วันนี้มีโอกาสสัมภาษณ์นักเขียนที่ยอดนิยายทำมือสูงสูงขนาดวิกฤตโควิด 19 ทำอะไรยอดหนังสือของนามปากกา “มาลีรินทร์” ไม่ได้ ซึ่งล่าสุดปล่อยเรื่อง “เมียรักของนับพัน” 2 เล่มจบ ซีรีส์เซต “เมียรัก” ที่ครองใจนักอ่านมานานหลายปี สำหรับนักเขียนแม้ยอดทำมือสูงถามว่าดังหรือยัง? นักเขียนตอบชัด ๆ ว่า ‘ความดัง ไม่ดัง เป็นที่รู้จักหรือไม่ต้องให้คนอ่านเป็นผู้ตัดสิน’ โดย มาร์ “กัญญาวีร์ โคกฤทธิ์” ได้เปิดใจอย่างหมดเปลือกพร้อมเผยผลงานปีหน้าด้วยว่า
“ผลงานของมาร์ที่ยอดสูงมี 9 เรื่อง แนวรัก-โรแมนติกค่ะ ดังนี้
1.ซาตานร้ายสยบรัก 2.ลิขิตรักเมียพิพากษา 3.เสน่หาเมียแต่ง 4.ทัณฑ์รักหัวใจเถื่อน
5.เมียรักของนับแสน 6.อาริรัก อาริร้าย 7.เมียรักของนับหมื่น 8.พยศร้ายหัวใจเถื่อน
9.เมียรักของนับพัน
จากทำมือเอง มียอดทำมือสูง คิดว่าเป็นนักเขียนดังหรือยัง? ถ้าตอบเอาเคล็ดก็ต้องบอกว่าดังค่ะ (หัวเราะ) แต่ถ้าเอาเรื่องจริงมาร์คิดว่ายังห่างไกลค่ะ ความดัง ไม่ดัง เป็นที่รู้จักหรือไม่ต้องให้คนอ่านเป็นผู้ตัดสิน ในนักอ่านกลุ่มหนึ่งเราอาจเป็นขวัญใจ และที่สุดของพวกเขา แต่อีกกลุ่มหรือหลายกลุ่ม อาจจะไม่มีใครรู้จักหรือผ่านตาผลงานของเราเลยก็เป็นได้ค่ะ ในอดีตจนถึงปัจจุบันมีนักเขียนเกิดและดับไปมากมายเยอะแยะเฉกเช่นอาชีพอื่น ๆ ค่ะ วันนี้ดัง ชื่อเสียงกระฉ่อน ถูกจับตามอง วันพรุ่งนี้ก็อาจจะเป็นนักเขียนที่ตายไปตามกาลเวลาได้ค่ะ ที่ถามว่าต้องพัฒนาฝีมือไปเรื่อย ๆ ใช่หรือไม่ ? ถูกต้องค่ะ เราเชื่อมั่นใจตัวเองได้ มีอีโก้ได้ เพราะนั่นจะทำให้จิตใจของเราไม่อ่อนแอ ไหวเอนไปตามกระแสลมฝน ถ้าคนสร้างเรื่อง (แต่งนิยาย) เป๋ไปตามลมปาก หรือกระแสใด ๆ ก็ตาม เนื้อเรื่องผลงานที่สร้างสรรค์ออกมาก็ไม่ต่างจากไม้หลักปักขี้เลนค่ะ แต่ภายในความมั่นใจ เชื่อมั่นนี้ เราก็ต้องทำตัวให้เป็นเสมือนน้ำครึ่งแก้วด้วย เมื่อมีความรู้ใหม่ ๆ เข้ามา คำแนะนำที่มีประโยชน์สามารถนำไปปรับใช้ได้ ก็ต้องพร้อมจะเรียนรู้และเปิดใจค่ะ
จากโควิดระบาด 3 รอบถามว่ามีผลกับยอดนิยายของมาร์ไหม? สำหรับมาร์คิดว่าไม่มีนะคะ ปัจจุบันนี้ดีตรงที่มีช่องทางออนไลน์สามารถเข้าถึงคนอ่าน คนซื้อได้ทุกที่ โปรโมชั่นต่าง ๆ ที่แต่ละเว็บหรือบริษัท แม้แต่หน่วยงานของสมาคมหนังสือฯ เอง ก็ไม่ได้หยุดนิ่งไปตามสถานการณ์โรคระบาดค่ะ ที่สำคัญ วิถีนักเขียนเองคือการนั่งทำงานหัวฟู เพ้อเจ้ออยู่หน้าคอมฯ ด้วยแล้วมั้งคะ ในสถานการณ์แบบนี้จึงค่อนข้างออกผลงานกันได้ถี่ ๆ สร้างรายได้ดีกว่าปกติอีกค่ะ (หมายถึงนักเขียนท่านอื่น ๆ นะคะ ที่ออกงานถี่ ๆ ส่วนมาร์นั้น อืดเอื่อยเหมือนเดิม) แต่ที่มีผลกระทบจริง ๆ ก็มีค่ะ แต่ก็เป็นส่วนหนึ่งในวงการเท่านั้นที่ได้รับผลกระทบนี้ คือสำหรับสำนักพิมพ์ที่จัดจำหน่ายรูปเล่มกับทางจัดจำหน่ายในประเทศค่ะ เมื่อห้างฯ ปิด ร้านหนังสือจึงต้องปิดค่ะ เงินและยอดขายส่วนนี้จึงเท่ากับศูนย์ไปเลย แต่เปอร์เซ็นต์ของนักเขียนที่ส่งเข้าจัดจำหน่ายยังไม่มากเท่านักเขียนที่ทำมือเพียงอย่างเดียว ด้วยความที่ก่อนหน้านี้หลายปี เศรษฐกิจและวงการหนังสือซบเซาอย่างหนัก สำนักพิมพ์ที่เราเคยได้ยินชื่อ หรือรู้จักกันมาอย่างยาวนานได้ปิดตัวลงไปค่อนวงการ ปัจจุบันใครอยากออกหนังสือขายทั่วประเทศจึงไม่มีตัวกลางแล้ว (ซึ่งพอไม่มีตัวกลางก็มีทั้งข้อดีและข้อเสียนะคะ จะยังขอไม่อธิบายในหัวข้อนี้ มาร์กลัวจะยาวเกินไป) ต้องติดต่อโดยตรงกับทางจัดจำหน่าย ซึ่งก็ไม่ใช่ว่านักเขียนทุกคนจะมีกำลังเปิดสำนักพิมพ์ของตัวเอง และติดต่อประสานงานอีกมากมายหลายเรื่อง ส่วนสำคัญเลยคือค่อนข้างใช้ทุนทรัพย์เยอะค่ ของมาร์เจอแจ็กพอร์ตเมื่อตอนโควิดระบาดรอบแรกส่ง “พยศร้ายหัวใจเถื่อน” เข้าจัดจำหน่ายได้เพียงหนึ่งเดือนโควิดระบาด ร้านหนังสือถูกสั่งปิดแบบฟ้าผ่า แต่ในความโชคร้ายก็ยังพอมีแต้มบุญอยู่บ้าง ที่ยอดเดือนเดียวนั้นคุ้มทุน มีกำไร และเป็นยอดที่ถือว่าโอเคค่ะ เลยเจ็บตัวไม่มาก และผลกระทบอีกส่วนคืองานหนังสือในประเทศ ที่ถูกจัดขึ้นปีละ 2 ครั้งต้องถูกเลื่อนจัดงานหลายรอบค่ะ แม้จะมีนักเขียนส่วนน้อยที่มีสำนักพิมพ์ของตัวเอง และได้รับเกียรติเป็นหนึ่งในสมาชิกของสมาคมหนังสือแห่งประเทศไทย เมื่องานถูกงดจัด รายได้ส่วนนี้ที่ปกติจะถูกหักจากการขายเล่มในร้านในห้างฯ จะได้เต็มเม็ดเต็มหน่วยก็หมดสิทธิ์ไปด้วยเช่นกันค่ะ แต่ก็ใช่ว่านักเขียนส่วนมากที่ถึงไม่ได้เป็นสมาชิกในสมาคมฯ จะไม่ได้รับผลกระทบนะคะ มีหลายบูธ หลายร้านที่รับหนังสือจากนักเขียนมาขายในงานเช่นกันค่ะ แม้จะถูกหักเปอร์เซ็นต์ไปตามข้อตกลงซื้อขาย แต่นั่นย่อมดีกว่าการไม่ได้ขายเลย เมื่องานงดจัด ยอดสั่งซื้อจึงอาจได้รับผลกระทบเช่นกันค่ะ ในกรณีที่งานสัปดาห์หนังสือถูกยกเลิกมีผลกระทบต่อใจอย่างแรงเลยค่ะ คือตั้งใจว่าจะได้ไปเจอคนอ่าน ได้พบปะพูดคุยกัน นัดแนะกันซะดิบดี มาร์ทำของแถม ของแจก ของที่ระลึกเตรียมเอาไปให้แฟนคลับที่มาเจอกันเยอะแยะเลยค่ะ พองานทุกอย่างล้มเลิกก็เลยจะเสียใจหน่อย ๆ ค่ะ ทางด้านค่าออกงานทางสมาคมฯ ได้คืนให้ทุกบาททุกสตางค์เลยไม่มีปัญหาตรงส่วนนี้ค่ะ แต่ค่าใช้จ่ายอื่น ๆ จิปาถะคือก็ต้องรับไปทั้งหมดค่ะ อย่างของมาร์นี่จองบ้านพักไว้ จ่ายเงินครบจนจบงาน เมื่อแจ้งไปทางบ้านพักว่ามีการเลื่อนและยกเลิก ทางนั้นก็แจ้งว่าไม่สามารถคืนเงินได้ค่ะ แต่เหนือสิ่งอื่นใด มาร์เข้าใจและยอมรับได้นะคะ การจัดงานในช่วงเวลาตอนนั้นเสี่ยงมาก ๆ เพื่อความปลอดภัยทำแบบที่สมาคมฯ เห็นสมควรเป็นการดีที่สุดแล้วค่ะ
จากโควิดระบาด 3 รอบไม่มีผลต่อจิตใจมาร์แต่มาร์มีโรคประจำตัวค่ะ เป็นโรคที่ผู้หญิงเป็นกันมาก ไม่ได้ถึงขั้นร้ายแรงแต่ในระยะยาวก็ส่งผลเสียกับสุขภาพไม่น้อยค่ะ แต่ไม่มีผลต่อการเขียนงานเท่าไรค่ะ เพราะส่วนมากเมื่อเริ่มทำงานจะเกี่ยวเนื่องกับเรื่องอารมณ์มากกว่า ส่วนถ้าพบเจอเรื่องไม่สบายใจจะมีผลกับการเขียนงานหรือไม่ ? ไม่มีเลยค่ะ มาร์ค่อนข้างแยกแยะเรื่องส่วนตัวกับเรื่องงานออกจากกันได้อย่างสิ้นเชิงค่ะ เวลาได้เริ่มแต่งนิยายเหมือนมาร์ได้พักผ่อน หลุดเข้าไปอีกโลกนึง ละจากความเครียดและไม่สบายใจได้ทั้งหมดค่ะ ที่สำคัญเลย มาร์จะได้รับกำลังใจจากคนอ่านอยู่เนือง ๆ แบบไม่เคยขาดเลยค่ะ ต่อให้มาร์ไม่ได้ออกงานเขียนเลย 3 ปี ก็ยังคงได้รับกำลังใจและแรงกระตุ้นอยู่ตลอดเลย ทำให้ละทิ้งงานเขียนไปไม่ได้ และสนุก มีความสุขที่จะได้เขียนงานออกมาให้คนที่รอสนับสนุนค่ะ
ทุกวงการนักเขียนมักต้องเจอคนชอบและไม่ชอบเวลาเจอเรื่องเหล่านั้นตัวมาร์ไม่เห็นต้องทำอะไรเลยค่ะ (หัวเราะ) มาร์เป็นคนค่อนข้างจริงจังกับทุกเรื่องนะ โดยเฉพาะการใช้ชีวิต ไม่เคยคิดเอาเปรียบหรือเบียดเบียนใคร ใช้ชีวิตบนความถูกต้องสมควรมาตลอด ไม่นินทาว่าร้ายใครให้ตัวเองต้องมัวหมอง จึงไม่ได้รู้สึกว่าผิดต่อใคร หรือทำสิ่งไม่ดีกับใครค่ะ ส่วนใครจะชอบหรือไม่ชอบมาร์ นั่นจึงเป็นส่วนของเขาค่ะ ไม่จำเป็นที่มาร์ต้องใส่ใจเลย เราต้องยอมรับก่อนว่าส่วนนึงที่ประกอบขึ้นเป็นส่วนลึกในจิตใจคน ย่อมมีรักเกลียด โลภโกรธ หลงระเริง อิจฉาริษยา หมั่นไส้ ไม่มีทางเลยค่ะที่เราจะไม่ประสบพบเจอกับคนที่คิดกับเราแบบนี้สักครั้งในชีวิต เรารู้ เห็น ก็แค่มองเขาด้วยความสังเวชและให้เข้าใจธรรมชาติของเขา ยกจิตใจตัวเองให้สูงอย่างที่เป็นมาก็พอ เป็นสิ่งที่เราทำได้ค่ะ
สำหรับซีรีส์ ‘เมียรักของนับแสน นับหมื่น นับพัน’ เรื่องที่ได้เงินมามาก มาเร็ว ดูเป็นกอบเป็นกำในเวลาอันรวดเร็วคือ “เมียรักของนับพัน” ค่ะ อาจเป็นเพราะเป็นภาคต่อจากพวกพี่ ๆ ด้วย คนอ่านที่ประทับใจมาจาก 2 เรื่องก่อนหน้านี้จึงตามและรอกันค่อนข้างเยอะค่ะ แต่ถ้าถามว่าเรื่องไหนยอดสูงสุด อันนี้มาร์ไม่สามารถตอบได้ค่ะ เพราะ “เมียรักของนับแสน” ขายมานานกว่าเรื่องอื่น ๆ ในเซต “เมียรัก” หลายปี ยอดขายแต่ละปีก็ยังดีอยู่ตลอด “เมียรักของนับหมื่น” ก็จะขายคู่กันกับเล่มพี่ ยอดจึงมากและยังขายได้เรื่อย ๆ ทั้ง 3 เรื่องเลยค่ะ
นิยายล่าสุดเรื่อง “เมียรักของนับพัน” เหตุผลมี 2 เล่ม (หัวเราะนำไปก่อนเลย) มาร์เขียนยาวเองค่ะ ตอนที่วางพล็อตเรื่องก็คิดแล้วว่าต้องยาวมากแน่ ๆ แต่ก็ปลอบใจตัวเองว่าเดี๋ยวค่อยตัดทอนเอาบางช่วงบางตอน แต่พอเริ่มเขียนจริง ๆ ก็เสียดายค่ะ ในหัวคิดอยู่ตลอดว่าคนอ่านรอเฮียพันมาหลายปี จะนานแค่ไหน ราคาเท่าไร คนอ่านมาร์น่ารักทั้งนั้นเลยนะคะ ไม่เกี่ยง ไม่ต่อรอง ขอแค่ให้มาร์รีบเขียนออกมาก็พร้อมสนับสนุนเต็มที่ นั่นยิ่งทำให้มาร์รู้สึกเป็นบุญคุณ รู้สึกซาบซึ้งใจอยู่ตลอด เวลาเขียนฉาก ไดอะล็อก ใด ๆ ก็อยากให้ทุกคนได้อ่านกัน ได้สนุก เพลิดเพลินไปเหมือนกับตอนที่มาร์เขียน พอสุดท้ายรู้ว่าฉุดความหนาไม่อยู่แล้วแน่ ๆ ก็เลยใส่ให้เต็มเหนี่ยวไปเลยค่ะ เหนื่อยมาก เหนื่อยกว่าเดิมหลายเท่า ปวดหัวและสูบพลังงานมากค่ะ แต่พอคิดว่าทุกอย่างที่ทำคนอ่านจะได้กำไร ได้เห็นรอยยิ้ม รู้ว่าเขามีความสุข มาร์ก็หายเหนื่อยนะคะ
ส่วนของปีหน้ามาร์มีแพลนรีปริ้นนิยาย 2 เรื่องคือ “ทัณฑ์รักหัวใจเถื่อน” ซีรีส์หัวใจเถื่อน ลำดับที่ 1 เป็นเรื่องราวความรักของ น้องว่านกับคุณหนึ่งค่ะ อีกเรื่องคือ “กรงไร้รัก ทาสหัวใจ” เรื่องราวของหนูขวัญกับคุณอ้าวค่ะ และเรื่องที่วางพล็อตไว้มาแน่ ๆ เรื่อง “เมียหย่าของหมอ” ค่ะ ถ้านักอ่านต้องการติดตามผลงานของมาร์ได้ที่
Facebook : Gunyavee Cokrit(มาหยา มาลีรินทร์ นักเขียนแก้มป่อง)
แฟนเพจ : มาลีรินทร์
Line Id : 0879703566
ช่องทางการซื้อ e-book : https://www.mebmarket.com และ https://naiinpann.com ค่ะ
ช่องทางการซื้อแบบรูปเล่ม : นิยายของมาร์จัดจำหน่ายทั่วประเทศกับทางอมรินทร์เป็นหลักค่ะ หรือสามารถติดต่อซื้อกับมาร์ได้โดยตรงค่ะ”
คำถามนิยายเรื่องล่าสุดของนามปากกา “มาลีรินทร์” ซีรีส์เซตเมียมีเรื่องใดบ้าง?
ทราบคำตอบ เขียนชื่อ – ที่อยู่ และคำตอบให้ชัดเจน ลงไปรษณียบัตร ส่งมาที่
‘สกู๊ปพิเศษ’
เลขที่ 32/15 ซ.ลาดพร้าว 23 แขวงจันทรเกษม เขตจตุจักร กรุงเทพฯ 10900
ผู้ตอบถูก 5 ท่านได้รับนิยายของ “มาลีรินทร์” (ขอบคุณที่สนับสนุนของรางวัล)
หมดเขตส่งคำตอบ 31 ธันวาคม 2564