หนังดีติดดาว***
“จีดีเอช” พร้อมส่ง “ร่างทรง (The Medium)” โดยการกำกับของ โต้ง-บรรจง ปิสัญธนะกูล พร้อมนักแสดง ญดา-นริลญา กับเรื่องราวของการสืบทอดทายาทคนทรง ในครอบครัวหนึ่งในภาคอีสาน แต่มีเหตุการณ์ประหลาดเกิดขึ้นกับ มิ้ง ลูกสาวของ น้อย พี่สาวของ นิ่ม ผู้เป็นร่างทรง นิ่มจึงพยายามหาทางช่วยมิ้งให้พ้นจากอันตรายที่มองไม่เห็นแถมชั่วร้าย
ช่วงแรกของหนังนี่เดินเรื่องเสมือนสารคดีเลย เพราะเขาผูกเรื่องให้เป็นทีมงานถ่ายทำสารคดีเกี่ยวกับคนทรงเจ้าเข้าไปสัมภาษณ์ครอบครัวของนิ่มและน้อย บรรยากาศจะดูเงียบ ๆ ทึม ๆ หน่อย ถึงแม้ว่ามันจะเดินเรื่องผ่านชีวิตประจำวันของคนกลุ่มหนึ่งที่ดูไม่ปกติแต่ก็มีบางอย่างที่ไม่น่าไว้วางใจ และมีเรื่องซ้อนเรื่องให้เราเขวตอนแรกในเรื่องพฤติกรรมของมิ้งที่เริ่มเปลี่ยนไป ช่วงนี้สนุกปนสยองเลยล่ะ เรื่องราวที่เดินอยู่ในหนังมันพึ่งพิงภูมิหลังของตัวละคร โดยไม่ได้ทำฉาก flashback ให้ดู ต้องจินตนาการและเก็บข้อมูลเอาเองกับพฤติกรรมของมิ้งที่เปลี่ยนไปทีละนิด มิ้งเริ่มดุร้าย รุนแรง ไม่น่าไว้วางใจ ไปจนถึงช่วงปล่อยของที่เอาความสยองขวัญมานำหน้า โดยนำเสนอผ่านมุมกล้องแบบ handheld / CCTV แบบตัดสลับไปมา ถือว่าตัวแสดงเล่นดีโดยเฉพาะ คนรับบท นิ่ม, น้อย และ มิ้ง หนังเหมือนสารคดีผสมกับมุมกล้องเพิ่มความสมจริงได้หลายเท่าเลย แม้ตอนท้ายจะวุ่นวาย แต่ก็พาหลอนยันจบ
ติดเต็ม *****
“Dune” ภาพยนตร์จาก Warner Bros. Pictures และ Legendary Pictures เป็นผลงานการกำกับจากผู้เข้าชิงรางวัลออสการ์ เดนิส วิลล์เนิฟ (“Arrival”, “Blade Runner 2049”) โดยดัดแปลงจากนิยายขายดีชื่อเดียวกันของ แฟรงค์ เฮอร์เบิร์ต ขนนักแสดงดังคับคั่ง อาทิ ทิโมธี ชาลาเมต์, รีเบกกา เฟอร์กูสัน, ออสการ์ ไอแซ็ค, จอช โบรลิน, สเตลแลน สการ์สการ์ด, เดฟ บอทิสตา, สตีเฟน แม็คคินลีย์ เฮนเดอร์สัน, เซนดายา, จาง เจิ้น, เดวิด แดสต์มอลเชียน, ชารอน ดันแคน-บรูว์สเตอร์ ร่วมด้วย ชาร์ล็อตต์ แรมพลิง, ชาเวียร์ บาร์เด็ม ที่เล่าเรื่องราวของ พอล อะ เทรดีส ชายหนุ่มผู้ปราดเปรื่องเปี่ยมพรสวรรค์ที่ถือกำเนิดมาเพื่อโชคชะตาอันยิ่งใหญ่เกินกว่าที่ตนเองจะจินตนาการ เขาต้องเดินทางไปยังดวงดาวที่อันตรายที่สุดในจักรวาล เพื่อปกป้องอนาคตของตระกูลและผู้คนของตน เมื่อเหล่าผู้ประสงค์ร้ายได้สุมไฟความขัดแย้งเพื่อแย่งชิงทรัพยากรล้ำค่าซึ่งมีอยู่บนดาวดวงนี้และจะช่วยปลดปล่อยศักยภาพสูงสุดของมนุษย์ มีเพียงผู้ที่เอาชนะความกลัวของตนเท่านั้นที่จะอยู่รอด
เนื้อเรื่องอารัมภบทแนะนำตัวละครต่าง ๆ ยืดเยื้อแต่ก็เข้าใจ บทเด่นจะเทอยู่ที่ตัวพ่อแม่และพระเอก นอกนั้นเป็นตัวประกอบที่มีบทบาทตามนิยายวางไว้ แม้ตัวนางเอกผลุบ ๆ โผล่ ๆ ในความฝันพระเอก แต่ก็ถือว่าเด่นล่ะ สำหรับเสื้อผ้าหน้าผมทำให้เชื่อว่าทุกคนอยู่ท่ามกลางทะเลทรายที่มีหนอนซ่อนตัวอยู่เพื่อรอวันเขมิบทุกคน แต่มีฉากที่ขัดใจตอนมาเจริญสัมพันธไมตรีพอลงจากยานแทนที่จะมีตัวเลื่อนไงเดินมาซะไกลไม่พอตอนอ่านสาสน์นึกว่าดูหนังจีนดึงพรืด! สาสน์กลางออก ช่างเชยแต่ก็ยอมรับเพราะทำตามนิยาย ถ้าเรื่องนี้ฉายก่อนจักรวาลอื่น ๆ ถือว่าไฮเทคมากแต่พอมาฉายทีหลังเชยเลย ในส่วน CG เครื่องแมงปอก็ดีตอนขึ้นแต่ขัดใจตอนพระเอกจะหนีผู้ร้าย ทำม๊ายกว่าจะติดให้ลุ้นผู้ร้ายจะมาทันไหม และที่คิดว่าทันสมัยก็กระโจมให้พระเอกและแม่ได้หลบซ่อนใต้ทะเลทรายและชุดเดินทะเลทรายที่เก็บเหงื่อผันมาเป็นน้ำให้ดื่มกิน แม้ฉากต่อสู้ไม่เยอะแต่ก็ยิ่งใหญ่ตามที่ถ่ายทอดมาจากนิยาย แต่เสียดายตัวเอกตายหมดแถมนางเอกดันบอกว่า ‘นี่แค่เริ่มต้น’
ติดให้ **** ครึ่ง
คำถามจากภาพยนตร์เรื่อง “Dune” ใครเป็นผู้กำกับเรื่องนี้
ทราบคำตอบ เขียนชื่อ – ที่อยู่ และคำตอบให้ชัดเจน ลงไปรษณียบัตร ส่งมาที่
“หนังดีติดดาว”
เลขที่ 32/15 ซ.ลาดพร้าว 23 แขวงจันทรเกษม เขตจตุจักร กรุงเทพฯ 10900
ผู้ตอบถูก 3 ท่านได้รับของรางวัลจาก “Warner Bros. Pictures” (ขอบคุณที่สนับสนุนของรางวัล)
หมดเขตส่งคำตอบ 30 พฤศจิกายน 2564
“เลียม นีสัน” และ “ลอเรนซ์ ฟิชเบิร์น” โคจรมาเจอกันเป็นครั้งแรกในภาพยนตร์แอ็กชัน มหันตภัยหนาวยะเยือกฟอร์มยักษ์ “The Ice Road เหยียบระห่ำ ฝ่านรกเยือกแข็ง” กำกับโดย โจนาธาน เฮนส์ลี กับเรื่องราวของ ไมค์ คนขับรถบรรทุกสิบแปดล้อมืออาชีพ ที่ร่วมเดินทางกับ จิม เจ้าของบริษัทขนส่ง ซึ่งได้รับมอบหมายภารกิจสำคัญ ในการนำทีมผู้กล้าขนส่งอุปกรณ์กู้ภัย เพื่อช่วย 26 คนงานที่ติดอยู่ภายในเหมืองเพชร ซึ่งกำลังจะขาดออกซิเจนจากเหตุการณ์พายุหิมะถล่มในเมืองวินนิเพ็ก พวกเขามีเวลาจำกัด 30 ชั่วโมง ในการซิ่งรถสิบแปดล้อ น้ำหนักกว่าสิบตันทั้งสามคัน บนเส้นทาง 300 ไมล์ของมหาสมุทรเยือกแข็งที่ใกล้ละลาย การเดินทางที่เต็มไปด้วยอุปสรรคทั้งการไล่ล่า และอันตรายจากสิ่งที่ซ่อนอยู่
หนังไม่ได้เน้นไปที่ความเก่งกาจของตัวละคร ไมค์ ที่รับบทโดย เลียม นีสัน เหมือนกับเรื่องอื่น แต่ให้ความสำคัญกับตัวละครรองในการแก้ปัญหาและกู้สถานการณ์ด้วยในระดับหนึ่ง ความรวดเร็วของเส้นเรื่องนี่กำลังพอดี ปูพื้นฐานและแนะนำตัวละครเสร็จก็เดินหน้าทันที อุปสรรคขวากหนามที่ถาโถมเข้าหากลุ่มตัวละครก็เยอะจนดูโอเวอร์ แต่กลับดูสนุก เพราะได้เห็นการแก้ปัญหาและพลิกวิกฤตให้เป็นโอกาสแทบจะตลอดเวลา ซึ่งตรงนี้แหละคือความสนุก แม้ CG ไม่เนียนมีความลอย ๆ แบบเห็นได้ชัดมาก และอีกอย่างที่ไม่ชอบเท่าไหร่ก็คือ แรงจูงใจของฝ่ายร้ายที่หนังค่อย ๆ เผยเหตุผลออกมาก็เซอร์ไพรส์ในระดับนึง แต่มูลเหตุของทุกการกระทำมันดูง่ายเกินไป จนไม่น่าเชื่อสักเท่าไหร่นัก
ติดให้ **
“เฟรดดี้ ไฮมอร์” พลิกบทจากหมอเนิร์ดในซีรีส์สุดฮิต The Good Doctor โดดมารับงานปล้นในภาพยนตร์แอ็กชันโจรกรรม “Way down หยุดโลกปล้น” เล่าเรื่องราวของคนกลุ่มหนึ่งที่ต้องวางแผนบุกเข้าไปขโมยของชิ้นหนึ่งที่ได้มาจากการดำน้ำลงไปสำรวจเรือของ Sir Francis Drake แต่ถูกรัฐบาลสเปนยึดเอาไปเก็บไว้ในห้องนิรภัยที่มีระบบรักษาความปลอดภัยดีเยี่ยมติดอันดับโลก ด้วยเพราะมูลค่าอันมหาศาลของมันนี่แหล่ะ ทีมนี้จึงต้องพยายามชิงเอามันคืนมาให้ได้ในช่วงเวลาที่ทั้งประเทศสเปนกำลังตื่นเต้นอยู่กับการแข่งขันฟุตบอลโลกรอบรองฯและรอบชิงฯที่สเปนเข้ารอบมาในครั้งที่แอฟริกาใต้เป็นเจ้าภาพในปี 2010
เอาจริง ๆ มันคือ Money Heist ของ Netflix เลยล่ะ หากแต่ไม่ยืดเยื้อ ไม่เยิ่นเย้อ ไม่โชว์ความฉลาดของฝ่ายที่จะบุกเข้าไปและไม่โชว์ความทันเกมของฝ่ายตั้งรับที่ทั้ง 2 ฝ่ายก็มองเกมกันและกันออกจนน่าหมั่นไส้ แล้วก็เล่าเรื่องโดยการตัดสลับกันไปมาระหว่างทั้ง 2 ฝั่ง แต่หนังเน้นทางฝ่ายพระเอกมากกว่าก็เลยทำให้ตัวละครฝ่ายนี้ดูมีมิติและมีความเป็นมนุษย์มากกว่าฝ่ายผู้ร้ายที่เหมือนหุ่นยนต์ ที่มีหน้าที่ในเส้นเรื่องเพียงแค่ต่อต้านและแก้เกมเท่านั้น หนังมีจังหวะโอเวอร์และมีความบังเอิญที่เกินพอดีในบางฉาก ก็เลยอาจจะทำให้ความน่าเชื่อถือของเรื่องลดลงไปบ้าง แต่ถ้าไม่เอาจริงเอาจังอะไรมากปล่อยผ่านก็คิดว่าดูเอาความบันเทิง
ติดให้ ****
