้องเขียนนิยายให้ได้ 1 ตอน (ราว 7 หน้าเอ 4 หรือ 3,000 – 3,500 คำ) ซึ่งการวางแผนพวกนี้ก็ผ่านการวางแผนมาอีกที พูดง่าย ๆ คือเวลาหนูแดงจะเขียนนิยายแต่ละเรื่องจะวางโครงสร้างก่อน เขียนทรีตเมนต์ก่อนเพื่อที่จะรู้ว่านิยายเรื่องนั้น ๆ มีทั้งหมดกี่ตอน สมมตินิยายมี 20 ตอน เขียนได้วันละตอนก็ใช้เวลา 20 วันจบค่ะ
สำหรับนิยายเรื่องล่าสุดเป็นนิยายทำมือเรื่อง “Uncle on my moon คุณอากับหนูขา” นามปากกา หนูแดง เป็นแนวรักวัยรุ่น – โรมานซ์ และตอนนี้กำลังเตรียมจะออกเรื่อง “ภรรยาบอดี้การ์ด” ใช้นามปากกา หนูแดง เรื่องนี้เป็นแนวรัก – โรมานซ์ ในส่วนของงานร้องเพลงออกเป็นวงแนว Pop-Rock ชื่อวง “Sweetener” ซิงเกิลแรกยังไม่ออกค่ะ อัดแล้วแก้ ๆ หลายรอบมาก มาติดช่วงโควิดอีกเลยพักเข้าห้องอัดไปยาว ๆ เปลี่ยนเพลงก็หลายรอบเลยยังไม่รู้ว่ากระแสเป็นยังไง ทำใจไว้แล้วว่าอาจจะแป้กนะ (หัวเราะ) แต่ถึงเวลาปล่อยซิงเกิลแรกก็จะเป็นเพลง “ขาดหวานไม่ได้” คนแต่งเนื้อร้องคือหนูแดงเอง แต่งเอง ร้องเองทุกเพลง มีสมาชิกคนอื่น ๆ ในวงแต่งทำนอง แล้วก็มีโปรดิวเซอร์ช่วยเรียบเรียงเนื้อร้องกับดนตรีอีกทีค่ะ ที่บอกว่าแต่งเพลงเองโชคดีที่ตัวเองเป็นนักเขียน สามารถแต่งได้ทั้งร้อยแก้วและร้อยกรอง การแต่งเพลงเลยไม่มีปัญหาค่ะ เรื่องทำนอง มีสมาชิกคนอื่น ๆ ในวงแต่งให้อยู่แล้ว เลยไม่มีค่าใช้จ่ายในส่วนนั้น ส่วนเรื่องเสื้อผ้าหน้าผมออกเองทุกบาทค่ะ ไม่มีสปอนเซอร์เลย แต่มันดีอย่างตรงที่ว่าเราอยากเป็นแบบไหน อยากแต่งตัวยังไง มันตามสบายเราเลยค่ะ ช่วงนี้เลยจะผมสีชมพูมารัว ๆ กำลังติดใจผมสีนี้ ซึ่งตอนปล่อยซิงเกิลแรกในปีหน้าก็อาจจะไม่ใช่ผมสีนี้ก็ได้ค่ะ เพราะงั้นจำสีผมในสัมภาษณ์นี้ไว้ให้ดี ๆ นะ (หัวเราะ)
ให้ฝากถึงคนที่จะตามรอยในงานเขียนควรยึดหลักอย่างไรจะสำเร็จ พอพูดเรื่องนี้แล้วจะโดนย้อนว่า “ก็ประสบความสำเร็จแล้วก็พูดได้นี่อะไรหรือเปล่านะ” ฮา จริง ๆ เรื่องประสบความสำเร็จในงานเขียน ต้องตอบตัวเองให้ได้ก่อนว่านิยามคำว่าประสบความสำเร็จไว้ว่ายังไงค่ะ บางคนก็นิยามเป็นเรื่องของเม็ดเงิน บางคนก็ชื่อเสียง บางคนก็รางวัล อย่างหนูแดงก็ยังมองว่าตัวเองยังไม่ประสบความสำเร็จนะ ยังมีเส้นทางให้ต้องไปต่ออีกยาวไกลเลย แต่ในการเริ่มต้นเขียนงานสำหรับมือใหม่หรือใครก็ตามที่สนใจจะประกอบอาชีพนักเขียน หนูแดงอยากแนะนำว่าอย่าเพิ่งไปคิดถึงเรื่องนั้นมาก แต่ก็ให้ตั้งเป็นเป้าหมายเอาไว้ เพราะเวลาที่เรามีเป้าหมาย มันจะมีแรงผลักดันให้เราไปถึงจุดหมายได้ง่าย ส่วนที่บอกว่าอย่าไปคิดเรื่องพวกนั้นเยอะก็ด้วยเวลาที่เราตั้งความคาดหวังเอาไว้แล้วมันต้องใช้เวลาในการไปสู่จุดหมาย ระหว่างทางนี่แหละที่ทำให้เราท้อแล้วล้มเลิกไปซะก่อน เพราะงั้นเขียนงานให้ตัวเองสนุกก่อนค่ะ ตอบสนองตัวเองให้ได้ก่อน พอเราสนุก คนอ่านก็จะสนุกตามไปด้วย คราวนี้แหละ เรื่องเงิน ชื่อเสียงอะไรพวกนั้นก็จะค่อย ๆ ตามมา สั่งสมประสบการณ์ไปเรื่อย ๆ กรุงโรมไม่ได้สร้างเสร็จวันเดียวฉันใด งานเขียนก็ฉันนั้น เป็นกำลังใจให้กับนักฝันทุกคนค่ะ”